เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2311 ทะลวงขั้นกลายเป็นผู้หยั่งรู้บริสุทธิ์ / ตอนที่ 2312 คัดออก
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 2311 ทะลวงขั้นกลายเป็นผู้หยั่งรู้บริสุทธิ์ / ตอนที่ 2312 คัดออก
ตอนที่ 2311 ทะลวงขั้นกลายเป็นผู้หยั่งรู้บริสุทธิ์
ประมาณครึ่งเดือนผ่านไป เฟิ่งจิ่วที่อยู่ในห้วงมิติลืมตาขึ้นมา พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ
กลิ่นอายพลังเร้นลับในร่างเธอได้พัฒนาขึ้นในครึ่งเดือนที่ผ่านมา จากระดับเทพนักรบทะลวงขั้นกลายเป็นผู้แข็งแกร่งกลายเป็นระดับผู้หยั่งรู้บริสุทธิ์ แม้แต่วรยุทธ์ที่อยู่ในระดับปราชญ์เซียนขั้นสูงสุดในตอนแรก ก็ทะลวงขั้นสำเร็จในที่สุด กลายเป็นผู้อาวุโสเซียนขั้นกลาง
กลิ่นอายเม็ดบัวเขียวในร่างกายก็กำลังป่วนพล่าน กระจายไปทั่วร่างกาย เธอเก็บซ่อนกลิ่นอายพลังขุมนี้ไว้ กดข่มพลังของตนเองให้อยู่ในระดับปราชญ์เซียน ก่อนจะหายตัวออกไปจากห้วงมิติ
ผลักประตูออกมาที่ลานบ้าน เห็นข้างนอกไม่มีคน จึงเดินออกไปข้างนอกอีก
“นายท่าน นายท่านออกมาแล้วหรือ” หญิงวัยกลางคนเห็นเฟิ่งจิ่วออกมา ต่างก็คารวะอย่างนอบน้อม มองเขาด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้ม
“อืม” เธอรับคำ ถามว่า “ช่วงนี้ในเมืองปกติดีหรือไม่”
“นายท่านวางใจ ทุกอย่างล้วนปกติดี เพียงแต่มีผู้ฝึกตนมารวมตัวกันที่ประตูเมืองจำนวนมาก ตั้งแต่ติดป้ายประกาศก็รออยู่ตรงนั้นตลอด ตอนนี้นายท่านออกมาแล้ว ไปดูสักหน่อยก็ดี” หญิงวัยกลางยิ้มเอ่ย
เฟิ่งจิ่วเอ่ยว่า “พวกเจ้าเตรียมอ่างอาบน้ำเข้าไปในห้องของข้าที แล้วก็เตรียมอาหารให้ข้าหน่อย”
“เจ้าค่ะ นายท่านนั่งรอสักครู่ พวกข้าจะรีบไปเตรียมเดี๋ยวนี้” พวกนางรับคำ คารวะแล้วถอยออกไป
ในเมืองมีบ่อน้ำ เรื่องอย่างการอาบน้ำจึงไม่ใช่เรื่องยาก ตอนนี้พวกเขาอาศัยอยู่ที่มาครึ่งเดือนแล้ว ล้วนคุ้นเคยกับทุกอย่างที่นี่เป็นอย่างดีแล้ว ได้ยินว่านายท่านต้องการอาบน้ำ บางส่วนก็ไปเตรียมน้ำร้อน บางส่วนก็ไปเตรียมอาหารการกิน…
ในระหว่างนี้ คนที่อยู่ด้านหน้าได้ยินว่าเฟิ่งจิ่วออกจากการเก็บตัวแล้ว ต่างก็อดเผยสีหน้าดีใจออกมาไม่ได้
“ดีเหลือเกิน ในที่สุดนายท่านก็ออกมาแล้ว คนของเราทางนี้น่าจะค่อยๆ มีมากขึ้นแล้ว”
“ถูกต้อง เมื่อเป็นอย่างนี้ พลังต่อสู้ก็จะยิ่งแข็งแกร่ง ตอนแรกยังกังวลว่ากลุ่มอำนาจอื่นจะเล่นงานพวกเรา นึกไม่ถึงว่านี่ก็ผ่านไปกว่าครึ่งเดือนแล้วก็ยังเงียบกริบ ดูท่าพวกนั้นคงจะกลัว”
“นั่นสิ พลังที่แข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อของนายท่าน ใครบ้างไม่กลัว”
“หน้าประตูเมืองในครึ่งเดือนมานี้ก็มีคนมารวมตัวกันนับร้อยคนแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีกี่คนที่เข้าตานายท่านและถูกเลือกเข้ามา”
“ข้าเดาว่าไม่ร้อยคนก็น่าจะแปดสิบกระมัง ข้าเห็นพลังของผู้ฝึกตนไร้สำนักพวกนี้ต่างก็ไม่เลว”
ระหว่างที่พวกเขากำลังพูดคุยถกเถียงกันอยู่ เฟิ่งจิ่วที่อาบน้ำและกินข้าวเสร็จก็กำลังเดินมาที่ประตูเมือง เธอในชุดสีแดงทั้งตัวมีดวงหน้างามล้ำและบุคลิกสูงสง่า ทุกท่วงท่าและอิริยาบถล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดา ทำให้ถึงแม้ดวงหน้าของเธอจะงามล่มเมืองเพียงใด ก็ไม่มีใครคิดว่าเธอเป็นผู้หญิง
ไม่ว่าใครก็ไม่มีทางเชื่อ คนเช่นนี้จะเป็นผู้หญิงไปได้ เพราะอย่างไร ภาพที่เขาสังการผู้อาวุโสเซียนคนนั้นยังคงชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้น กลิ่นอายที่ดุดันน่าครั่นคร้ามนั่น ไม่มีใครเชื่อว่าจะเป็นสิ่งที่ผู้หญิงคนหนึ่งมี
“นายท่านมาแล้ว!”
เด็กน้อยอายุเจ็ดแปดขวบคนหนึ่งตะโกนร้องด้วยความดีใจ ทำให้คนที่อยู่บนประตูเมืองต่างหันกลับมา ครั้นพวกเขาหันมา เห็นเพียงด้านในของประตูเมือง ระหว่างสัตว์เทวะขั้นสุดยอดสองตัวนั้น เงาร่างสีแดงร่างหนึ่งกลับยืนอยู่ตรงนั้น
เวลานี้ เขากำลังเอื้อมมือไปตบหัวของสัตว์ร้ายที่มีนิสัยโหดเหี้ยมเบาๆ คล้ายกำลังพูดอะไรบางอย่างกับมัน
นอกจากผู้เฝ้าประตูเมืองสองคน คนอื่นๆ ล้วนเดินลงไปข้างล่าง เมื่อลงมาถึง ก็คารวะเขาอย่างนอบน้อม “นายท่าน”
………………………………….
ตอนที่ 2312 คัดออก
“อืม”
เฟิ่งจิ่วรับคำ มือหนึ่งลูบขนของสัตว์ร้ายที่อยู่ข้างกาย สัตว์ร้ายระดับสัตว์เทวะขั้นสุดยอด เมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดันสัตว์เทวะโบราณของเธอไม่กล้าแสดงนิสัยดุร้ายออกมาแม้แต่น้อย แต่กลับนอนหมอบอย่างว่าง่ายอยู่บนพื้น เชื่องราวกับเป็นสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง
“ยกเก้าอี้มาให้ข้าตัวหนึ่ง จากนั้นก็จัดกลุ่มคนข้างนอกเข้ามาทีละสิบคน” เธอสั่งการกับพวกเขาที่อยู่ข้างๆ
“ขอรับ” ทุกคนรับคำ คนบางส่วนไปยกเก้าอี้มา บางส่วนยืนเฝ้าอยู่สองข้าง บางส่วนออกไปนอกประตูเมือง…
ฝูงชนที่รออยู่ข้างนอกเมื่อเห็นว่ามีคนจากข้างในออกมา ก็รีบมุงล้อมเข้าไป “พวกข้าเข้าไปได้แล้วใช่หรือไม่”
“เริ่มการคัดเลือกคนแล้วใช่หรือไม่”
ฝูงชนระรัวถามกันให้วุ่น แต่ละคนล้วนจ้องมองไปที่กู่เสียง
กู่เสียงเดินฝ่าฝูงชน มองชายฉกรรจ์คนนั้นที่ลุกขึ้นยืนด้วยเช่นกัน ชายคนนั้นก็คือคนที่นายท่านต้องการตัวตั้งแต่แรก เดาว่าเขาเองก็คงได้ยินข่าวทางนี้จึงได้ตัดสินใจมาเข้าร่วมกับพวกเขากระมัง
“ตามข้าเข้ามาก่อนสิบคน ที่เหลือรอก่อน” กู่เสียงเอ่ย หันไปเอ่ยกับสิบคนข้างกายประโยคหนึ่ง ก่อนจะพาพวกเขาเข้าไป
สิบคนที่เข้าไปข้างในก่อนอดรู้สึกกระวนกระวายไม่ได้ พวกเขาไม่รู้เงื่อนไขในการคัดเลือกของอีกฝ่าย และไม่รู้ว่าในหมู่พวกเขานี้จะมีคนถูกรับกี่คน
“นายท่าน พาคนมาแล้ว” กู่เสียงคารวะอย่างนอบน้อม ถอยไปด้านหนึ่ง ให้สิบคนข้างๆ ก้าวเข้าไป
คนทั้งสิบเมื่อเห็นเงาร่างสีแดงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ รวมถึงดวงหน้าที่งดงามล้ำเลิศนั่น ต่างก็อดตะลึงไม่ได้ มีคนหลุดปากโพล่งออกไปว่า “จะ เจ้าก็คือผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่หรือ”
“บังอาจ!”
ผู้นำตระกูลเฒ่าที่อยู่ด้านหนึ่งตวาดเสียงเข้ม จับจ้องผู้ฝึกตนคนนั้นด้วยสายตาเกรี้ยวกราด แรงกดดันของปราชญ์เซียนแผ่ปกคลุมออกไป ทำให้ผู้ฝึกตนคนนั้นหน้าซีดขาว รู้สึกได้เพียงแรงกดดันที่กดทับลงมาจากข้างบน ขาทั้งสองข้างอ่อนแรง ก่อนจะคุกเข่าลงไปกับพื้นเสียงดัง
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ ยกมือข้างหนึ่งเท้าคาง เอ่ยว่า “เงยหน้าขึ้นมามองข้า ลองบอกมา เหตุใดเจ้าจึงอยากเข้ามาอยู่ในเมืองเฟิ่ง เป็นลูกน้องของข้า”
ผู้นำตระกูลเฒ่าเห็นนายท่านถามคำถาม จึงเก็บแรงกดดันกลับมา ทำให้คนคนนั้นได้หอบหายใจ
“เพราะเจ้าแข็งแกร่ง อีกอย่าง ข้ารู้ว่าเมืองเฟิ่งยังมีคนไม่มาก ฉะนั้นจึงอยากเข้ามาร่วมด้วย” เขาเงยหน้ามองคนที่อยู่บนเก้าอี้ ตอบออกไปตามตรง เพียงแต่ เมื่อมองใบหน้านั้น กอปรกับเห็นว่าเธอสวมชุดผู้ชายแน่ๆ ชั่วขณะนี้ เขาไม่รู้แล้วว่าตกลงคนคนนี้เป็นหญิงหรือชายกันแน่
“คนอื่นก็ลองว่ามาเถอะ! เวลาพูด ดวงตาให้มองมาที่ข้า” เธอมองคนที่เหลือด้วยท่าทางเฉื่อยชาเกียจคร้าน
อีกเก้าคนที่เหลือเองก็ไม่รู้ว่าเขาต้องการฟังคำตอบแบบใดกันแน่ ด้วยเหตุนี้ คำตอบที่ตอบออกมาล้วนแตกต่างกันออกไป กู่เสียงรับผิดชอบพาคนข้างนอกเข้ามาทีละกลุ่ม…
ท่ามกลางคนกลุ่มสุดท้าย มีชายฉกรรจ์ที่เฟิ่งจิ่วหมายตาในตอนแรกรวมอยู่ด้วย ด้วยเหตุนี้ เธอมองเขาด้วยความสนใจ ถามว่า “เหตุใดเจ้าจึงอยากเข้ามาอยู่ในเมืองเฟิ่ง และกลายเป็นลูกน้องของข้า”
“เพราะที่นี่ของเจ้าเป็นที่เดียวที่รับแค่ผู้ฝึกเซียน และยังเป็นสถานที่ที่มีเด็กและผู้หญิงด้วย” ชายฉกรรจ์คนนั้นมองเฟิ่งจิ่ว ขณะตอบออกไปตามความจริง
เฟิ่งจิ่วพยักหน้า ในที่สุดก็ลุกขึ้นยืน คนจำนวนหนึ่งร้อยหกสิบห้าคน ถูกเธอแยกให้ยืนอยู่สองกลุ่มซ้ายขวา ด้านซ้ายมีคนยืนอยู่เจ็ดสิบห้าคน ด้านขวามีคนเก้าสิบคน
“คนด้านซ้ายอยู่ต่อ คนด้านขวาพาออกไปเถอะ!” เฟิ่งจิ่วออกคำสั่ง ให้พวกเขาพาคนออกไป
ทว่า คนด้านขวากลับมีคนอึ้งค้าง จากนั้นก็เอ่ยขึ้นอย่างโกรธโมโห “ทำไมพวกข้าจึงถูกคัดออก ข้าพูดเหมือนเจ้านั่นทุกอย่างแท้ๆ”
………………………………….