เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2329 ไม่รู้ที่ไป / ตอนที่ 2330 ไม่ได้มีแค่ตายสถานเดียว
ตอนที่ 2329 ไม่รู้ที่ไป
คนข้างหลังกำลังหารือกันอยู่ ทว่าด้านหน้าหอยาสวรรค์ ไป๋ชิงเฉิงกำลังเช็ดชั้นวางของ ไม่ไกลจากนาง มีหยางเสี่ยวเอ้อร์คอยตับตามองอยู่
“เจ้าว่าเจ้าก็มาอยู่ที่นี่เป็นเวลาหลายเดือนแล้ว เหตุใดทำเรื่องพวกนี้ยังต้องให้ข้าบอกอีก มุมชั้นวางของต้องเช็ดให้สะอาด ยังมีบริเวณเหล่านี้ด้วย ห้ามมีฝุ่นเด็ดขาด” หยางเสี่ยวเอ้อร์เอามือกอดอกจ้องไป๋ชิงเฉิงที่หน้าตางดงาม พลางยืนชี้นิ่วสั่งอยู่ข้างๆ
ยามเห็นลูกต้าเข้ามาก็เอาแต่หรี่ตาจ้องไป๋ชิงเฉิง นางแค่นเสียง “หรี่ตาจ้องอะไรกัน ไม่เคยเห็นหญิงสาวหรืออย่างไร”
“อ้าว แม่นางเสี่ยวเอ้อร์ แม่นางไป๋…”
ชายชุดผ้าไหมคนหนึ่งยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกหยางเสี่ยวเอ้อร์ตัดบท
“นาง เจ้าหยุดคิดถึงนางได้เลย เจ้าว่าเจ้ามาเฝ้ามองนางที่นี่ทุกเมื่อเชื่อวัน แล้วยังสืบขาวไปทั่ว ก็รู้ประวัติของนางแต่แรกแล้วไม่ใช่หรือ ข้าบอกเจ้าเลยนะ หากยังทำอะไรเกินเลย คาดว่าภายหน้าแม้แต่ประตูหอยาสวรรค์เจ้าก็คงก้าวผ่านเข้ามาไม่ได้แล้ว”
“รู้นั้นรู้ เพียงแต่รู้สึกว่าแม่นางไป๋มาเป็นสาวรับใช้ให้ภูตหมอนั้น ออกจะ…”
ชายชุดผ้าไหมเอ่ยอย่างปวดใจ ผู้หญิงงดงามอรชรเช่นนั้น ได้ยินว่าเป็นคุณหนูตระกูลผู้ดี ซ้ำยังเคยเป็นสตรีสูงส่งในสำนักตะวันฉาย หนึ่งในสี่สำนักใหญ่ด้วย ตอนนี้กลับต้องตกมาเป็นทาสรับใช้ เสียของเกินไปแล้ว
“ออกจะสิ้นเปลืองอย่างนั้นหรือ”
หยางเสี่ยวเอ้อร์ย้อนถาม เหล่มองไป๋ชิงเฉิงที่กำลังเช็ดชั้นวางของแวบหนึ่ง “นางสมควรโดนแล้ว”
ผู้หญิงคนนี้มาที่นี่ได้อย่างไร นางล้วนรู้ทั้งหมด คนอย่างนางสมควรต้องเจอกับความยากลำบากเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น หยางเสี่ยวเอ้อร์รู้สึกว่าให้นางเป็นทาสรับใช้ของพี่เฟิ่งไม่ถือว่าลำบากอะไร
“เจ้าจะไปซื้อของก็ไป อย่าเอาแต่เดินวนเวียนอยู่แถวนี้” หยางเสี่ยวเอ้อร์บอกชายชุดผ้าไหม มองไป๋ชิงเฉิงแวบหนึ่ง ก่อนจะหันตัวเดินจากไป
ชายชุดผ้าไหมเห็นหยางเสี่ยวเอ้อร์ไปแล้ว จึงขยับเข้าไปใกล้ “แม่นาง…” ยังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นไป๋ชิงเฉิงที่กำลังเช็ดชั้นวางของเงยหน้าขึ้นมา เหลือบมองผู้ชายคนนั้นด้วยสายตาเย็นชาและรังเกียจ
“ไปให้พ้น!”
นางจ้องผู้ชายคนนั้น ดวงหน้าโดดเด่นสาดฉายแววรังเกียจ
ผู้ชายคนนั้นถูกนางจ้องเช่นนี้ก็รู้สึกอับอายกลายเป็นโกรธ แค่นเสียงขึ้นจมูก สะบัดแขนเสื้อเดินออกไป ขณะเดียวกันก็พูดทิ้งท้ายไว้ “ยังจะคุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋อะไร! ก็แค่ผู้หญิงที่งามแต่รูปคนหนึ่งเท่านั้น แสร้งวางท่าสูงส่งอะไรกัน!”
เห็นผู้ชายคนนั้นไปแล้ว ไป๋ชิงเฉิงเม้มปาก ไม่พูดอะไรเพียงก้มหน้าก้มตาเช็ดสิ่งของต่อไป ตอนนั้นเฟิ่งจิ่วบอกว่าจะให้เวลานางสะสางเรื่องราวต่างๆ จากนั้นก็ให้มารายงานตัวที่นี่ แม้นางจะไม่ยินยอม แต่สุดท้ายก็มาแล้ว
ยังคงจำได้ดีตอนที่คนทางบ้านรู้ข่าว แต่ละคนโกรธโมโหอย่างมาก ยิ่งมีคนที่เคยอิจฉานางคอยพูดจาเยาะเย้ยถากถางอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น กระทั่งคนในตระกูลยังมาหาถึงสำนัก หวังว่าเจ้าสำนักจะออกหน้าพูดให้ แต่สุดท้ายก็ยังลงเอยเช่นนี้ นางก็ยังมาที่หอยาสวรรค์นี่แล้ว
บางทีอาจเพราะคนที่นี่ล้วนรู้ว่านางมาที่นี่ได้อย่างไร ด้วยเหตุนี้คนที่นี่จึงไม่ได้เป็นมิตรกับนางนัก ล้วนเฉยชากับนางอย่างมาก สิ่งที่ทำให้นางตะลึงและเหนือคาดมากที่สุดก็คือ คนที่นี่ กลับล้วนโดดเด่นและสะดุดตากว่าคนอื่น
คนเหล่านั้นที่ไม่ว่าไปอยู่ที่ใดล้วนนับได้ว่าเป็นคนแถวหน้า กลับยินยอมที่จะอยู่ในหอยาสวรรค์แห่งนี้ กลายเป็นคนของเฟิ่งจิ่ว…
………………………………….
ตอนที่ 2330 ไม่ได้มีแค่ตายสถานเดียว
ยังมียาที่วางขายในหอยาสวรรค์อีก นาทีที่เห็นยาพวกนี้ นางก็ได้รู้ว่าเหตุใดนักเล่นแร่แปรธาตุของสำนักตะวันฉายจึงได้พ่ายแพ้ให้แก่เฟิ่งจิ่ว
จำต้องยอมรับว่าตอนที่นางเพิ่งมาที่นี่นางรู้สึกต่อต้านมาก แต่พอได้อยู่ที่นี่หลายเดือน แม้ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงไม่เคยได้เจอนายท่านเฟิ่งจิ่วผู้นั้น แต่นางรู้ ตอนนี้นางไม่ได้รู้สึกต่อต้านที่มีนายท่านอย่างนั้นอีกแล้ว กระทั่งแอบกังวลใจ และตื่นตระหนกเล็กน้อย ว่าคนเองจะถูกรังเกียจ และถูกเย็นชาใส่ไปตลอด
เพียงแต่ไม่รู้ว่านายท่านไปอยู่ที่ไหนกันแน่ เหตุใดตอนนี้จึงไม่เห็นเงาคน
เฟิ่งจิ่วที่ถูกขังไว้ในแผ่นดินลอยฟ้าผืนนั้นหลังจากกำชับให้ลูกน้องไปจัดการธุระให้ ตนเองก็กักตัวฝึกตนอยู่ในห้วงมิติ สองเดือนก่อนเธอได้ศึกษาดูแล้วว่าจะทลายค่ายกลและเขตอาคมของที่นี่อย่างไร เพียงแต่ พลังของเธอในตอนนี้ยังไม่อาจทะลวงถึงระดับจักรพรรดิเซียน ด้วยเหตุนี้ จึงยังไม่ได้ทลายค่ายกลและเขตอาคม
ยังมีอีกจุดหนึ่งก็คือ ผู้ฝึกวิชามารและผู้ฝึกตนของที่นี่ยังไม่ได้จัดการให้เรียบร้อย หากจู่ๆ ก็ทลายค่ายกลและเขตอาคมปล่อยให้พวกเขาหนีออกไปได้ เกรงว่าด้วยนิสัยเหี้ยมโหดกระหายเลือดและพลังต่อสู้อันแข็งแกร่งของพวกเขา จะต้องก่อเหตุนองเลือดครั้งใหญ่ขึ้นแน่ สถานการณ์เช่นนั้น ผลลัพธ์เช่นนั้น เธอย่อมไม่อยากเห็นอยู่แล้ว
ทว่า สิ่งที่ทำให้เธอนึกไม่ถึงก็คือ เธอฝึกตนอยู่ในห้วงมิติมาตลอด ผ่านไปหลายเดือนแล้วพลังก็ยังพัฒนาไปแค่ระดับผู้อาวุโสเซียนขั้นสูงสุด
วันนี้ เธอออกมาจากห้วงมิติ เดินไปด้านหน้า ก็เจอนายท่านเซียวเหยาที่กำลังดื่มสุราอยู่ใต้ต้นไม้
“ชางฉิง ทำไมเจ้าดื่มเหล้าอีกแล้ว เรื่องที่ข้ามอบหมายให้เจ้าไปทำเป็นอย่างไรบ้างแล้ว” เฟิ่งจิ่วสาวเดินเข้ามาช้าๆ พลางถามนายท่านเซียวเหยา
ได้ยินเฟิ่งจิ่วขานเรียกชื่อของเขา เขาหันไปมองเธอ แวบแรกที่เห็นกลิ่นอายรอบตัวเธอ ประกายวาววับพาดผ่านดวงตา น้ำเสียงแฝงแววประหลาดใจ “นายท่าน ท่านทะลวงขั้นแล้วหรือ”
ที่แห่งนี้มีกฎข้อบังคับใช้ พวกเขาไม่อาจทะลวงขั้นพลังได้ นางทะลวงขั้นได้อย่างไรกัน กลิ่นอายพลังที่อยู่รอบกายเธอ คือกลิ่นอายของผู้อาวุโสเซียนขั้นสูงสุดอย่างสมบูรณ์แล้ว กลิ่นอายเช่นนี้นับว่าเป็นที่หนึ่งท่ามกลางผู้คนในนี้แล้ว
เพียงแต่ หลายเดือนก่อนหน้านี้ กลิ่นอายบนตัวนางไม่ใช่อย่างนี้นี่ คนอื่นเขาไม่รู้ แต่ระดับพลังเดิมของนางนั้นเขากลับรู้ แม้จะแข็งแกร่งอีกแค่ไหน ก็ไม่มีทางทะลวงขั้นถึงระดับสูงสุดเช่นนี้ได้
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วยักคิ้ว” ดูออกแล้วหรือ นี่ยังเป็นเพียงระดับผู้อาวุโสเซียนขั้นสมบูรณ์เท่านั้น ยังไม่ได้ทะลวงขั้นถึงระดับจักรพรรดิเซียน”
มือของเขาที่จับไหสุราสั่นเล็กน้อย “ยังทะลวงขั้นได้อีก ทะลวงขั้นไปสู่ระดับจักรพรรดิเซียน เป็นไปได้อย่างไร”
“เรื่องราวจัดการเป็นอย่างไรบ้าง” เธอมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ เขา ก่อนจะถามอีกครั้ง
ชางฉิงจึงค่อยตั้งสติ มองเธอแวบหนึ่ง ตอบว่า “วางใจ จัดการเรียบร้อยหมดแล้ว ตอนนี้ในนี้ล้วนอยู่ในการควบคุมของเราแล้ว คนพวกนั้นตอนนี้ข้าให้คนจับตามองอยู่ รอเจ้าออกมาแล้วค่อยบอกเจ้า”
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ดื่มสุราแล้วเอ่ยต่อ “ข้าคิดว่าฆ่าพวกเขาหมดไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ดี กระทั่งหากสู้กันขึ้นมาทั้งสองฝ่ายจะต้องเกิดความสูญเสีย กอปรกับพวกเขายอมภักดีต่อเราแล้ว ฉะนั้นข้าคิดว่าแม้จะเป็นผู้ฝึกวิชามาร แต่ก็ไม่จำเป็นว่าจะต้องตายสถานเดียว”
………………………………….