เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2335 ทะลวงขั้นเข้าสู่ระดับจักรพรรดิเซียน / ตอนที่ 2336 เตรียมตัวทลายค่ายกล
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 2335 ทะลวงขั้นเข้าสู่ระดับจักรพรรดิเซียน / ตอนที่ 2336 เตรียมตัวทลายค่ายกล
ตอนที่ 2335 ทะลวงขั้นเข้าสู่ระดับจักรพรรดิเซียน
เวลาผ่านไปอีกครึ่งปีเต็ม เฟิ่งจิ่วที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้วงมิติ ในวันนี้กลิ่นอายพลังวิญญาณและกลิ่นอายพลังเร้นลับพุ่งพล่านไปทั่วทั้งตัว พลังวิญญาณในร่างกายระเบิดล้นออกมา กลิ่นอายเม็ดบัวเขียวในจุดตันเถียนเองก็ทะลักออกมา กระจายไปทั่วอากาศเช่นกัน
ความรู้สึกที่คุ้นเคยนั้นทำให้เธอรู้ว่า ตนเองกำลังจะทะลวงขั้นแล้ว! ฝึกปราณมาครึ่งปี ในที่สุดก็จะทะลวงขั้นพลังจะระดับผู้อาวุโสเซียนเข้าสู่ระดับจักรพรรดิเซียนแล้ว!
เธอรีบหยิบยาที่เตรียมไว้สำหรับการทะลวงขั้นพลังเข้าสู่ระดับจักรพรรดิเซียนออกมาทันที การทะลวงขั้นในครั้งนี้ เธอจะต้องทะลวงให้ถึงขั้นสูงสุดภายในครั้งเดียวให้ได้!
มีเพียงทำอย่างนี้ จึงจะมีพลังมากพอที่จะสะเทือนสี่จักรพรรดิเซียนนั่นได้ ยิ่งไปกว่านั้น สี่จักรพรรดิเซียนก็อยู่ในระดับจักรพรรดิเซียนมาหลายปีแล้ว พลังในตอนนี้ เกรงว่าอาจสูงกว่าระดับจักรพรรดิเซียนด้วยซ้ำ เธอทำได้เพียงต้องทะลวงขั้นเข้าสู่ระดับจักรพรรดิเซียนเท่านั้น จึงจะได้เข้าไปอยู่ในสายตาของพวกเขาสี่คน
เมื่อกลิ่นอายในอากาศเปลี่ยนแปลงไป ผืนฟ้าและแผ่นดินในห้วงมิติแห่งนี้ก็เปลี่ยนไปด้วย และเมื่อเธอทะลวงขั้นพลังอยู่ในนี้ คนข้างนอกล้วนไม่มีใครรู้ว่า อีกไม่นาน พวกเขาก็จะไปจากที่นี่ได้แล้ว…
ในเมืองเฟิ่ง พวกผู้อาวุโสกู่กำลังง่วนกับการทำงานอย่างมีระเบียบขั้นตอน เขาแบ่งหน้าที่ให้บางกลุ่มออกไปล่าสัตว์ร้าย บางกลุ่มเฝ้ารักษาความสงบอยู่ในเมือง บางกลุ่มออกไปเดินลาดตระเวนข้างนอก
ตั้งแต่ครึ่งปีที่แล้วที่เฟิ่งจิ่วบอกพวกเขาว่าสามารถพาพวกเขาออกไปจากที่นี่ได้ เหตุการณ์นองเลือดในนี้ก็เหมือนจะน้อยลงไปมาก มีไม่มากคนแล้วที่ทำการต่อสู้และปล้นชิงเพื่อสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ เหล่าผู้ฝึกตนที่พลังสูงหน่อยก็ไม่ได้สังหารคนที่พลังต่ำกว่าอย่างส่งเดชอีก
สำหรับพวกเขา ตอนนี้ไม่ว่าเรื่องใดล้วนไม่สำคัญ สามารถไปจากที่นี่ได้ต่างหากคือเรื่องสำคัญที่สุด ฉะนั้นพวกเขารอคอยมาตลอด รอคอยให้วันนั้นมาถึง
มีคนไม่น้อยที่มักมารวมตัวกันอยู่นอกเมืองเฟิ่ง รออยู่ที่นี่ หากมีข่าวออกมาจริง พวกเขาก็จะได้รู้ทันที เพียงแต่ ประตูใหญ่เมืองเฟิ่งมักจะปิดเสียเป็นส่วนใหญ่ นอกจากมีคนเข้าออกจึงจะเปิด พวกเขาแม้อยากรู้ข่าว หากไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ดูแลในเมืองเฟิ่ง ข่าวก็ถูกปล่อยออกมาไม่ถึงหูพวกเขาอยู่ดี
กระทั่ง เมื่อท้องฟ้าเหนือเมืองเฟิ่งถูกปล่อยพลุสัญญาณติดต่อกันสิบสองลูก กลุ่มคนที่อยู่นอกเมืองเฟิ่งเมื่อเห็นพลุสัญญาณก็ทยอยกันกลับมาจากที่ต่างๆ
ไม่กี่วันหลังจากนั้น พวกเขาเห็นเพียงแต่ละคนเร่งร้อนกลับไปที่เมืองเฟิ่ง พวกเขาคิดว่าสืบข่าวใหญ่อะไรได้แล้วงั้นหรือ เพียงแต่ คนในเมืองเฟิ่งไม่มีใครสนใจพวกเขา
“พวกเจ้าว่า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดคนในเมืองเฟิ่งจึงได้ปล่อยพลุสัญญาณติดต่อกันสิบสองนัด เรียกรวมตัวคนข้างนอกให้กลับมาหมด”
“ข้ากำลังคิดว่า เจ้าเมืองเฟิ่งจะเปิดเขตอาคมและค่ายกลของที่นี่แล้วหรือเปล่า ฉะนั้นจึงได้เรียกทุกคนกลับมารวมตัวกัน”
“งั้นหรือ ตั้งแต่ที่นางประกาศออกมาจนถึงตอนนี้ เวลาก็เพิ่งผ่านไปเพียงครึ่งปีเอง แค่เวลาครึ่งปี นางก็รู้แล้วหรือว่าจะทลายเขตอาคมกับค่ายกลของที่นี่ได้อย่างไร”
“ไม่อย่างนั้นจะมีเรื่องอะไรได้อีก ตอนนี้ในนี้ต่างก็สามัคคีกันทั่วทิศ ครึ่งปีมานี้ก็มีคนจำนวนน้อยที่ต่อสู่เข่นฆ่ากัน นอกจากเรื่องทลายเขตอาคมกับค่ายกล ข้าคิดว่าไม่มีเรื่องอื่นที่ทำให้นางใช้พลุสัญญาณสิบสองลูกเรียกคนข้างนอกกลับมารวมตัวกันหมดอย่างนี้อีกแล้ว”
“จะว่าไปก็จริง บางทีอาจเป็นเรื่องการเปิดเขตอาคมและค่ายกลจริงๆ ก็ได้!”
“ดีเหลือเกิน! ในที่สุดพวกเราก็ไปจากที่นี่ได้สักที!”
ผู้คนที่อยู่นอกเมืองเฟิ่งต่างก็มีรอยยิ้มแห่งความตื่นเต้นคาดหวังผุดขึ้นบนใบหน้า แต่ละคนกระซิบกระซาบคุยกันอย่างไม่อาจข่มความตื่นเต้นไว้ได้…
………………………………….
ตอนที่ 2336 เตรียมตัวทลายค่ายกล
ขณะเดียวกันในเมืองเฟิ่ง ทุกคนกำลังยืนเรียงแถวกันอยู่ สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่เงาร่างสีแดงอันงดงามสูงส่งที่กำลังย่างกรายออกมาอย่างช้าๆ สายตาของทุกคนล้วนจับจ้องมาที่เธอ ในดวงตาเหล่านั้นเต็มไปด้วยความเคารพเลื่อมใสอย่างชัดเจน เมื่อเงาร่างของเธอเคลื่อนไหว สายตาของพวกเขาก็เลื่อนตามไปด้วย
เฟิ่งจิ่วสาวเดินออกมาช้าๆ มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าทุกคน เห็นเงาร่างที่ยืนอยู่ด้วยความเคารพทั่วเมือง เสียงอันเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายพลังวิญญาณเปล่งออกจากปากของเธอ ดังเข้าหูของทุกคนอย่างชัดเจน
“ที่ให้พวกเจ้ากลับมา เพราะมีเรื่องจะกำชับ”
เฟิ่งจิ่วมองพวกเขา เอ่ยเสียงแช่มช้า “พรุ่งนี้ ข้าเตรียมจะเปิดเขตอาคมและค่ายกลของที่นี่แล้ว แต่พวกเจ้าเองก็รู้ ที่แห่งนี้เป็นสี่จักรพรรดิเซียนที่ร่วมมือกันสร้างเขตอาคมและค่ายกลขึ้นมา ทันทีที่ทลายเขตอาคมและค่ายกลของที่นี่ทำลายเขตหวงห้าม จะต้องทำให้สี่จักรพรรดิเซียนแตกตื่นอย่างแน่นอน วันนี้ที่บอกพวกเจ้า หวังว่าพวกเจ้าแต่ละคนจะเตรียมพร้อมรับมือไว้ด้วย”
เมื่อได้ฟัง ทุกคนดวงตาเป็นประกายขึ้นมา ต่างก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงฮึกเหิมมีพลัง “นายท่านวางใจ! พวกข้าจะเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา! ถึงแม้ต้องสู้ พวกข้าก็ไม่กลัว!”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วพยักหน้า เอ่ยว่า “พรุ่งนี้ดูสถานการณ์และรอฟังคำสั่งจากข้าก่อนก็แล้วกัน! หากไม่สู้ได้ ดีที่สุดก็คือไม่ต้อสู้ ไม่อย่างนั้น ประมือกับจักรพรรดิเซียน จะต้องบาดเจ็บล้มตายหนักอย่างแน่นอน วันนี้ พวกเจ้าพักผ่อนให้ดี รอคอยการมาถึงของวันพรุ่งนี้เถอะ!”
“ขอรับ!” ทุกคนขานรับเสียงเข้ม ในน้ำเสียงปิดบังความตื่นเต้นไว้ไม่มิด เดาว่าวันนี้ใครก็ไม่อาจสงบจิตเพื่อพักผ่อนได้
“แยกย้ายกันเถอะ!” เธอโบกมือสั่ง หลังจากทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว เธอจึงหันไปหาชางฉิงที่อยู่ข้างๆ สั่งว่า “เจ้าออกไปบอกพวกผู้ฝึกวิชามารที่อยู่ข้างนอกนั้นที บอกพวกเขาพรุ่งนี้อย่าได้กระทำอะไรส่งเดช”
“อืม ข้าเข้าใจแล้ว” ชางฉิงรับคำ พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะสาวเดินไปข้างนอก
หลังจากที่เฟิ่งจิ่วกำชับเรื่องต่างๆ กับพวกผู้ผู้อาวุโสกู่เสร็จ ก็กลับไปที่เรือนตนเองก่อน ตั้งใจว่าวันนี้จะนอนพักผ่อนดีๆ รอคอยการมาถึงของวันพรุ่งนี้…
เหล่าผู้ฝึกวิชามารข้างนอกล้วนมารวมตัวกันตั้งแต่ที่เห็นพลุสัญญาณสิบสองนัดนั่นแล้ว ตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของนายท่านเซียวเหยาที่ออกมาประกาศ แต่ละคนตื่นเต้นแทบไม่ไหว
“พวกข้ารู้แล้ว นายท่านโปรดกลับไปแจ้งเจ้าเมืองเฟิ่ง พรุ่งนี้พวกข้าจะรอฟังคำสั่งจากนาง จะไม่ทำอะไรส่งเดชอย่างแน่นอน!” ผู้ฝึกวิชามารระดับผู้อาวุโสเซียนกลุ่มนั้นรีบรับปากทันที
“อืม” ชางฉิงรับคำ สั่งให้พวกเขากำชับลูกน้องใต้อาณัติให้ดี ก่อนจะหันตัวกลับเข้าไปในเมืองเฟิ่ง
วันนี้ เรียกได้ว่านอกจากเฟิ่งจิ่ว ไม่ว่าผู้ใดล้วนตกอยู่ในอารามตื่นเต้นจนไม่อาจหลับตานอนได้ กระทั่งเช้าตรู่ของวันต่อมา แต่ลคนเอาแต่เฝ้ามองท้องฟ้าเหนือเมืองเฟิ่ง
ส่วนเฟิ่งจิ่วเมื่อถึงยามเฉิน[1]ก็เพิ่งตื่น หลังจากที่เธอล้างหน้าล้างตาเสร็จ ก็ลอยตัวขึ้นกลางอากาศ เหาะขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที
คนข้างล่าง ไม่ว่าจะเป็นคนในเมืองเฟิ่งหรือคนนอกเมืองเฟิ่ง ล้วนเห็นเพียงเงาร่างสีแดงร่างนั้นเหาะขึ้นกลางอากาศ ชุดสีแดงสะดุดตาปลิวสะบัดกลางสายลม งดงามอย่างมาก
เฟิ่งจิ่วที่ลอยตัวขึ้นกลางอากาศมีกลิ่นอายพลังวิญญาณที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่ากระจายอยู่ทั่วตัว เมื่อกลิ่นอายจักรพรรดิเซียนถูกปลดปล่อยออกมา ผู้คนเบื้องล่างเมื่อสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งดุดันของแรงกดดันของจักรพรรดิเซียน ก็อดสูดปากไม่ได้ ต่างพากันร้องด้วยความตกตะลึง
“เป็นไปได้อย่างไร เจ้าเมืองเฟิ่งเป็นผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเซียนหรือ! นางเป็นผู้แข็งแกร่งระดับผู้อาวุโสเซียนไม่ใช่รึ เหตุใดจึงเป็นจักรพรรดิเซียนไปได้”
………………………………….
[1] ยามเฉิน เวลา 07.00-09.00 น.