เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2337 ทลายเขตหวงห้าม / ตอนที่ 2338 ส่งเพียงเจ้าออกไป
ตอนที่ 2337 ทลายเขตหวงห้าม
“นางเป็นจักรพรรดิเซียนมาตลอดหรือไม่ เพียงแต่แค่กดข่มพลังเอาไว้”
“บางทีนางอาจเป็นจักรพรรดิเซียนมาตั้งแต่แรก! ไม่อย่างนั้นจะทำให้นายท่านเซียวเหยายอมจำนนต่อนางง่ายๆ ได้อย่างไรกัน อีกอย่างนางจะชิงเมืองเฟิ่งแห่งนี้มาและสังหารผู้แข็งแกร่งระดับผู้ฝึกวิชามารระดับผู้อาวุเซียนคนนั้นด้วยตัวคนเดียวได้อย่างไร มีเพียงเป็นผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเซียนเท่านั้นถึงจะทำได้!”
“ไม่น่าเล่า…ไม่น่าเล่า…มิน่านางถึงได้บอกว่าทลายค่ายกลของที่นี่ได้ นางมีพลังของจักรพรรดิเซียน แล้วยังมีสัตว์คู่พันธสัญญาเป็นสัตว์เทวะโบราณอีก หลายความสามารถรวมอยู่ในร่างเดียว ไม่น่านางถึงได้บอกว่าทลายเขตอาคมหวงห้ามของที่นี่ และทำให้พวกเราไปจากที่นี่ได้!”
ผู้คนข้างล่างต่างวิพากษ์วิจารณ์กันเซ็งแซ่ เฟิ่งจิ่วที่อยู่กลางอากาศ สองมือสร้างตราประทับอันซับซ้อนและโบราณศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา เมื่อกลิ่นอายจักรพรรดิเซียนถูกปลดปล่อยออกไป ตราประทับในมือเธอก็ชี้พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า แรงกดดันสัตว์เทวะโบราณและแรงกดดันของจักรพรรดิเซียนซัดออกไปพร้อมกับเพลิงสวรรค์ ตราประทับในมือพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าเสียงดัง
“บึ้ม! ครืน…”
กลางท้องฟ้าแจ่มใส เหนืออากาศนั่น ทันใดนั้นชั้นเมฆเปลี่ยนสี เสียงระเบิดดังกัมปนาท สายฟ้าแลบพาดผ่านลงมาจากท้องฟ้าครั้งแล้วครั้งเล่า ฟาดพันลงมาบนพื้นดังเปรี้ยง ตกใจจนผู้คนเบื้องล่างร้องตะโกน รีบเงยหน้ามองเหตุการณ์บนท้องฟ้าทันที
“บึ้ม!”
เฟิ่งจิ่วที่ยืนอยู่กลางอากาศเงยหน้าขึ้น เห็นเพียงเหนือศีรษะของเธอ พยับเมฆสีดำก้อนนั้นแผ่ปกคลุมเธออยู่ เสียงสายฟ้าที่ดังครั้งแล้วครั้งเล่าดังมาจากเหนือศีรษะของเธอ สายฟ้าที่ฟาดลงไปบนพื้นแต่ละครั้งล้วนเฉียดผ่านร่างเธอไปทั้งสิ้น
แรงกดดันอันแข็งแกร่งเหมือนดั่งภูเขาไท่ซานกดลงมาที่เธอ ราวกับกำลังพิโรธที่เธอพยายามทำลายเขตอาคมและค่ายกลของที่นี่ หากไม่ใช่ตอนนี้พลังของเธออยู่ในระดับจักรพรรดิเซียนขั้นสูงสุดแล้ว คงไม่อาจต้านทานแรงกดดันอันแข็งแกร่งนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว
แต่เธอในตอนนี้ แม้แรงกดดันของสี่จักรพรรดิเซียนจะกดทับอยู่บนตัวเธอ เธอก็สามารถต้านทานไว้ได้! วันนี้ แม้สี่จักรพรรดิเซียนจะปรากฏตัว เธอก็จะทำลายเขตอาคมและค่ายกลของที่นี่ให้ได้!
“บึ้ม! ตูม!”
เสียงฟ้าผ่าดังอย่างต่อเนื่อง เหมือนดั่งเสียงคำรามอันบ้าคลั่งของสัตว์ร้าย ราวกับต้องการจะพัดเอาร่างของเฟิ่งจิ่วที่ยืนตระหง่านอยู่กลางท้องฟ้าออกไป ทว่า รอบกายของเธอ ประกายแสงที่คุ้มกันเธอไว้เหมือนดั่งเกราะป้องกันทำให้พายุดาบเหล่านั้นไม่อาจกรีดสัมผัสตัวเธอได้ และทำให้สายฟ้าเหล่านั้นไม่อาจทำอันตรายเธอได้แม้แต่น้อย…
“จงทลายลงเสีย!”
เสียงตวาดเย็นใสดังก้องท้องฟ้า เห็นเพียงเปลวไฟลูกหนึ่งลุกพรึ่บ เมื่อเปลวไฟลุกท่วม ประสานกับตราประทับอันศักดิ์สิทธิ์ซับซ้อนที่ซัดออกไปก่อนหน้านั้น ตามด้วยแรงกดดันอันแข็งแกร่งและการโจมตีของพลังจิต ในพริบตานั้น ได้ยินเพียงเสียงแกร๊กดังมาจากขอบฟ้า ไม่นาน เสียงระเบิดก็ดังก้องกัมปนาทไปทั่วทิศ
“ตู้ม!”
เมื่อเสียงระเบิดอันดังก้องกระจายไปทั่ว เห็นเพียงกลิ่นอายพลังวิญญาณสี่สายกระจายออกไป บินไปยังสี่มุมของท้องฟ้า ก่อนจะหายลับไป…
ฝูงชนข้างล่าวเห็นเหตุการณ์บนท้องฟ้า หลังจากตะลึงค้างก็พากันระเบิดเสียงโห่ร้องอย่างตื่นเต้นยินดี “ทลายแล้ว! ทลายแล้ว! นี่ทลายเขตหวงห้ามได้แล้ว!”
เพราะภาพที่เกิดขึ้นนำมาซึ่งแรงสะเทือนใจอย่างมาก เลือดในร่างกายของพวกเขาตีขึ้นไปถึงบนหัว รู้สึกเพียงเลือดลมพุ่งพล่าน เห็นเขตหวงห้ามถูกทำลายลง พวกเขารู้ว่า ขอเพียงทลายเขตอาคมและค่ายกลสองชั้นสุดท้าย พวกเขาก็ไปจากที่นี่ได้แล้ว!
ขณะเดียวกัน สี่จักรพรรดิเซียนที่เฝ้ารักษาอยู่สี่มุมของท้องฟ้ายามนี้ดวงจิตของพวกเขากำลังตะลึง…
………………………………….
ตอนที่ 2338 ส่งเพียงเจ้าออกไป
ดวงตาของทั้งสี่คนมีประกายพาดผ่าน เพียงพริบตาเดียว พวกเขาที่กำลังกักตัวฝึกตนยังคงนั่งสมาธิอย่างเงียบสงบ ทว่า ดวงจิตกลับออกจากร่างมุ่งหน้าไปยังแผ่นดินลอยฟ้าผืนนั้นแล้ว
ณ แผ่นดินลอยฟ้าผืนนั้น หลังจากที่เฟิ่งจิ่วทำลายเขตหวงห้ามได้แล้ว รู้สึกเพียงแรงกดดันกลางอากาศชั้นนั้นได้หายไป เธอจึงรีบบินสูงขึ้นไปอีกทันที ตั้งใจจะทลายเปิดค่ายกลใหญ่ของที่นี่ ทว่าในตอนนี้เอง เสียงอันน่าเกรงขามสี่เสียงก็ดังก้องขึ้นกลางท้องฟ้า
“เจ้าเป็นใคร!”
เสียงนั้นน่าเกรงขามและเต็มไปด้วยความแข็งกร้าว แรงกดดันอันทรงพลังกระจายออกมาจากเสียงสี่เสียงนั้น ทำเอาดวงจิตของเธอสั่นสะท้าน เลือดกระอักออกจากปาก ขณะเดียวกันเมื่อเสียงสี่เสียงนั้นดังขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ผู้คนเบื้องล่างต่างก็กระอักเลือดคุกเข่าลงไปตามๆ กัน แม้แต่จะยืนตัวตรงก็ยังทำไม่ได้
นาทีนี้ พวกเขาเพิ่งรู้ว่าจักรพรรดิเซียนสี่คนนั้นมีพลังที่แข็งแกร่งมากกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้มาก บางที ผ่านไปหลายปีขนาดนี้แล้ว พลังของจักรพรรดิเซียนสี่คนนี้อาจไม่ได้หยุดอยู่แค่ระดับจักรพรรดิเซียนอีกแล้วก็เป็นได้…
ยกมือขึ้นปาดเลือดตรงมุมปาก เฟิ่งจิ่วมองเงาร่างสีรางที่ปรากฏกลางท้องฟ้า นัยน์ตาไหวระริก เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่เย่อหยิ่งทว่าก็ไม่ถ่อมตนจนเกินไป “เฟิ่งจิ่ว คารวะจักรพรรดิเซียนทั้งสี่ท่าน”
สายตาปราดเปรื่องคมปลายและน่าหวั่นเกรงของสี่คนนั้นจับจ้องไปยังเฟิ่งจิ่วในชุดสีแดง แม้ว่าอีกฝ่ายจะแต่งกายเป็นชาย แต่ด้วยระดับวรยุทธ์ของพวกเขาก็ยังคงมองออกตั้งแต่แวบแรกว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง อีกทั้งยังเป็นร่างเทพประทับอัจฉริยะด้านการฝึกวรยุทธ์อีกด้วย
สายตากวาดสำรวจร่างเธอ เห็นดวงหน้าของเธองามล้ำเลิศ บุคลิกสูงส่งไม่อาจมองข้าม บนตัวกลับไร้กลิ่นอายมืดมน ยิ่งไม่มีไอพิฆาตโอบล้อม ตรงกันข้าม บนตัวคนคนนี้กลับมีประกายแสงปรากฏ ทำให้พวกเขาทั้งสี่ประหลาดใจเล็กน้อย
“เฟิ่งจิ่ว เจ้าเข้ามาอยู่ในสถานที่ที่ถูกทอดทิ้งแห่งนี้ได้อย่างไร และเพราะเหตุใดจึงต้องทลายเขตอาคมและค่ายกลที่พวกข้าร่วมมือกันสร้างขึ้นมาด้วย”
หนึ่งในนั้นถามขึ้น น้ำเสียงทรงพลังน่าเกรงขาม สายตาจับจ้องเฟิ่งจิ่วเขม็ง สบกับดวงตาสุกใสของเธอตรงๆ ราวกับต้องการอ่านความคิดของเธอ
ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ถูกทอดทิ้ง คนที่เข้ามาส่วนมากล้วนเป็นคนชั่ว แม้จะมีคนสองคนที่ถูกส่งเข้ามาในนี้ ก็ไม่มีใครที่เหมือนเธอ
ยิ่งไปกว่านั้น ที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่พวกเขาทั้งสี่คนร่วมมือกันสร้างขึ้นมา อาศัยแค่เธอตัวเล็กๆ กลับสามารถทำลายเขตหวงห้ามของพวกเขาได้ นี่ช่างทำให้พวกเขาตกตะลึงยิ่งนัก รู้สึกว่าเหลือเชื่อ อดคาดเดาถึงความเป็นมาของเธอไม่ได้
“ข้าถูกผู้ฝึกวิชามารคนหนึ่งเปิดประตูแห่งความมืดแล้วดูดเข้ามาที่นี่ มาอยู่ที่นี่เกือบหนึ่งปีแล้ว ที่ทลายเขตอาคมและค่ายกลของท่านทั้งสี่ แน่นอนว่าย่อมอยากไปจากที่นี่” เธออธิบายเสียงแช่มช้า พลางมองเงาร่างของทั้งสี่ไปด้วย
นี่คือถอดจิตออกจากร่างสินะ ต้องมีวรยุทธ์อยู่ที่ระดับใดถึงจะทำอย่างนี้ได้ เป็นอย่างที่เธอเดาไว้ดังคาด สี่คนนี้ไม่ได้อยู่ในระดับจักรพรรดิเซียนนานแล้ว
ได้ยินว่าเธอถูกประตูแห่งความมืดดูดเข้ามา ทั้งสี่คนนัยน์ตาไหวระริก ที่แท้ก็อย่างนี้เอง นึกไม่ถึงว่าในหมู่ผู้ฝึกวิชามารจะมีคนที่เปิดประตูแห่งความมืดเคลื่อนย้ายคนเข้ามาที่นี่ได้
หลังเงียบไปเล็กน้อย หนึ่งในนั้นเสนอขึ้น “ที่นี่เป็นสถานที่กักขังคนชั่ว หากทลายเขตอาคมของที่นี่ พวกเขาจะต้องกลับไปทำชั่วบนแผ่นดินใหญ่อย่างแน่นอน ในเมื่อเจ้าเข้ามาที่นี่ด้วยความผิดพลาด เช่นนั้นพวกข้าจะส่งเจ้าออกไป”
ได้ยินอย่างนั้น ผู้คนเบื้องล่างตกตะลึง พวกเขาคุกเข่าอยู่บนพื้นไม่อาจลุกขึ้นมา ไม่อาจเงยหน้ามองท้องฟ้า ด้วยเหตุนี้ ลึกๆ ข้างในจึงอดรู้สึกสิ้นหวังไม่ได้
เจ้าเมืองเฟิ่งจะต้องยินยอมตกลงแน่นอนกระมัง อย่างไรนางก็ไปจากที่นี่ได้ พวกเขาจะออกไปได้หรือไม่ สำหรับนางก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ…
………………………………….