เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 235 เจ้าตำหนักยมราชผู้ร้ายกาจ!
ตอนที่ 235 เจ้าตำหนักยมราชผู้ร้ายกาจ!
เขาหันตัวไป มองเงาร่างสีแดงเร่งฝีเท้าวิ่งมาทางเขา อารมณ์ดีตีปีกบินขึ้นมาอย่างยากจะอธิบาย แต่ท่าทีบนใบหน้ากลับเคลือบแคลงและเฉยเมยเป็นที่สุด
“เจ้าคือ?”
“ข้าไง! ภูตน้อยขอรับ” เธอขยิบตาให้เขา ใบหน้าท่าทางระรื่นยิ่งนัก “ท่านอา ทำไมท่านมาอยู่ที่นี่เล่า?”
ได้ยินคำพูดนี้ หลิงโม่หานก็เผยความตื่นตะลึงออกมาได้ทันท่วงที “เจ้าคือภูตหมอรึ?”
น้ำเสียงเขากดเบาลงบางส่วน มองไปบริเวณรอบๆ “หน้าเจ้า…”
“แหะๆ รักษาหายแล้วขอรับ! เป็นยังไง? รูปงามเลิศเลอหล่อเหลาไม่มีใครเทียบได้เลยใช่หรือไม่?” เธอพูดยิ้มๆ อย่างหลงตัวเอง
แววตาลึกล้ำของหลิงโม่หานจับจ้องบนผิวขาวราวหิมะอันนุ่มลื่นนั้น มองรูปโฉมงามเลิศเสียเต็มตา รอยยิ้มฉายแวบผ่าดวงตาน้อยๆ อย่างรวดเร็ว บอกอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “อืม ช่างน่าตกตะลึงยิ่งนัก”
เฟิ่งจิวมองไปรอบๆ กล่าวว่า “มีคนกำลังตามหาข้าอยู่ บนถนนใหญ่นี้ไม่ค่อยปลอดภัย พวกเราหาที่นั่งคุยกันเถอะ! ข้าจะเลี้ยงข้าวท่านเอง ว่ายังไงล่ะขอรับ?”
“ได้สิ” เขาพยักหน้าขานรับ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่อาจสังเกต
“งั้นไปกันเถอะขอรับ! ด้านหน้านี้มีร้านเหล้าอยู่ร้านหนึ่ง” เฟิ่งจิ่วพูดจบ ก็พาเขาเดินไปยังร้านเหล้าด้านหน้า
ทว่าหลังรอพวกเขาสองคนเดินไป ฮุยหลางกับอิ่งอีที่โผล่ออกมาจากมุมมืดก็เบิกดวงตาโต สีหน้าเหลือเชื่อ
ฮุยหลางพูดพึมพำ “นายท่านบอกว่ามีวิธีทำให้ภูตหมอโผล่หัวมาเอง นึกไม่ถึง ว่าจะทำให้ภูตหมอออกมาได้จริงๆ!”
อิ่งอีพูดไม่ออก บอกว่า “นายท่านร้ายกาจเกินไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะคิดวิธีนี้ได้ หากโดนภูตหมอหลอก นายท่านก็ยังได้ประโยชน์จากเขาอยู่ดี”
นึกถึงท่าทางเฉยเมยของนายท่านที่ทั้งเคร่งขรึมและเย็นชา อิ่งอีก็ปรามาสอยู่ในใจ ‘เดาว่านายท่านคงสุขใจล้นฟ้า ยังแสร้งทำท่าทางประหลาดใจอย่างตกตะลึงอีก’
“พวกเราต้องตามไปดูหรือไม่?” ฮุยหลางใช้ศอกกระทุ้งอิ่งอีทีหนึ่งพลางเอ่ยถาม
“ตามไปรึ?” อิ่งอีเหลือบมองเขา “เจ้าไม่กลัวทำนายท่านเสียเรื่องรึ?”
ได้ยินคำพูดนี้ ฮุยหลางถึงจะหยุดครุ่นคิด “งั้นพวกเราจะกลับไปก่อน?”
“อืม ไปกันเถอะ! ภูตหมอรอบคอบนัก! หากพวกเราตามไป จะต้องสังเกตเห็นแน่นอน กลับไปรอข่าวคราวนายท่านก่อนเถอะ” อิ่งอีพูดจบ ก็จากไปพร้อมกับเขา
ทางอีกด้าน เฟิ่งจิ่วกับหลิงโม่หานมานั่งลงยังห้องส่วนตัวของร้านเหล้า หลังสั่งอาหารสองสามอย่าง เธอก็ถามว่า “ท่านอา ท่านไม่ต้องกลับไปสำนักศึกษาหมอกดารารึ? ทำไมถึงมาอยู่เมืองลิ่วเต้านี้ขอรับ?”
หลิงโม่หานรินเหล้า กล่าวว่า “แม้ข้าเป็นอาจารย์สำนักศึกษาหมอกดารา แต่ข้าก็ได้เอกสิทธิ์ ไม่ต้องอยู่ที่สำนักศึกษาบ่อยๆ”
เขารินเหล้าให้นาง ถามว่า “เจ้าว่ามีคนตามหาเจ้าอยู่ หรือว่าเป็นคนของตำหนักยมราช?”
“เป็นพวกเขานั่นแหละ เจ้าตำหนักยมราชท่านนั้นก็เป็นเงาตามติดไม่คิดปล่อย ข้าหนีออกมาแล้วยังไล่ตามมาตลอดทาง นึกไม่ถึงว่าจะพบเขาที่นี่ โชคยังดี ที่ข้าเผ่นหนีมาได้”
เธอเอ่ยอย่างภูมิอกภูมิใจ “อยากจะหาคนคนเดียวในเมืองลิ่วเต้า ต่อให้เป็นนายเหนือหัวแห่งตำหนักยมราช เดาว่าก็คงไม่ง่ายดายเพียงนั้น”
เป็นเงาตามติดไม่ปล่อยรึ?
หลิงโม่หานที่หลุบตาลงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ตามที่ได้ยินมา เจ้าตำหนักยมราชนี้ลักลับยิ่งนัก คนมากมายล้วนไม่เคยเห็นหน้าค่าตาเขา เจ้าถูกจับไปเนิ่นนานเพียงนั้น มีโอกาสได้พบเขาหรือไม่เล่า?”
“ถ้าเห็นน่ะเห็นแล้ว ไม่ต้องพูดถึง จริงๆ เขาหน้าตาน่าทำให้คนน้ำลายสอ แต่ก็อันตรายเกินไปนัก จึงทำได้เพียงมองอยูไกลๆ ไม่อาจเข้าไปสัมผัสใกล้”
เธอถอนใจพูดพลางส่ายหน้า สีหน้าเศร้าสร้อย
ทว่าหลิงโม่หานที่ได้ยินคำพูดนี้มุมปากกระตุก ชำเลืองมองสาวน้อยที่หื่นกามแต่ไร้ความกล้า ยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้ง
………………………………………………….
ตอนที่ 236 หอร้อยทรัพย์!
เขาหลับตาลง จิบเหล้า น้ำเสียงทุ้มต่ำเปล่งออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน “ข้าว่าเจ้ายังมีชีวิตออกมาจากตำหนักยมราชได้ คิดแล้ว ตำหนักยมราชนั้นก็ไม่ได้ปฏิบัติกับเจ้าเลวร้ายนัก”
ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วก็ชำเลืองมองเขา เห็นเคราหนาเตอะล้วนบดบังใบหน้าไปกว่าครึ่ง จึงไม่อาจมองหน้าจริงได้ชัดเจน สายตาอดไม่ได้ที่จะวนจับจ้องรอบใบหน้าเขา พินิจมองกลับไปกลับมา
เห็นคิ้วและดวงตาเขาคุ้นตาอยู่บางส่วน หัวใจพลันเต้นรัว รอยยิ้มตรงมุมปากแข็งกระด้างเล็กน้อย น้ำเสียงกลับยังคงเกียจคร้านเช่นนั้น เอ่ยถามอย่างอยากรู้อยากเห็นอยู่บ้าง “ท่านอา ท่านอายุเท่าไหร่กันแน่? ไว้เคราดกเพียงนี้ไม่รำคาญ ไม่ร้อนหรือขอรับ?”
หลิงโม่หานเงยหน้าชำเลืองมองนาง บอกว่า “ชินแล้ว”
“โอ้! ชินแล้วนี่เอง!”
เธอยิ้มๆ ช่วยเขารินเหล้า “มาๆๆ ดื่มเหล้ากัน ยากนักที่จะได้พบท่านที่นี่ จริงด้วยท่านอา ท่านมาทำอะไรที่เมืองลิ่วเต้ารึขอรับ?”
“มาทำธุระนิดหน่อย” เขาเห็นเธอยกถ้วยเหล้าขึ้นดื่ม ขมวดคิ้วเบาๆ บอกว่า “ท้องว่างอย่าเพิ่งดื่มเหล้า กินอาหารหน่อยเถอะ” พูดจบ ก็ช่วยคีบพวกอาหารไปไว้ในชามตรงหน้านาง
เห็นเขาที่กระตือรือร้นเกินเหตุ เฟิ่งจิ่วก็พยักหน้ายิ้มเหยเก “ขอรับ”
ทั้งสองกินอาหารเงียบๆ พูดไม่กี่คำเป็นบางครั้งคราว ทว่าหลิงโม่หานก็ทำเหมือนตัวเองไม่ใช่คนอื่นคนไกลโดยสิ้นเชิง ช่วยเธอคีบอาหารอยู่เรื่อง
“กินให้เยอะๆ หน่อย”
มองอาหารในชามกองกันเสียจนเหมือนภูเขาเล็กๆ แล้วเห็นเขาคีบตะเกียบมาอีก จึงรีบร้อนปรามไว้ “ท่านอา ไม่ต้องช่วยข้าคีบแล้ว ท่านดูสิเยอะขนาดนี้ ข้ากินไม่หมดหรอกขอรับ”
ฟังคำพูดนี้ หลิงโม่หานถึงจะสังเกตว่าอาหารในชามตรงหน้านางกองกันเป็นภูเขาเล็กๆ แล้วจริงๆ กระแอมไปเบาๆ อย่างอดไม่ได้ หลับตาลงด้วยความอึดอัดใจอยู่บ้าง ก่อนตัวเองจะกินขึ้นมา
เฟิ่งจิ่วที่เห็นภาพเช่นนี้หรี่ดวงตาลงยิ้ม หันสายตาเล็กน้อย บอกว่า “ท่านอา ท่านคุ้นเคยกับเมืองลิ่วเต้านี้ใช่หรือไม่? ประเดี๋ยวข้าจะไปซื้อพวกวัตถุดิบหลอมอุปกรณ์ ท่านลองพาข้าไปดูหน่อยได้หรือไม่ขอรับ?”
“ได้เลย” เขาเอ่ยพลางพยักหน้า
ดวงตาเธอเป็นประกาย บอกทันทีว่า “งั้นก็ดี พวกเรากินเสร็จค่อยไปนะขอรับ”
เห็นสองตานางแวววาว หลิงโม่หานอดถามไม่ได้ “เจ้าไม่กลัวเจอพวกคนของตำหนักยมราชที่ตามหาเจ้าแล้วรึ?”
“ข้ามีท่านอาอยู่ตรงนี้แล้วไม่ใช่หรือขอรับ?”
เธอมองเขาทั้งหรี่ตายิ้ม กล่าวว่า “ท่านอา ท่านคงไม่นิ่งดูดายมองข้าโดนจับไปใช่หรือไม่ขอรับ?”
หลิงโม่หานไม่ตอบรับ แต่หลังจากเช็ดๆ มุมปาก ก็บอกว่า “ไปกันเถอะ!” สิ้นสุดน้ำเสียง สาวก้าวเดินไปด้านนอก
เฟิ่งจิ่วลุกขึ้นยืนตาม มองเงาร่างที่สาวเก้าเดินอยู่ด้านหน้า แววตาสั่นไหวเล็กน้อย จากนั้น ค่อยเร่งฝีเท้าตามไป
หลังมาจ่ายเงินยังชั้นล่าง ภายใต้การนำทางของหลิงโม่หาน ก็มาถึงตึกร้านค้าชั้นดีแห่งหนึ่งที่มีสองหน้าร้าน
เห็นตึกที่มีประมาณสามชั้น รวมถึงประตูหน้าที่ตกแต่งเสียจนดูดีมีระดับ สายตาเธอจับจ้องบนคำสามคำตรงกลาง “หอร้อยทรัพย์? ท่านอา ของที่นี่จะแพงมากหรือไม่? แพงเกินไปข้าซื้อไม่ไหวนะขอรับ!”
หลิงโม่หานที่ได้ยินคำพูดนี้เหลือบมองเธอ จากนั้น ค่อยสาวก้าวเดินเข้าไป “ลองเข้ามาดูเถอะ!”
เฟิ่งจิ่วที่มาด้านในถึงจะพบว่า ของในร้านกระโจมสมบัติอะไรนั่นก่อนหน้านี้เทียบกับหอร้อยทรัพย์นี้แล้ว ช่างเหมือนมดกับช้างเลยจริงๆ แตกต่างกันเกินไปแล้ว
“เจ้าของร้าน กระถางนี้พวกเจ้าขายยังไงรึ?”
เธอถามพลางชี้ไปที่กระถางใบเล็กๆ ด้านในตู้หน้าร้าน เพราะเห็นเครื่องหมายด้านล่างนั้น นี่เป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับสี่ ซ้ำยังสงสัยอยู่บ้างจริงๆ ว่ากระถางเล็กอุปกรณ์วิญญาณระดับสี่นี้จะขายได้ราคาเท่าไหร่?
………………………………………………….