เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2361 พูดคุยสัพเพเหระ / ตอนที่ 2362 เคลื่อนไหวเอง
ตอนที่ 2361 พูดคุยสัพเพเหระ
“ในเมื่อจะเลี้ยงไว้ เจ้าไม่ตั้งชื่อให้เขาหน่อย” ตาเฒ่าเอ่ย พลางเติมฟืนเข้าไปสองสามด้าม
เฟิ่งจิ่วครุ่นคิด “ก็จริง ควรตั้งชื่อสักหน่อย เพียงแต่ ชื่ออะไรดีนะ” เธอหันไปถามตาเฒ่า
“มองข้าทำไม ชื่ออะไรเจ้าคิดเอง ข้าไม่รู้ด้วยหรอกนะ” เขาถลึงตา ไม่สนใจเธออีก
เห็นอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วจึงครุ่นคิด ก่อนกล่าวขึ้นว่า “อย่างนั้นก็ชื่อตัวเดียว ‘เฮ่า’ ก็แล้วกัน! ชื่อเฮ่าเอ๋อร์เป็นอย่างไร”
“เฮ่า”
ตาเฒ่าลูบหนวด พูดขึ้นว่า “เฮ่าออกเสียงคล้ายกับเฮ่า ความหมายของมันก็คือพลังน้ำอันยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต เอามาใช้ตั้งชื่อ เห็นได้ว่าเจ้ามีความคาดหวังที่สูงต่อตัวเขาเพียงใด”
ระหว่างผืนฟ้ากับแผ่นดิน พลังของน้ำกับไฟไม่อาจประเมิน ยังไม่พูดถึงเรื่องประวัติความเป็นมาของเด็กทารกคนนี้ ยามนี้ได้รับการตั้งชื่อจากเฟิ่งจิ่วนามว่า ‘เฮ่า’ เห็นได้ว่าอนาคตจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“ชื่อเฟิ่งเฮ่า?” ตาเฒ่ามองเฟิ่งจิ่วพลางถามขึ้น
“เฟิ่งเฮ่า” เฟิ่งจิ่วชะงัก ก่อนจะยิ้มเอ่ย “จะเป็นไปได้อย่างไร แน่นอนว่าต้องชื่อเซวียนหยวนเฮ่า ลูกของข้ากับโม่เจ๋อ” เธอยิ้มตาหยี พลางเอ่ย
ตาเฒ่าพึมพำด้วยสีหน้าแปลกๆ “เจ้าก็ช่างหน้าหนาจริง ยังไม่ได้แต่งงานกันเลยนะ! พูดออกมาได้อย่างไรว่าลูกของเจ้ากับโม่เจ๋อ แม้แต่นามสกุลของยังใช้นามสกุลเซวียนหยวน ดูท่าทางเจ้า ใช้ชีวิตอย่างกับว่าอย่างไรก็จะแต่งงานกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อนั่นแน่แล้ว”
“ทำไม ท่านไม่เห็นด้วยรึ” เฟิ่งจิ่วยักคิ้ว เอ่ยว่า “ข้าไม่แต่งกับเขาแล้วจะแต่งกับใคร พวกเราสองคนรักชอบพอกัน ตอนนี้ก็เหลือแค่ทำพิธีคำนับฟ้าดินเท่านั้นแล้ว”
“ได้ยินมาว่าเซวียนหยวนโม่เจ๋อของเจ้าเดินทางออกนอกมหาสมุทรไปพักหนึ่งแล้วไม่ใช่หรือ คำนวณจากที่เจ้าหายตัวไปหนึ่งปีนี้ด้วย อย่างไรก็เป็นเวลาหนึ่งปีครึ่งแล้วกระมัง เจ้าวางใจที่เขาอยู่ข้างนอกไม่ยอมกลับมาเสียทีอย่างนี้ หากมีวันใดพาผู้หญิงกลับมาให้เจ้าคนหนึ่ง ข้าคอยดูเจ้าจะร้องไห้อย่างไร” ตาเฒ่าพูดจาประชดประชัน ราวกับต้องการยุแยงเฟิ่งจิ่ว
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ “เขาไม่ทำอย่างนั้นหรอก”
“เจ้ารู้งั้นหรือ ผู้ชายนั้นเปลี่ยนแปลงง่าย โดยเฉพาะเมื่อผู้หญิงของตนเองไม่อยู่ข้างๆ ยิ่งถูกหญิงสาวคนอื่นล่อลวงไปได้ง่ายๆ ข้าขอเตือนเจ้าด้วยความหวังดี เรื่องอย่างนี้ ข้าอยู่มาจนปูนนี้แล้ว เคยเห็นมาไม่น้อย”
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ เขย่ามืออ้วนกลมของเด็กน้อยในอ้อมแขนเล่น พลางพูดทีเล่นทีจริง “ท่านวางใจเถอะ! หากมีวันใดที่เขาหักหลังข้าจริง ข้าย่อมจะตัดสัมพันธ์อย่างเด็ดขาดด้วยตนเอง แล้วค่อยหาผู้ชายที่ยอดเยี่ยมกว่าเขา”
“พูดนั้นง่าย ทำขึ้นมานั้นยาก โดยเฉพาะเรื่องรักๆ ใคร่ๆ อย่างนี้ ฉะนั้นไม่ว่าเจ้าจะพูดอย่างไร ข้าก็ไม่เชื่อ” ตาเฒ่าโบกมือ ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อเด็ดขาด
“ท่านเชื่อหรือไม่เชื่อ เกี่ยวอะไรกับข้าเล่า” เธอยิ้มๆ กล่าวขึ้นว่า “ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องอย่างนี้ก็แค่พูดคุยสัพเพเหระกับข้าไปเรื่อยตรงนี้ ไม่ใช่จะเกิดขึ้นจริงๆ เสียหน่อย”
เห็นสีหน้ามั่นอกมั่นใจของเธอ ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวเซวียนหยวนโม่เจ๋อ ชายชราจึงยิ้มขึ้นมา “ใช่แล้วๆๆ นั่นเป็นเรื่องระหว่างพวกเจ้า เกี่ยวอะไรกับคนนอกอย่างพวกข้า ยิ่งไปกว่านั้น ก็เหมือนกับที่เจ้าว่า นี่ก็แค่เรื่องพูดคุยสัพเพเหระของพวกเราเท่านั้น จริงจังไม่ได้ๆ”
เฟิ่งจิ่วไม่ได้รับบทสนทนากับเขาต่อ เพียงเปลี่ยนเรื่องคุย “นี่ก็ค่ำแล้ว พวกเราพักที่นี่คืนหนึ่งก็แล้วกัน! พรุ่งนี้ค่อยเดินทางต่อ”
“ได้”
ตาเฒ่ารับคำ ใช้ใบไม้ห่อน่องไก่ข้างหนึ่ง ก่อนจะฉีกแล้วยื่นให้เธอ “มา รีบกินตอนยังร้อนๆ” ตนเองก็ฉีกออกมากินหนึ่งชิ้นด้วยเช่นกัน
………………………………….
ตอนที่ 2362 เคลื่อนไหวเอง
ทั้งสองพักผ่อนในป่าหนึ่งคืน กินไก่ย่างไปหนึ่งตัว อีกหนึ่งตัวที่เหลือห่อเก็บใส่ถุงฟ้าดิน วันต่อมาพอฟ้าสาง พวกเขาออกเดินทางต่อ ขี่อาวุธบินพุ่งขึ้นเหนือท้องฟ้า เพียงแต่ มีผู้ที่ร่วมเดินทางกับพวกเขาสองคนเพิ่มมาหนึ่งคน นั่นก็คือเด็กทารกน้อยที่กำลังลืมดวงตากลมโตสุกใส
มีเด็กเพิ่มมาหนึ่งคน การเดินทางจึงช้าลง การเดินทางที่ตอนแรกใช้เวลาสองวัน กลับกินเวลาไปสามวันเต็มๆ กว่าจะถึงที่หมาย
พลบค่ำของวันนี้ เพราะกลุ่มหมอกบริเวณนี้ พวกเขาจึงขี่อาวุธบินลงจากท้องฟ้า ยืนอยู่ในป่าที่เมื่อยื่นมือออกไปแล้วก็แทบจะมองไม่เห็นนิ้ว เฟิ่งจิ่วถามขึ้น “ที่นี่มีคนอาศัยอยู่จรงิหรือ ที่นี่มีหมอกเยอะเกินไปแล้ว มองไม่เห็นแม้แต่ทางเดิน”
เอ่ยจบ สายลมยามราตรีพัดมา อดรู้สึกขนลุกไม่ได้ ในตอนนี้เอง กระดิ่งที่เอวของเธอสั่นเบาๆ แม้แต่เฮ่าเอ๋อร์ที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอก็ร้องไห้ขึ้นมาด้วย
“อุแว้…อุแว้…”
เสียงเด็กร้องไห้ดังก้องไปทั้งป่า ฟังดูชัดเจนเป็นพิเศษ ฮุ่นหยวนจื่อได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ จึงเดินมายืนข้างเฟิ่งจิ่ว “เป็นอะไรไป อยู่ดีๆ ทำไมร้องไห้ขึ้นมา หิวอีกแล้วใช่หรือไม่”
เฟิ่งจิ่วมือหนึ่งอุ้มเด็กน้อย สายตากลับสังเกตไปรอบๆ ตอบว่า “ไม่ใช่หิวอีกแล้ว แต่แถวๆ นี้มีสิ่งสกปรกอยู่” เธอเงยหน้ามองท้องป้า ตอนนี้ฟ้ายังไม่มืด กลิ่นอายรอบข้างกลับเย็นเยียบลงไปหลายส่วนแล้ว
กิ่งไม้ไหวเอนเบาๆ ใบไม้เสียดสีส่งเสียงสวบสาบ ในตอนนี้เอง เสียงโหยหวน เสียงกรีดร้องอันเล็กแหลมและรุนแรงพลันดังก้องทั่วผืนป่า
“ตายเสียเถอะ!”
ขณะที่เสียงนั้นดังขึ้น เธอยกมือปิดหูของเด็กน้อย สายตาเกรี้ยวกราดตวัดมองไปรอบๆ เห็นเพียงเงาร่างเลือนรางหลายร่างปรากฏในกลุ่มหมอก หลอมรวมกับหมอกหนาเหล่านั้น ยากแยกแยะ
“ดูท่าสิ่งสกปรกพวกนี้ยังมีกันไม่น้อยเสียด้วย!” ตาเฒ่าที่อยู่ข้างๆ กล่าวขึ้น สองมือตวัดโบก กระแสพลังขุมหนึ่งพุ่งออกจากแขนเสื้อของเขา ปัดเป่าหมอกหนาที่อยู่รอบๆ ให้จางไปไม่น้อย
เมื่อหมอกหนาจางไป ก็ทำให้เงาร่างเลือนรางพวกนั้นปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาสองคน เฟิ่งจิ่วมองเงาร่างเหล่านั้นแวบหนึ่ง อุ้มเด็กตะโกนบอกว่า “ตาเฒ่า ท่านระวังตัวด้วย”
“หมายความว่าอย่างไร” ฮุ่นหยวนจื่ออึ้งงัน ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมจู่ๆ เธอถึงบอกให้เขาระวังตัว พวกเขาสองคนล้วนถูกล้อมไว้ หากระวังตัวก็ต้องระวังด้วยกันทั้งสองคนนี่นา! ทว่าไม่นาน เขาก็เข้าใจว่าเฟิ่งจิ่วหมายความว่าอย่างไรแล้ว
“อ๊าก!”
วิญญาณเหล่านั้นกรีดร้อง สองมือกางเป็นกรงเล็บพุ่งเข้ามาใส่ตาเฒ่า แม้แต้พวกที่ยืนอยู่ข้างเฟิ่งจิ่วในตอนแรก หลังจากจ้องเฟิ่งจิ่วอยู่ไม่นาน ต่างก็หันมาจ้องฮุ่นหยวนจื่อ ชั่วขณะหนึ่ง วิญญาณสิบกว่าคนหันมาโจมตีเขาหมด ทำให้เขาทั้งตกใจและสงสัยอยู่ตรงนั้นคนเดียว
“ซี้ด! นะ นี่มันเรื่องอะไรกัน อ๊าก!”
เผลอเพียงแวบเดียวก็รู้สึกว่ามีวิญญาณดวงหนึ่งพุ่งทะลุผ่านร่างกายเขาไป พริบตาเดียวเขารู้สึกปวดไปทั้งศีรษะ ความรู้สึกเหมือนวิญญาณที่ทะลุผ่านเขาไปต้องการยึดครองร่างกายของเขาอย่างไรอย่างนั้น
“ตาเฒ่า ท่านทำอะไรอยู่ อยากตายหรือไง ยังไม่รีบตั้งสมาธิให้ดีอีก!”
เฟิ่งจิ่วเห็นภาพนั้นก็ตกตะลึง ตาเฒ่านั่นกำลังทำอะไรของเขา กลับใจลอยปล่อยให้วิญญาณเข้าไปในร่าง หากเข้าร่างไปแล้วต้องแย่แน่ๆ
เมื่อถูกเฟิ่งจิ่วตวาดใส่อย่างนี้ ตาเฒ่าสะท้านไปทั้งตัว รีบตั้งสติจากนั้นก็เดินพลังชายชาตรีในร่าง ได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องดังขึ้น วิญญาณดวงหนึ่งถูกดีดออกจากร่างเขา จากนั้นก็หายไปกลางอากาศ
………………………………….