เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2365 อาจจะหลงทางแล้ว / ตอนที่ 2366 ช่วยเหลือ
ตอนที่ 2365 อาจจะหลงทางแล้ว
เขาถลึงตากว้าง ที่แท้เขาตะโกนอยู่ตรงนี้ครึ่งวันก็ถูกเก็บเสียงไว้แล้ว นี่มันไม่ถูกต้องนี่นา! ก่อนหน้านี้ที่นี่ไม่มีเขตอาคมเก็บเสียงนี่นา!
เขาโบกมือ ทำลายเขตอาคมเก็บเสียงของที่นี่ จากนั้นก็ตะโกน “แม่หนูเฟิ่ง! แม่หนูเฟิ่ง ได้ยินหรือไม่ ข้าอยู่ตรงนี้ แม่หนูเฟิ่ง…”
เขาตะโกนไปพลาง เดินวนไปวนมาในค่ายกลไปพลาง หลังจากเดินวนไปหนึ่งรอบก็กลับมาที่เดิม อดกระตุกหนวดด้วยความหงุดหงิดไม่ได้ “ใครเป็นคนสร้างค่ายกลบ้าๆ นี่ขึ้นมากัน ออกไปยากขนาดนี้!”
เฟิ่งจิ่วที่ตามเสียงมา พอมาถึงด้านหน้าค่ายกลก็เดินวนอยู่ข้างนอกรอบหนึ่ง ซัดฝ่ามือใส่ต้นไม้ที่อยู่ข้างนอกค่ายกลล้มลงไป เสียงโครมดังขึ้น ประกายแสงเส้นหนึ่งของค่ายกลก็หายไปด้วย หมอกที่ปกคลุมอยู่รอบๆ ก็จางหายไปด้วย เงาร่างของชายชราเดินออกมาจากข้างในด้วยความดีใจ
“ข้าบอกแล้วใช่ไหมเล่าอย่างไรก็ต้องพาเจ้ามา! เจ้าดู อยู่ที่นี่เจ้าทำให้เรื่องต่างๆ ง่ายดายขึ้นอย่างมาก” ฮุ่นหยวนจื่อเอ่ยด้วยความดีใจ สาวเท้าเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอเร็วๆ “ใช่แล้ว เจ้าไม่เป็นไรกระมัง เมื่อกี้ข้าเจอสัตว์ปีศาจอีกแล้ว”
เฟิ่งจิ่วได้ยินคำพูดของเขาก็สีหน้าดำคล้ำ ที่แท้เธอก็มีประโยชน์แค่เพียงทำลายค่ายกล ฟังประโยคสุดท้ายของเขา เธอตอบว่า “ไหนว่าตามหลังข้าอยู่ตลอดไม่ใช่หรือ เหตุใดเดินไปเดินมาท่านก็หายไป”
“หมอกหนาเกินไป ข้าเดินตามเจ้าอยู่ตลอด แต่ใครจะรู้สัตว์ปีศาจกลายร่างเป็นเจ้า หากไม่ใช่ข้าตอบสนองเร็วคงตกหลุมพรางไปแล้ว”
เขาตบหน้าอกตนเอง ท่าทางเหมือนยังไม่หายตกใจ “เจ้าไม่รู้หรอก พอเห็นใบหน้าของเจ้ากลายเป็นใบหน้าอันบิดเบี้ยวกระหายเลือดของสัตว์ปีศาจนั่น ข้าตกใจแทบตาย”
เฟิ่งจิ่วเหล่มองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยว่า “พอข้าเห็นว่าท่านหายไปก็ตามหาท่านไปทั่ว เจอกับสัตว์ปีศาจที่กลายร่างเป็นท่านด้วยเหมือนกัน” เอ่ยจบ เธอมองพิจารณาสถานที่แห่งนี้อย่างครุ่นคิด ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่
“อะไรนะ เจ้าก็เจอเหมือนกันหรือ อย่างนั้นเจ้าดูออกได้อย่างไร ไม่ได้บาดเจ็บกระมัง” เขาตกใจ รีบสังเกตเธอรวมถึงห้าวเอ๋อร์ที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอ
“สัตว์ปีศาจตนนั้นคงเห็นว่าห้าวเอ๋อร์ตัวขาวนุ่มนิ่มน่ากินมากกว่า จึงบอกให้ข้าส่งห้าวเอ๋อร์ให้มันอุ้ม ข้าจึงซ้อนแผนฉวยโอกาสตอนมันไม่ทันตั้งตัว ฆ่ามันในดาบเดียว”
เฟิ่งจิ่วเล่าด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เธอหยุดพูดไปครู่หนึ่ง เหล่มองตาเฒ่า เอ่ยว่า “ในนี้ไม่ได้มีเพียงวิญญาณ ยังมีสัตว์ปีศาจอยู่ด้วย สถานที่อย่างนี้ไม่เหมาะที่จะอาศัยอยู่เพื่อเร้นกายจากโลกภายนอกเลยจริงๆ ฉะนั้นข้าจึงสงสัยมาก ท่านพาข้ามาผิดที่แล้วใช่หรือไม่”
“หา จะเป็นไปได้อย่างไร น่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะอย่างไรสิบกว่าปีที่แล้วข้าเคยมาครั้งหนึ่ง จำได้อย่างแม่นยำ ที่นี่…” ยิ่งพูด เสียงของเขาก็ยิ่งเบา สุดท้ายภายใต้สายตาของเฟิ่งจิ่ว เขาทำได้เพียงขยับปากอย่างไร้เสียง
“คือ…คือว่ามันก็ผ่านไปนานแล้ว บางที…อาจจะ…หรือว่า…อาจจะผิดที่แล้วจริงๆ” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าแกนๆ หันมองทางอื่นอย่างไม่มีความมั่นใจ
เฟิ่งจิ่วได้ยินก็ได้แต่ถอนหายใจ “ข้าว่าแล้วเชียวว่าท่านมันเชื่อถือไม่ได้ หากจัวจวินเยวี่ยมีเรื่องเร่งด่วนอะไรจริง เดาว่าคงรอจนพวกเราไปหาเขาไม่ทันแล้ว”
ตาเฒ่ากระแอมเบาๆ “เรื่องนี้ ถ้าอย่างไร พวกเราลองหาตอนนี้เลย บางทีอาจหาเส้นทางเจอก็ยังไม่แน่”
“นอกจากอย่างนี้แล้วยังทำอย่างไรได้อีก ไปกันเถอะ! อย่ามัวเสียเวลาอยู่เลย” เธอส่ายหัว อุ้มเด็กทารกนานแล้วก็รู้สึกเมื่อยแขน จึงเอาแพรป่วนฟ้าออกมามัดไว้บนตัว แหวกแพรป่วนฟ้าออก แล้ววางเด็กเข้าไปข้างใน
………………………………….
ตอนที่ 2366 ช่วยเหลือ
คราวนี้ไม่ได้ปล่อยให้ตาเฒ่านำทางอีก แต่เฟิ่งจิ่วเดินตามค่ายกลไปข้างหน้า เลี่ยงสถานที่ที่มีหมอกหนา ทั้งสองเดินอยู่ในป่าแห่งนี้กว่าครึ่งวัน ก่อนจะนั่งพักอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง
“ที่นี่ห้ามขี่กระบี่บิน ไม่อย่างนั้นยังขึ้นไปดูบนท้องฟ้าได้” ตาเฒ่าเอ่ยเบาๆ
เฟิ่งจิ่วเอาน้ำออกมาดื่ม จากนั้นก็ป้อนน้ำให้เด็ก ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ท่านก็บอกแล้วว่าที่นี่คือถิ่นของตระกูลนั้น ที่นี่ถูกห้ามใช้อาวุธบิน ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ก็มีเพียงคนของพวกเขาที่จะเคลื่อนไหวอย่างอิสระได้ในนี้ พวกเราทำได้เพียงเดินเท้าเท่านั้น
หากไม่ใช่เพราะถูกท่านนำทางผิด ก็คงไม่ต้องเสียเวลาเดินวนอยู่ที่นี่นานขนาดนี้” เธอบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ เก็บถุงหนังใส่น้ำ เวลานี้เอง พลันได้ยินเสียงต่อสู้กันดังมาจากในป่า
“ท่านฟัง!” เธอดึงแขนเสื้อของเขา เป็นเชิงบอกให้เขาเงี่ยหูฟัง
ตาเฒ่าเห็นท่าทางของเธอ จึงตั้งใจฟังอย่างละเอียด เมื่อได้ยินเสียงต่อสู้ดังมาจากในส่วนลึกของป่ารางๆ เขาดวงตาเป็นประกายขึ้นมา “มีคน ไป พวกเราไปดูกัน”
ทั้งสองเดินตามเสียงไป พอมาถึงด้านหน้า เห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังถูกสัตว์ปีศาจสิบกว่าตัวรุมโจมตี เฟิ่งจิ่วมองสองคนนั้นแวบหนึ่ง ก่อนหันไปพยักหน้าส่งสัญญาณให้ตาเฒ่าที่อยู่ข้างๆ
ตาเฒ่ารู้โดยไม่ต้องพูด รีบยื่นมือเข้าไปช่วยทันที
หนุ่มสาวคู่นั้นมีพลังอยู่ในระดับหลอมแก่นพลัง การต้องต่อกรกับสัตว์ปีศาจสิบกว่าตัวนั้นค่อนข้างกินแรง ยามนี้ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผล ความเร็วก็ค่อยๆ ลดลงไปด้วย แต่สัญญาณที่พวกเขาส่งไปขอความช่วยเหลือกลับยังไม่มาถึง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสิ้นหวัง
ทว่าเวลานี้ ชายชราคนหนึ่งพลันปรากฏตัว กลิ่นอายอันแข็งแกร่งพลันถูกปลดปล่อยออกมา พลังต่อสู้อันน่าตกตะลึงช่วยพลิกสถานการณ์ของพวกเขากลับมา ยามสัตว์ปีศาจพวกนั้นที่ตายก็ตาย ที่หนีก็หนี และพ้นจากสถานการณ์อันตราย หนุ่มสาวคู่นั้นกล่าวขอบคุณด้วยความดีใจ
“ขอบคุณอาวุโสที่ยื่นมือช่วยเหลือ” ทั้งสองประสานมือให้ฮุ่นหยวนจื่อ พลางจ้องพิจารณาเขาด้วยความประหลาดใจ
“หึๆๆ ไม่ต้องเกรงใจ” ตาเฒ่าลูบหนวดยิ้มตาหยีขณะตอบ เขามองบาดแผลบนตัวทั้งสองแวบหนึ่ง เอ่ยว่า “พวกเจ้าบาดเจ็บไม่น้อย จัดการทำแผลก่อนเถอะ!”
“ได้” ทั้งสองรับคำ ก่อนจะช่วยกันทำแผล ครั้นเห็นชายคนหนึ่งยังแบกเด็กทารกที่ตากลมโตจ้องมองไปทั่วไว้ด้วยคนหนึ่ง ก็อดแปลกใจไม่ได้
“ที่นี่มักมีสัตว์ปีศาจปรากฏตัว พวกท่านทั้งสองมาที่ได้อย่างไร ยังพาเด็กมาด้วยคนหนึ่ง” ชายคนนั้นถาม รู้สึกว่าการรวมตัวของหนึ่งเฒ่าหนึ่งหนุ่มแล้วยังมีหนึ่งทารกเช่นนี้ค่อนข้างประหลาดอยู่บ้าง
“พวกข้ามาตามหาคนที่นี่ ทั้งสองท่านรู้จักตระกูลเร้นลับที่อยู่แถวนี้หรือไม่” เฟิ่งจิ่วถามสองคนนั้น
ได้ยินอย่างนั้น สองคนนั้นนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย มองพวกเขาแวบหนึ่ง เดิมทีไม่อยากตอบแต่เห็นแก่ที่ชายชราช่วยพวกเขาไว้เมื่อกี้ จึงมองหน้ากันแวบหนึ่ง แล้วถามว่า “ในเมื่อเป็นตระกูลเร้นลับ ย่อมไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับโลกภายนอก ทั้งสองท่านเหตุใดต้องตามหาตระกูลนั้น”
“บอกตามตรง พวกข้าพาเด็กมาตามหาพ่อของเขา”
เฟิ่งจิ่วตอบ เมินสีหน้าตกตะลึงของตาเฒ่าที่อยู่ข้างๆ ไปโดยตรง ก่อนเอ่ยต่อด้วยสีหน้ากังวลว่า “เขามาหายาที่นี่ แต่ใครจะรู้สุดท้ายเข้าไปในตระกูลหนึ่งแล้วถูกรั้งตัวไม่ให้ออกมา พวกข้ากังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา จึงพาเด็กมาตามหาเขา”
เมื่อฟังจบ หนุ่มสาวคู่นั้นมองหน้ากัน รู้สึกตะลึงอยู่บ้าง
ส่วนตาเฒ่าที่ก้มหน้าอยู่กลับมุมปากกระตุก กำลังคิดว่าเฟิ่งจิ่วคิดจะมาไม้ไหนอีก
………………………………….