เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2369 ไม่รู้จักภูตหมอ / ตอนที่ 2370 พวกเจ้าเข้ามาได้อย่างไร
- Home
- เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า
- ตอนที่ 2369 ไม่รู้จักภูตหมอ / ตอนที่ 2370 พวกเจ้าเข้ามาได้อย่างไร
ตอนที่ 2369 ไม่รู้จักภูตหมอ
ตาเฒ่าเห็นเธอผ่าเผยขนาดนั้น ก็เดินยืดอกตามไปด้วย มือหนึ่งไขว้ข้างหลัง มือหนึ่งลูบหนวดเลขแปดเหนือปากสาวเดินไป ขณะที่ทั้งสองกำลังจะเดินผ่านหญิงรับใช้ที่ย่อเข่าคนนั้นไป ตาเฒ่ายักคิ้วหลิ่วตาทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างกับเฟิ่งจิ่ว กลับได้ยินเสียงหนึ่งดังมา
“ช้าก่อน” เธอหยุดเดินแล้วเรียกหญิงรับใช้ที่กำลังจะไป
หญิงรับใช้นางนั้นได้ยินเสียงเรียกก็หยุดเดินแล้วหันกลับไปย่อเข่า ถามเสียงอ่อนโยนว่า “ท่านมีอะไรให้รับใช้เจ้าคะ”
“ว่าที่เจ้าบ่าวของคุณหนูสี่ของพวกเจ้าอยู่ที่ใด” เธอถาม
หญิงรับใช้ชะงักเล็กน้อย เงียบไปครู่หนึ่ง เหลือบมองเฟิ่งจิ่วด้วยหางตาเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า “ว่าที่ท่านเขยอยู่ในเรือนหนานหวาเจ้าค่ะ”
“เจ้านำทางพวกข้าก็แล้วกัน! พวกข้าอยากเจอเขาหน่อย” เฟิ่งจิ่วเอ่ย
“คุณหนูสี่มีคำสั่ง ก่อนพิธีแต่งงาน ใครก็ห้ามพบว่าที่ท่านเขย”
เฟิ่งจิ่วนัยน์ตาไหวระริก เปลี่ยนวิธีการถามใหม่ “อย่างนั้นเรือนหนานหวาไปทางไหน”
“เดินตรงไป เลี้ยวขวาตรงทางแยก ผ่านภูเขาจำลองไประยะหนึ่งก็ถึงแล้วเจ้าค่ะ” หญิงรับใช้ตอบคำ ลอบประหลาดใจ เหตุใดแขกคนนี้จึงต้องอยากเจอว่าที่ท่านเขยด้วย
เฟิ่งจิ่วกับตาเฒ่าเดินไปตามที่หญิงรับใช้บอก ทว่าเวลานี้ สองคนที่ประตูใหญ่เพราะยืนนิ่งไม่ขยับอยู่ตรงนั้นตลอด จึงดึงดูดความสนใจจากคนในจวน พอชายชราคนหนึ่งเข้ามาคลายจุดลมปราณให้พวกเขา ก็รีบเข้าไปในจวนทันที
ในเรือนด้านหน้า ณ ห้องโถงใหญ่ ขณะที่ผู้นำตระกูลกำลังต้อนรับสหายกลุ่มหนึ่ง ก็ได้ยินพวกเขาคุยกันว่าพักนี้ข้างนอกเกิดเรื่องขึ้น
“อ้อ อย่างนั้นก็แสดงว่าผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่าภูตหมอผู้นี้เป็นอัจฉริยะจริงๆ” ผู้นำตระกูลหลัวที่นั่งอยู่บนตำแหน่งเจ้าบ้านพูดคุยกับเหล่าสหาย อดประหลาดใจไม่ได้ มีผู้หญิงที่โดดเด่นถึงเพียงนั้นอยู่ด้วย อยากพบหน้าสักครั้งจริงๆ
“ใช่น่ะสิ ตอนนี้ชื่อเสียงของภูตหมอเฟิ่งจิ่วเลื่องชื่อลือชาไปทั่ว เมื่อเอ่ยถึงไม่มีใครไม่รู้จัก” ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ด้านขวาล่างยิ้มเอ่ย
“เพียงแต่ ช่วงก่อนข้าได้ยินมาว่านางหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยหนึ่งปี บางคนบอกว่าถูกสังหารอยู่ข้างนอก แต่จากที่ได้ยินมา สัตว์คู่พันธสัญญาของนางยังมีชีวิตอยู่ อย่างนั้นก็น่าจะยังไม่ตาย”
“ยังมีอีกข่าวหนึ่งที่ลือกันอยู่ ผู้หญิงคนนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นเฟิ่งซิง”
“ถูกต้องแล้ว คนของสี่สำนักเซียนใหญ่ข้างนอกต่างมั่นใจในเรื่องนี้ เพียงเสียดาย ตอนนี้ไม่รู้ว่าเฟิ่งจิ่วอยู่ที่ใด”
ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องที่กำลังเล่าลือกันอยู่ข้างนอก ผู้นำตระกูลหลัวบนที่นั่งเจ้าบ้านเห็นพ่อบ้านเดินเข้ามาข้างกายเขาด้วยสีหน้าแตกตื่น กระซิบข้างหูเขาสองสามประโยค
หลังจากฟังจบ เขาลุกขึ้นด้วยท่าทีขอโทษ เอ่ยกับเหล่าผู้นำตระกูลเร้นลับที่ตั้งใจมาร่วมงานว่า “ต้องขออภัยจริงๆ มีเรื่องด่วนต้องไปจัดการเล็กน้อย”
เหล่าสหายลุกขึ้น ยิ้มเอ่ย “สหายหลัวไม่ต้องเกรงใจ ท่านไปสะสางธุระเถอะ! พวกเราไปเดินเล่นในจวนหน่อย อุตส่าห์ได้มาจวนหลัวสักครั้ง ครั้งนี้ต้องเชยชมป่าร้อยสมุนไพรที่ขึ้นชื่อที่สุดของจวนหลัวสักหน่อยแล้ว”
“ทุกท่านอุตส่าห์ชื่นชม แน่นอนว่าต้องได้เดินชมอยู่แล้ว” ผู้นำตระกูลหลัวยิ้มๆ หันไปเอ่ยกับชายชราที่ยืนอยู่ด้านหนึ่ง “อาวุโสใหญ่ ท่านพาพวกเขาไปเดินเล่นที่ป่าร้อยสมุนไพรเถอะ!”
พอพวกเขาออกไป พ่อบ้านจึงพูดขึ้นอย่างร้อนใจ “ท่านผู้นำตระกูล องครักษ์เฝ้าประตูบอกว่ามีชายชราหนึ่งคนกับเด็กหนุ่มหนึ่งคนเข้ามา ยังอุ้มเด็กทารกเข้ามาด้วยคนหนึ่ง พวกเขามาโดยไม่ได้รับเทียบเชิญ ตอนนี้แฝงตัวเข้ามาในจวนแล้ว”
………………………………….
ตอนที่ 2370 พวกเจ้าเข้ามาได้อย่างไร
“แฝงตัวเข้ามาในจวนแล้ว?” ผู้นำตระกูลหลังได้ยินก็ขมวดคิ้ว เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ช่างบังอาจนัก! เห็นตระกูลหลัวของข้าเป็นอะไร คิดว่าใครก็เข้ามาได้งั้นหรือ รีบสั่งคนให้ไปตามหาตัวสองคนนั้นมา!”
“ขอรับ!” พ่อบ้านรับคำ ขณะกำลังจะถอยออกไป ก็ถูกเรียกไว้อีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อน” ผู้นำตระกูลหลัวเรียกเขา กำชับเสียงจริงจัง “ค้นหาอย่างลับๆ อย่าทำให้แขกตกใจ”
“ขอรับ” พ่อบ้านถอยออกไป
ในอีกด้านหนึ่ง เฟิ่งจิ่วกับฮุ่นหยวนจื่อที่มาถึงเรือนหนานหวามององครักษ์สองคนที่เฝ้าอยู่นอกเรือน สีหน้าไหวระริก ตาเฒ่ามองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง ก่อนจะก้าวเข้าไป แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ถูกขวางไว้ก่อนแล้ว
“แขกทั้งสองมาผิดที่แล้วกระมัง ที่นี่คือเรือนหนานหวา ไม่รับรองแขก” องครักษ์คนหนึ่งเอ่ย
“ไม่ผิด พวกเรามาหาจัวจวินเยวี่ยที่นี่”
ชายชรายิ้มตาหยี เลียนแบบเฟิ่งจิ่ว สกัดจุดลมปราณสองคนนั้นอย่างไม่ทันตั้งตัว จากนั้นก็หันไปบอกเฟิ่งจิ่ว “ไปเถอะๆ! รีบเข้าไปดูกัน”
ทั้งสองเดินเข้าไปในเรือน ใช้ดวงจิตกวาดสำรวจ ก่อนจะหยุดอยู่ที่ห้องห้องหนึ่ง ขณะผลักประตูเปิดเข้าไป เห็นว่าห้องด้านนอกไม่มีคน เมื่อเดินเข้าไปในห้องด้านในจึงเห็นว่าจัวจวินเยี่ยนอนอยู่บนเตียง
“เจ้าหนูนี่กลับโชคดี พวกเราวิ่งข้ามน้ำข้ามภูเขามาหาเขา เขากลับนอนหลับอยู่นี่” ตาเฒ่าพึมพำ เดินเข้าไปตบเรียกเขา “ยังไม่รีบลุกขึ้นมาอีก เจ้าคิดจะนอนไปถึงเมื่อไร!”
ทว่าไม่ว่าทั้งสองจะเข้ามา หรือตาเฒ่าจะตบเรียกเขาอย่างไร จัวจวินเยวี่ยล้วนไร้การตอบสนอง นั่นทำให้ตาเฒ่าอดตกใจไม่ได้ รีบดึงเฟิ่งจิ่วเข้ามา “เจ้ามาดูว่านี่มันเรื่องอะไร เจ้าหนูนี่ทำไมไม่ตอบสนองอะไรเลย”
เฟิ่งจิ่วยื่นเด็กให้ตาเฒ่า จากนั้นก็เข้ามาตรวจดู ใช้นิ้ววางบนชีพจรของเขา ไม่นานก็เก็บมือกลับมา เอ่ยว่า “เขาไม่ได้เป็นอะไร เหมือนจะเหนื่อยเกินไปจึงหลับ”
“นี่ไม่ถูกกระมัง เจ้าหนูนี่สัญชาตญาณการระวังตัวไม่เลว แม้จะง่วงขนาดไหนก็ไม่หลับเป็นหมูอย่างนี้หรอก!” ตาเฒ่าเอ่ย เรียกจัวจวินเยวี่ยอีกหลายครั้ง แต่ก็ยังคงไร้การตอบสนอง
เฟิ่งจิ่วเองก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน เพียงแต่เธอตรวจชีพจรของเขาแล้ว ทุกอย่างเป็นปกติ ไม่มีอะไรแปลกไปแม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้ เธอหยิบยาขวดหนึ่งออกมาวางไว้ใกล้จมูกของเขา ให้เขาดมอยู่ครู่หนึ่ง ผ่านไปไม่นานก็เห็นเขาค่อยๆ ตื่นขึ้นมา
เฟิ่งจิ่วเห็นเขาที่ลืมตาขึ้นมาแล้วกำลังมองหลังคาเตียงอย่างเหม่อลอย จึงถาม “เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง”
จัวจวินเยวี่ยหันไปมองเธอ จากนั้นก็มองฮุ่นหยวนจื่อ ลุกพรวดขึ้นมา “พวกเจ้ามาได้อย่างไร”
เฟิ่งจิ่วกับฮุ่นหยวนจื่อได้ยินอย่างนั้นก็ตะลึง เฟิ่งจิ่วมองหน้าเขาด้วยสายตาแปลกๆ “เจ้าถามว่าพวกข้ามาได้อย่างไร”
“เจ้าหนูนี่ เจ้ากินยาผิดแล้วกระมัง หรือว่าสมองถูกกระแทก พวกเรามาได้อย่างไรเจ้าไม่รู้หรือ” ฮุ่นหยวนจื่อถลึงตา ย้อนถามอย่างไม่สบอารมณ์
“พวกเจ้ามาดื่มสุรามงคล?” จัวจวินเยวี่ยถาม นั่งมองพวกเขาบนเตียง สายตาจับจ้องไปที่เด็กในอ้อมแขนของตาเฒ่า เอ่ยด้วยความประหลาดใจ “นี่เด็กจากที่ไหนกัน”
ได้ยินเขาถาม ทั้งสองอึ้งงันไปครู่หนึ่ง ตอนนี้มั่นใจได้แล้วว่าเขามีปัญหาแล้วจริงๆ อีกทั้งยังเป็นปัญหาใหญ่เสียด้วย
ทั้งสองไม่สนใจเขา แต่ดึงกันไปกระซิบกระซาบอยู่ที่มุมห้อง
“เจ้าดูท่าทางเขาเหมือนสมองไม่ปกติหรือไม่ ทำไมเขาลืมแม้กระทั่งเรื่องที่ขอความช่วยเหลือจากข้า นี่คงไม่ได้ป่วยเป็นอะไรไปหรอกนะ ยังบอกว่าพวกเรามาดื่มสุรามงคลอีก”
………………………………….