เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2387 พิการ / ตอนที่ 2388 เป็นเจ้าได้อย่างไร
ตอนที่ 2387 พิการ
ทว่าไม่ใช่เพียงแขนข้างนี้ของเขา แม้แต่แขนอีกข้างก็ห้อยแนบลำตัวอย่างไร้เรี่ยวแรง ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วจนไม่มีใครหยุดยั้งทัน และไม่ทันตั้งตัวด้วย
“ท่านพ่อ!”
คุณชายใหญ่ตระกูลหลัวตะโกน เขาเป็นคนแรกที่ตั้งสติและวิ่งเข้าไป ทว่าเงาร่างที่พวยพุ่งออกไปกลับถูกหินเล็กๆ ก้อนหนึ่งขว้างใส่ให้หยุดอยู่ตรงนั้น
“ยังไม่จบการประลอง! เข้าไปทำอะไร”
เสียงเย็นๆ ของตาเฒ่าลอยมา เห็นเพียงเขาอุ้มเด็กทารกชำเลืองมองคุณชายใหญ่ตระกูลหลัว จากนั้นก็ละสายตาออกไป ตวัดมองคนของตระกูลหลัวที่เหลือ ในสายตาแฝงไว้ด้วยแววตักเตือน
อาจเพราะตื่นตะลึงกับพลังของเฟิ่งจิ่วที่แสดงในสนามประลอง หรืออาจเพราะสายตาตักเตือนของชายชรา ทำให้คนของตระกูลหลัวล้วนไม่มีใครกล้าก้าวออกมา เพียงอ้าปากเล็กน้อย ร่างกายสั่นเทามองผู้นำตระกูลที่แขนทั้งสองข้างห้อยข้างลำตัวอย่างไร้เรี่ยวแรง
นั่นเกิดอะไรขึ้น แขนของผู้นำตระกูลของพวกเขาเป็นอะไรไป
เมื่อผู้นำตระกูลหลัวถูกเฟิ่งจิ่วกระชากคอเสื้อโยนออกไปนอกวงกลม เธอค่อยๆ เดินมาหยุดยืนต่อหน้าผู้นำตระกูลหลัวที่อยู่บนพื้นนอกวงกลม มองดูใบหน้าที่บิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวดของเขา น้ำเสียงเย็นใสและเนิบช้าแฝงแววเกียจคร้านดังขึ้น
“ผู้นำตระกูลหลัว เจ้าแพ้แล้ว ตระกูลหลัวของพวกเจ้าแพ้แล้ว ต้องทำตามที่พูดไว้ก่อนหน้านี้แล้วละ”
ผู้นำตระกูลหลัวนอนหมอบอยู่บนพื้น เพราะแขนสองข้างไร้เรี่ยวแรงจึงไม่อาจยันกายลุกขึ้น ทำได้เพียงเงยหน้ามองเด็กหนุ่มที่ยืนพูดอยู่ข้างเขา เวลานี้เขาทั้งอับอายและเคียดแค้น
เขาไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งเขาจะพ่ายแพ้ให้กับเด็กหนุ่มคนหนึ่ง อีกทั้งยังพ่ายแพ้อย่างยับเยินหมดสภาพต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้…
“ท่านพ่อ!”
“ท่านผู้นำตระกูล!”
เวลานี้ คนของตระกูลหลัวรีบกรูกันเข้ามา ประคองเขาลุกขึ้นจากพื้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่ม เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลหลัวไม่กล้าพูดอะไรสักคำ
ใครจะไปคาดคิด เด็กหนุ่มที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของพวกเขา กลับเอาชนะผู้นำตระกูลของพวกเขาได้อย่างขาดลอยเช่นนี้ ซ้ำยังทำจนผู้นำตระกูลของพวกเขาบาดเจ็บขนาดนี้? ตอนนี้ตระกูลหลัวของพวกเขาแพ้แล้ว ยังต้องขอโทษพวกเขาต่อหน้าทุกคน รวมถึงมอบสมุนไพรที่พวกเขาต้องการให้พวกเขา หนำซ้ำยังปล่อยให้พวกเขาเลือกเด็ดยาทิพย์ได้สิบอย่างในสวนร้อยโอสถของตระกูลหลัวอีกด้วย คิดแล้วก็เจ็บใจนัก
แต่พลังของตระกูลหลัวของพวกเขากลับสู้พวกเขาไม่ได้ วาจาที่เคยลั่นไว้ต่อหน้าตระกูลเร้นหลับตระกูลอื่นๆ ยิ่งไม่อาจตระบัดสัตย์ได้ เวลานี้ ช่างรู้สึกเหมือนเสียฮูหยินแล้วยังต้องเสียขุนศึก[1]ซ้ำอีก หากรู้ว่าจะจบอย่างนี้แต่แรก พวกเขาคงมอบสมุนไพรไม่กี่อย่างให้สามคนนั้นเพื่อจบเรื่องไม่ดีกว่าหรือ
“ไม่ทราบว่าท่านทำอะไรกับมือของผู้นำตระกูลหลัวแล้วหรือ” เหล่าผู้นำตระกูลเร้นลับก้าวเข้ามา มองเฟิ่งจิ่วด้วยสายตาไถ่ถาม
เฟิ่งจิ่วเหล่มองพวกเขาแวบหนึ่ง ตอบว่า “เรื่องที่เห็นชัดอยู่แล้วยังต้องถามอีกหรือ”
พวกเขาได้ยินคำตอบก็นิ่งงัน จิตใจสับสนเล็กน้อย แสดงว่าแขนของผู้นำตระกูลหลัวพิการแล้ว? นึกมาถึงตรงนี้ สายตาของพวกเขาไหวระริก แม้จะเป็นตระกูลเร้นลับ แต่ในฐานะผู้นำของตระกูลหนึ่ง แม้พลังจะอยู่ในระดับปราชญ์เซียนขั้นกลางแล้ว แต่หากสองแขนพิการแล้วจริงๆ เกรงว่าเขาคงต้องถอยลงจากตำแหน่งแล้ว
หนำซ้ำ สองแขนของเขาหากไม่อาจรักษาให้หายได้ เดาว่าพลังต่อสู้ของตระกูลหลัวก็จะอ่อนแอลง ไม่มีผู้แข็งแกร่งระดับปราชญ์เซียนคอยนั่งบัญชาการ จุดจบของตระกูลจะเป็นอย่างไรไม่ต้องเดาก็รู้
นึกมาถึงตรงนี้ พวกเขาลอบทอดถอนใจ ใครใช้ให้ตระกูลหลัวไปมีเรื่องกับสามคนนี้ที่ไม่รู้โผล่มาจากที่ไหนกันเล่า ยังไม่ทันสืบประวัติของพวกเขาให้ชัดเจนด้วยซ้ำ ตอนนี้กลับดี สร้างเรื่องเดือดร้อนให้ตระกูลของตนเองเสียแล้ว
………………………………….
ตอนที่ 2388 เป็นเจ้าได้อย่างไร
“ไม่ทราบว่าท่านชื่ออะไร”
เสียงชราและทรงพลังหนึ่งดังมาจากที่ไม่ไกล ยามได้ยินเสียงนั้น คนของตระกูลหลัวดวงตาเป็นประกายขึ้นมา ต่างหันไปทางนั้นแล้วคุกเข่าลงไป เอ่ยขึ้นพร้อมกันว่า
“คารวะท่านบรรพจารย์!”
ที่แท้ หลังจากเห็นท่าไม่ดี ก็มีอาวุโสคนหนึ่งในตระกูลไปเชิญบรรพจารย์ของตระกูลหลัวมาแต่แรกแล้ว บรรพจารย์ของตระกูลหลัวที่ตอนแรกไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไรเมื่อออกมาเห็นแขนของผู้ที่เป็นถึงผู้นำตระกูลหลัวถูกทำให้พิการ สีหน้าพลันเคร่งขรึมลงไปหลายส่วน
ทว่า เมื่อสายตาของเขาจับจ้องไปที่เงาร่างสีเขียว สีหน้าของเขายิ่งหนักอึ้งจมดิ่งไปอีกหลายส่วน
ด้วยระดับวรยุทธ์ของเขา กลับนึกไม่ถึงว่าจะไม่อาจมองทะลุวรยุทธ์ของเด็กหนุ่มได้ ไม่น่าเล่า ผู้นำตระกูลหลัวถึงได้พ่ายแพ้ให้กับเด็กหนุ่มคนนี้
“ท่านบรรพจารย์!”
ผู้นำตระกูลหลัวเห็นท่านบรรพจารย์ที่เดินมาทางนี้ช้าๆ ก็ก้าวเข้ามาภายใต้การประคองของคนอื่นๆ ก่อนจะทิ้งตัวคุกเข่าลงไป “ท่านบรรพจารย์…” ขณะกำลังจะพูด กลับถูกบรรพจารย์ของเขายกมือห้ามไว้ก่อน
เหล่าผู้นำตระกูลเร้นลับเห็นบรรพจารย์ของตระกูลหลัวก็ออกมาด้วยแล้ว ต่างมองหน้ากันแวบหนึ่ง ก่อนจะก้าวเข้าไปประสานมือคารวะ จากนั้นก็ถอยไปยืนอยู่ด้านหนึ่ง
ทว่าสายตาของบรรพจารย์ตระกูลหลัวมองผ่านกลุ่มคน จับจ้องไปที่เฟิ่งจิ่วเท่านั้น เห็นเธอยืนอยู่อย่างไม่หยิ่งทะนงแต่ก็ไม่ทำตนให้ต้อยต่ำ สวมชุดสีเขียวทั้งตัวไม่มีอะไรสะดุดตา แต่กลับมีกลิ่นอายสง่างามรวมถึงราศีของผู้สูงส่งกระจายอยู่รอบตัว
เพียงแวบเดียว เขาก็ไม่กล้าปฏิบัติต่อเธอเช่นผู้ฝึกตนทั่วไป
“ข้าเป็นบรรพจารย์ของตระกูลหลัว กักตัวฝึกตนอยู่หลังเขาไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องในตระกูลมาเป็นเวลานานแล้ว ไม่ทราบว่าคนรุ่นหลังของตระกูลหลัวไปสร้างความขุ่นข้องใจให้ท่านอย่างไร ถึงทำให้ท่านลงไม้ลงมือทำให้แขนของผู้นำตระกูลหลัวของเราพิการทั้งสองข้างเช่นนี้?”
เฟิ่งจิ่วเห็นพวกคนตระกูลหลัวต่างก็หันกลับไปคารวะชายชราที่สาวเดินเข้ามาช้าๆ ก็ลอบมองพิจารณาอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ ตอนนี้ได้ยินเขาถาม เธอยิ้มๆ ถามว่า “ที่แท้คนในตระกูลหลัวที่ไปเชิญท่านมา ไม่ได้อธิบายเรื่องราวให้ท่านฟังอย่างนั้นหรือ”
เธอมองคนในตระกูลหลัวที่เดินตามหลังบรรพจารย์ตระกูลหลัวด้วยสายตาดูแคลน ก่อนเอ่ยเสียงเนิบช้าว่า “ในเมื่อไม่ได้อธิบาย อย่างนั้นข้าก็ไม่ถือสาหากจะต้องอธิบายอีกสักครั้ง อย่างไรสุดท้ายฝ่ายที่ต้องขายหน้าก็มีเพยงตระกูลหลัวของท่านแล้ว ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเลย”
บรรพจารย์ตระกูลหลัวขมวดคิ้วเล็กน้อย เหลือบมองผู้นำตระกูลหลัวที่กำลังตัวสั่นอยู่ข้างหน้าแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองพวกคนของตระกูลหลัวที่ตอนนี้กำลังก้มหน้าก้มตา สถานการณ์อย่างนี้ มีหรือจะไม่รู้อีกว่าเป็นตระกูลหลัวของเขาที่เป็นฝ่ายผิด
“ถึงแม้ตระกูลหลัวของข้าจะทำไม่ถูก ท่านลงมือก็ทำให้มือของเขาพิการทั้งสองข้าง ออกจะเกินไปหน่อย ยิ่งไปกว่านั้น บ้านเมืองมีกฎเกณฑ์ของบ้านเมือง ตระกูลมีกฎเกณฑ์ของตระกูล หากตระกูลหลัวของข้าจัดการเรื่องราวได้ไม่เหมาะสมจริงๆ ข้าในฐานะบรรพจารย์ของตระกูล ย่อมจะตัดสินอย่างยุติธรรม”
“ฮ่าๆๆๆๆ! ตาแก่หลัว ไม่ได้เจอกันนานหลายปี คำพูดประโยคนี้ของเจ้าข้าฟังแล้วก็รื่นหูนัก แต่น่าเสียดาย เจ้าไม่ข้องเกี่ยวกับโลกภายนอก ไม่อย่างนั้นเรื่องราวคงไม่บานปลายใหญ่โตเช่นนี้” ฮุ่นหยวนจื่อส่งเด็กทารกให้จัวจวินเยวี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนจะสาวเดินเข้ามา
จู่ๆ ได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้น บรรพจารย์ตระกูลหลัวอึ้งงัน รู้สึกว่าเสียงนั้นฟังดูคุ้นหูมาก พอเขาหันไปมองผู้ที่เดินเข้ามา สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป อุทานออกมาเบาๆ “เป็นเจ้าได้อย่างไร!”
ฝีเท้ากลับซวนเซไปข้างหลังอย่างไม่รู้ตัว สีหน้าแลดูระมัดระวังและหวาดระแวง ราวกับฮุ่นหยวนจื่อเป็นงูพิษหรือสัตว์ร้ายก็ไม่ปาน
………………………………….
[1] เสียฮูหยินแล้วยังต้องเสียขุนศึก เป็นการเปรียบเปรยถึงการสูญเสียซ้ำสองในครั้งเดียว