เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2405 อาจสู้ไม่ได้ / ตอนที่ 2406 นายแห่งเผ่ามาร
ตอนที่ 2405 อาจสู้ไม่ได้
“ขอรับ!” พวกเขารับคำ ก่อนจะจากไปอย่างเงียบงันเหมือนตอนมา
หลังจากที่สืบเรื่องราวชัดเจนแล้ว เฟิ่งจิ่วเรียกตู้ฝานมากำชับเล็กน้อย จากนั้นก็กลับจวนเฟิ่ง
ในจวนเฟิ่ง
หงส์ไฟและพวกเหล่าไป๋เวลานี้กำลังรุมดูเด็กทารกที่อยู่ในเปล จ้องมองเด็กน้อยตัวอ้วนกลม เหล่าไป๋เอียงหัว “ไม่เหมือนนายท่านสักนิด”
อสูรกลืนเมฆาที่อยู่ข้างๆ กลอกตา อ้าปากหาว “เป็นลูกชายที่นายท่านเก็บกลับมา ไม่ใช่ลูกชายที่นายท่านคลอดเองเสียหน่อย จะเหมือนได้อย่างไร” หากเหมือน อย่างนั้นเจ้าตำหนักต้องได้ร้องไห้แน่
“แต่ถูกนายท่านเก็บกลับมาได้ ยังยอมรับเป็นลูกชายด้วย นี่ไม่ใช่โชคดีธรรมดาเลยจริงๆ” หงส์ไฟกระพือปีกบินลงมาเกาะข้างเปล มองดูเด็กน้อยที่กำลังกระพริบตาปริบๆ จ้องพวกมันด้วยความฉงนฉงาย รู้สึกแปลกใหม่ยิ่งนัก
นี่เป็นครั้งแรกที่นายท่านพามนุษย์ตัวน้อยอย่างนี้กลับมาด้วย
ด้านหนึ่ง หมีดำที่หดตัวนั่งเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น เหม่อมองมนุษย์ตัวน้อยที่อยู่ในเปล ในสมองคิดถึงคำพูดของพวกมันตลอด นี่คือลูกชายของนายท่าน…
เจ้าเสือน้อยรุมดู บางครั้งก็นั่งหมอบลงไป มองสัตว์คู่พันธสัญญาตัวอื่น จากนั้นก็มองเจ้าตัวน้อยที่ตัวเล็กกว่ามันที่อยู่ในเปลอีก ปากก็เปล่งเสียงร้องหงิงๆ
เหลิ่งซวงนั้นยืนมองอยู่ด้านหนึ่ง ส่วนน่าหลันโม่เฉินกับฮุ่นหยวนจื่อนั่งดื่มสุราอยู่ที่โต๊ะ พูดคุยสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อย
ตอนที่เฟิ่งจิ่วกลับมา ท้องฟ้าก็มืดแล้ว
พอเธอมาถึงที่ลานบ้าน สุราอาหารก็จัดวางไว้พร้อมหมดแล้ว เห็นน่าหลันโม่เฉินกับตาเฒ่ากำลังพูดคุยกันอย่างออกรส เธอยิ้มๆ สาวเดินเข้าไปหา “นี่ท่านรู้ว่าข้ากลับมาก็เลยมาหรือ”
น่าหลันโม่เฉินหันมองเธอ สายตาจับจ้องไปที่เธอครู่หนึ่ง ก่อนยิ้มอย่างอ่อนโยน “อยากเจอเจ้าสักครั้งก็ยาก ข้ามารออยู่ที่นี่แต่เช้าแล้ว”
เธอเดินมานั่ง เหลิ่งซวงรินสุราให้เธอ จากนั้นก็ถอยไปยืนด้านหนึ่ง
“เพิ่งกลับมา กำชับเรื่องงานในหอยาสวรรค์ประเดี๋ยวก็ค่ำแล้ว” เธอหยิบตะเกียบมาคีบอาหาร เอ่ยว่า “กินไปด้วย คุยไปด้วย ข้ามีเรื่องจะบอกพวกท่าน”
บนโต๊ะ พวกเขากินไปด้วย ดื่มสุราไปด้วย เฟิ่งจิ่วก็เล่าเรื่องที่ตอนนี้กวนสีหลิ่นถูกขังไว้ในเผ่ามารให้พวกเขาฟัง
ได้ยินเฟิ่งจิ่วเล่า ทั้งสองตะลึงเล็กน้อย “เจ้าสืบมาได้อย่างไร เผ่ามารไม่ใช่กลุ่มอำนาจทั่วไป ผู้ฝึกเซียนทั่วไปมีไม่กี่คนที่เข้าไปได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะสืบข่าวจากข้างในมาได้”
“ข้าย่อมมีวิธี” เธอยิ้มอย่างมีลับลมคมใน ประกายเยือกเย็นพาดผ่านดวงตา เอ่ยว่า “ฉะนั้นข้าจึงตัดสินใจที่จะไปช่วยคนที่เผ่ามาร ถือโอกาสกำจัดเผ่ามารไปด้วยเลย”
กล้าทำอะไรกับพี่ชายของเธอ เผ่ามารนี้ เก็บไว้ไม่ได้!
“เจ้ามั่นใจหรือว่าจะเอาชนะคนของเผ่ามารได้”
โม่เฉินมองเธอ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “แม้สิบจอมมารภายใต้อาณัติของจอมมารปีศาจตายด้วยน้ำมือของเจ้าไปหลายคนแล้ว แต่พลังของจอมมารปีศาจ รวมถึงพลังของผู้ฝึกวิชามารคนอื่นที่อยู่ในนั้น ล้วนไม่อาจมองข้ามได้ เผ่ามารอันยิ่งใหญ่หากไม่มีแผนการที่รอบคอบ จะบอกว่าทำลายก็ทำลายได้เลยก็ไม่ได้”
ฮุ่นหยวนจื่อลูบหนวดอย่างครุ่นคิด เอ่ยว่า “จากที่ข้ารู้มา พลังของจอมมารปีศาจแข็งแกร่งมาก แม้แต่สี่จักรพรรดิเซียนผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังไม่กล้าบอกว่าจะทำลายเขาได้ ตอนนี้แม้ว่าวรยุทธ์ของเจ้าจะอยู่ระดับจักรพรรดิเซียนแล้ว แต่อยากจะสู้กับจอมมารปีศาจ เกรงว่าอาจจะฝืนอยู่บ้าง”
เฟิ่งจิ่วมองพวกเขาสองคน ถามด้วยน้ำเสียงเนิบช้า “หรือว่าพลังของจอมมารปีศาจอยู่เหนือข้า แล้วข้าจะไม่ไปช่วยพี่ชายของข้าหรือ”
………………………………….
ตอนที่ 2406 นายแห่งเผ่ามาร
“แน่นอนว่าไม่ใช่ เพียงแต่ พวกข้าแค่รู้สึกว่าควรมีแผนการที่คลอบคลุม เมื่อถึงเวลาจะได้หลีกเลี่ยงได้ไม่คุ้มเสีย”
เฟิ่งจิ่วได้ยินคำแนะนำของฮุ่นหยวนจื่อก็พยักหน้า “วางใจเถอะ! ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร”
“ใช่แล้ว ลูกชายคนนั้นของเจ้า ข้ารู้สึกว่าชาติกำเนิดของเขาไม่ธรรมดา เจ้ารับเลี้ยงเขา ภายหน้าเกรงว่าจะนำปัญหายุ่งยากมาให้” โม่เฉินกล่าว สายตาอ่อนโยนและลึกล้ำมองไปที่เหล่าสัตว์คู่พันธสัญญาที่กำลังรุมดูเด็กน้อยอยู่
เฟิ่งจิ่วนัยน์ตาไหวระริก มองเด็กทารกแวบหนึ่ง เห็นเขาส่งเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากภายใต้การหยอกล้อของพวกเสี่ยวไป๋ อดยิ้มไม่ได้ “ไม่เป็นไร ในเมื่อเป็นลูกชายของข้า ข้าย่อมต้องปกป้องเขา มีปัญหา ข้าก็จะแก้เอง”
“ใช่แล้ว ข้าได้ยินมาว่าอี้ซิวหร่านนั่นอยู่ที่นี่? ทำไมคืนนี้ไม่เห็นเขา” เฟิ่งจิ่วนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ผู้ฝึกตนที่ชื่ออี้ซิวหร่านนั่น จะว่าไปเขาก็เคยพบอยู่ครั้งหนึ่ง กลับนึกไม่ถึงว่าเขาจะมาอยู่กับเฟิ่งจิ่วได้ จากนั้นก็ได้ยินตู้ฝานบอกว่าเขามารอเฟิ่งจิ่วอยู่ที่นี่นานแล้ว
ได้ยินประโยคนี้ เหลิ่งซวงที่อยู่ข้างๆ เอ่ยว่า “นายท่าน คนคนนั้นอยู่ในจวนมาตลอด ระหว่างนี้ที่นายท่านไม่อยู่กลับสงบเสงี่ยมไม่ได้ทำอะไรเกินเลย เพียงแต่ไม่กี่วันก่อนเขาบอกว่ามีธุระจึงออกไป ตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา”
เฟิ่งจิ่วพยักหน้า เอ่ยว่า “เขากลับมาแล้วบอกให้เขามาพบข้า”
“เจ้าค่ะ” เหลิ่งซวงรับคำ ก่อนถอยไปยืนด้านหนึ่ง
คืนนี้ พวกเขาไม่ได้อยู่พูดคุยกันนาน โม่เฉินรู้ว่าพวกเขาเพิ่งกลับมา ลำบากเดินทางมาไกลจึงให้พวกเขาพักเร็วหน่อย ตนเองกลับก่อน
ในอีกด้านหนึ่ง ในตำหนักใหญ่ของเผ่ามารแห่งนั้น บนที่นั่งสูงสุด เจ้าแห่งจอมมารที่สวมหน้ากากทำให้มองไม่เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงกำลังนั่งเฉียงอยู่บนที่นั่งสูงสุด ในมือหมุนไข่มุกสองลูกที่ส่องแสงวิบวับเล่น ดวงตาที่เต็มไปด้วยความกระหายเลือดคู่นั้นเป็นสีแดงเลือด ยามนี้กำลังหรี่ตา จ้องมองผู้ฝึกวิชามารเบื้องล่างคุกเข่ารายงานต่อหน้าเขา
“อ้อ? อย่างนี้ก็หมายความว่า สี่สำนักเซียนใหญ่รวมถึงสำนักอื่นๆ ก็ยังทำอะไรภูตหมอเฟิ่งจิ่วแห่งหอยาสวรรค์ไม่ได้อยู่ดี? ไม่กล้าทำอะไรนางด้วย?”
เสียงทุ้มต่ำเย็นเยียบของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันตราย มองไม่เห็นสีหน้า ทำให้คนอื่นมองไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
“ขอรับ นายท่าน คนพวกนั้นล้วนเกรงกลัวและเคารพภูตหมอเฟิ่งจิ่วผู้นั้นมาก ได้ยินมาว่า ภูตหมอเฟิ่งจิ่วผู้นี้ก็คือเฟิ่งซิงที่ผู้เฒ่าเทียนจีเคยทำนายไว้ ซึ่งก็คือเจ้าแห่งใต้หล้า” ผู้ฝึกวิชามารที่อยู่เบื้องล่างไม่กล้าเงยหน้าขึ้น ได้แต่หมอบต่ำรายงานอยู่บนพื้น
“เฟิ่งซิง? หึๆ น่าสนใจ”
ไข่มุกสองเม็ดที่มีขนาดเท่าไข่ไก่ในมือของเจ้าแห่งมารหมุนไปมาอย่างช้าๆ น้ำเสียงทุ้มต่ำเย็นเยียบดังขึ้น “นางเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนกคนนั้นนี่หรือ ที่ว่าคือเฟิ่งซิง? นางแค่มีความสามารถด้านการกลั่นยาหน่อยเท่านั้น แล้วยังอาศัยกินยาเพื่อเพิ่มพลังอีก ถึงได้กลายเป็นผู้แข็งแกร่งแห่งทิศหนึ่งเท่านั้น
“เฟิ่งซิง? หึ แค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างนาง ก็กล้าต่อกรกับเผ่ามารของข้าแล้วอย่างนั้นหรือ”
ผู้ฝึกวิชามารเบื้องล่างได้ฟังก็รีบเอ่ยว่า “นางย่อมไม่กล้า ไม่อย่างนั้นพี่ชายของนางอยู่ในมือเรา เหตุใดจึงไม่เห็นนางมาช่วย เห็นได้ว่า นางหวาดกลัวท่านเหมือนกัน ไม่กล้ามาล่วงเกินส่งเดช”
เจ้าแห่งมารได้ยินก็กระตุกยิ้มมุมปาก ไม่ได้พูดอะไรอีก พอเงียบแล้วเขาก็ไม่พูดอะไรอีก กลับทำให้ผู้ฝึกวิชามารที่อยู่ข้างล่างคาดเดาความคิดของเขาไม่ถูก แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากขอตัว ได้แต่หมอบต่ำอยู่เงียบๆ อย่างนั้น กระทั่งได้ยินเสียงของเขาดังขึ้นอีกครั้ง
………………………………….