เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2417 จัดแจง / ตอนที่ 2418 เฟิ่งเยี่ย จ้าวหยาง
ตอนที่ 2417 จัดแจง
“หมายความว่าอย่างไร”
“ตำแหน่งที่ตั้งของสี่สำนักเซียนใหญ่ล้วนต่างกัน ก่อนที่จะมั่นใจว่าเจ้าแห่งมารจะเล่นงานสำนักไหนก่อน พวกเราร้อนใจไปจะมีประโยชน์อะไร” เฟิ่งจิ่วอธิบาย กล่าวว่า “ตอนนี้นอกจากให้สี่สำนักเซียนใหญ่ต่างระมัดระวังไว้ก่อน ยังต้องส่งคนไปสืบข่าวว่าเจ้าแห่งมารจะเล่นงานสำนักไหนก่อน”
พอได้ฟังอย่างนั้น ทุกคนเงียบกริบ อยากรู้เบาะแสของเผ่ามารนั้นไม่ยาก แต่อยากรู้ว่าพวกเขาจะเล่นงานสำนักเซียนไหนก่อนก็ยากแล้ว เพราะอย่างไร พวกนั้นสามารถทำให้พวกเขาสับสนได้ อีกทั้งแต่ละสำนักเซียนก็ตั้งอยู่ห่างกันมาก เกรงว่ากว่าจะรู้ ก็คงกลายเป็นน้ำไกลช่วยดับไฟใกล้ไม่ได้แล้ว
“เจ้ามีแผนการอะไร” โม่เฉินถามเฟิ่งจิ่ว
เฟิ่งจิ่วหมุนถ้วยชาในมือเล่น ตอบว่า “ตอนที่ยังไม่รู้ว่าพวกนั้นจะเล่นงานสำนักเซียนไหน ข้าไม่มีแผนการอะไรทั้งนั้น” เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนหันไปมองชายชรา “ตอนนี้ท่านกลับไปที่สำนักก่อน หากมีเรื่องอะไรจริง มีคนช่วยปกป้องเพิ่มอีกคน ก็เพิ่มความปลอดภัยได้อีกหนึ่งส่วน”
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นข้าก็กลับไปก่อน ถึงตอนนั้นหากมีความเคลื่อนไหวอะไรค่อยติดต่อกัน!”
ตาเฒ่าว่า เขาไม่รั้งอยู่นั้น ลุกขึ้นกล่าวลาทันที “บอกเจ้าท่อนไม้แทนข้าด้วย ข้าไปก่อนแล้ว” เขาทิ้งป้ายหยกไว้ให้เฟิ่งจิ่วชิ้นหนึ่ง บอกว่า “ใช้สิ่งนี้ส่งสาร ข้าจะได้ยินเอง”
“เดินทางปลอดภัย” เฟิ่งจิ่วกล่าวขึ้น
ฮุ่นหยวนจื่อไม่ใส่ใจ “เจ้ายังกังวลว่าระหว่างทางจะมีใครซุ่มทำร้ายข้าอีกหรือ คนที่ควรระวังคือคนอื่นต่างหาก” พูดจบ เขาโบกมือ “ข้าไปแล้ว” สิ้นเสียง ก็ขี่กระบี่เหาะขึ้นกลางอากาศ
“พวกต้วนเยี่ยล้วนถูกเรียกตัวกลับสำนักหมดแล้วหรือ” เฟิ่งจิ่วถาม สายตาหันไปทางเหลิ่งหวากับตู้ฝาน
“พวกเขาส่งข่าวมา บอกว่าเดิมทีตั้งใจเดินทางมาที่หอยาสวรรค์ เพียงแต่ระหว่างทางถูกทางสำนักเรียกตัวกลับ ฉะนั้นจึงเดินทางกลับไปกันหมดแล้ว ไม่ใช่แค่พวกเขา ตอนนี้สี่สำนักเซียนใหญ่ล้วนเรียกตัวศิษย์ที่อยู่นอกสำนักกลับไปเพื่อเตรียมพร้อมรับศึกหมดแล้ว”
ตู้ฝานมองเฟิ่งจิ่ว เอ่ยว่า “อีกอย่าง พอเรื่องเผ่ามารกระจายออกไป ทุกกลุ่มอำนาจข้างนอกล้วนตื่นตระหนก สองวันนี้กิจการของหอยาสวรรค์ยิ่งดีขึ้น มีคนไม่น้อยมาขอซื้อยา ตอนนี้ในคลังเหลือยาอยู่ไม่มากแล้ว”
“บอกคนที่ดูแลห้องยาว่าไม่ต้องสนใจเรื่องอื่น จงกลั่นยาต่อไป นอกจากนี้ ให้เพิ่มมาตราการรักษาความปลอดภัยของหอยาสวรรค์ด้วย” เฟิ่งจิ่วกำชับ นัยน์ตาสุกใสมีประกายมืดมนพาดผ่าน “ส่วนเรื่องอื่น ตอนนี้ยังไม่ต้องไปสนใจ”
“ขอรับ” เหลิ่งหวากับตู้ฝานรับคำ มองหน้ากันแวบหนึ่ง ก่อนจะถอยหลังไปยืนอยู่ข้างๆ
เธอหันไปมองหัวหน้าองครักษ์เฟิ่งทั้งแปด เอ่ยว่า “พวกเจ้าถ่ายทอดคำสั่งลงไป ให้องครักษ์เฟิ่งทุกหน่วยจับตาดูความเคลื่อนไหวของเผ่ามาร จำไว้ให้ดี ให้ซุ่มดูเงียบๆ อย่าวู่วามเด็ดขาด”
“ขอรับ” ทั้งแปดรับคำด้วยเสียงเคร่งขรึม
“ฮุยหลางกับอิ่งอีเหมือนข้าจะไม่เห็นพวกเขาสองคนนานแล้ว พวกเขากำลังดูแลเรื่องภายในตำหนักยมราชหรือ ยังไม่กลับจวนหลิงอีก?” เธอถามขึ้นอีก
“พวกเขาสองคนอยู่ที่ตำหนักยมราชตลอด เพราะเจ้าตำหนักไม่อยู่ มีเรื่องให้พวกเขาจัดการดูแลมากมาย หลายวันก่อนรู้ข่าวที่นายท่านกลับมาแล้ว พวกเขาบอกว่าหากสะสางเรื่องในมือเสร็จก็จะกลับมาพบนายท่าน”
เฟิ่งจิ่วพยักหน้า โบกมือสั่งให้พวกเขาถอยไป ทุกคนโน้มตัวคารวะ ก่อนจะถอยออกไป
ลานสวนอันกว้างใหญ่ เหลือเพียงเฟิ่งจิ่วกับโม่เฉิน และเหลิ่งซวงที่เฝ้าอยู่นอกลาน
“ที่จริงข้ามีเรื่องหนึ่งจะบอกเจ้า” โม่เฉินมองเธอ
………………………………….
ตอนที่ 2418 เฟิ่งเยี่ย จ้าวหยาง
“หืม?” เฟิ่งจิ่วยักคิ้ว มองเขา “เรื่องอะไร”
“ข้าเองก็ได้รับจดหมายจากท่านอาจารย์ ให้ข้ากลับไป อาจต้องเดินทางพรุ่งนี้เลย” เขาเอ่ยอย่างแช่มช้า สายตาอ่อนโยนจับจ้องที่ใบหน้าของเธอ “ข้าจะกลับมาให้เร็วที่สุด เพื่อช่วยเจ้าอีกแรง”
เฟิ่งจิ่วยิ้มเอ่ย “อืม ท่านไปเถอะ! ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้”
ทั้งสองนั่งคุยกันในลานสวนอีกครู่หนึ่ง ไม่นานโม่เฉินก็ลุกขึ้นแล้วขอตัวกลับ
หลังจากพวกเขากลับไปกันหมดแล้ว เฟิ่งจิ่วก็เริ่มสะสางเรื่องราวที่รออยู่…
เพราะข่าวเรื่องที่เจ้าแห่งมารจะทำลายสี่สำนักเซียนใหญ่แพร่ออกไป ทุกกลุ่มอำนาจจึงวุ่นอยู่กับการเฝ้าระวัง ให้ความรู้สึกเหมือนวันสิ้นโลกกำลังจะมาเยือน
แต่ทว่า มีเงาร่างเล็กๆ สองร่างกลับฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนกำลังชุลมุนวุ่นวายแอบลงจากเขาไปเงียบๆ…
ในป่าเขา บนทางเดินเล็กๆ เฟิ่งเยี่ยกับจ้าวหยางสาวเท้าสั้นๆ เดินไปทีละก้าวๆ คนหนึ่งเดินตามเงียบๆ คอยระวังความเคลื่อนไหวรอบๆ อีกคนกลับดูไร้เดียงสา ดวงตาหงส์คู่หนึ่งปรากฏแววดีใจอย่างปิดไม่มิด
“หยางหยาง เจ้าว่าพวกเราจะหาหลานสาวของข้าเจอหรือไม่”
เฟิ่งเยี่ยที่ตอนนี้อายุหกเจ็ดขวบนอกจากสูงขึ้นแล้ว ยังมีดวงหน้างดงามประณีตไม่เปลี่ยน โดยเฉพาะเมื่อเขาพูดคำว่าหลานสาวด้วยน้ำเสียงเยาว์วัย ความรู้สึกแปลกๆ นั่นยิ่งเด่นชัดขึ้น
จ้าวหยางที่อายุมากกว่าเขาไม่กี่ปีมีท่าทางของเด็กหนุ่มแล้ว เขาแบกกระบี่หนึ่งเล่มไว้ข้างหลัง สวมเสื้อผ้าสีเขียวไม่สะดุดตา ในร้องเท้าหนังข้อยาวยังซ่อนดาบสั้นไว้อีกหนึ่งเล่ม
ทั้งสองแอบหนีลงจากเขามาเงียบๆ ก็เพื่อจะไปตามหาเฟิ่งจิ่วนั่นเอง
“ข้าได้ยินศิษย์พี่คนหนึ่งบอกว่า องค์หญิงอยู่ที่หอยาสวรรค์เมืองร้อยนที ขอเพียงพวกเราไปถึงที่นั่น ก็น่าจะหานางเจอแล้ว” จ้าวหยางตอบ ท่าทางเหมือนหนุ่มน้อยที่เริ่มมีความห้าวหาญ เทียบกับเฟิ่งเยี่ยที่เหมือนไม่ค่อยเข้าใจโลก เขาดูโตกว่าเล็กน้อย
“หยางๆ เจ้าว่าหลานสาวของข้ายังจำพวกเราได้หรือไม่ หากนางจำพวกเราไม่ได้แล้วจะทำอย่างไร” เฟิ่งจิ่วขมวดดวงหน้าน้อยๆ ถามด้วยความกังวล
“องค์หญิงต้องจำได้แน่” จ้าวหยางตอบคำ ยังคงระวังความเคลื่อนไหวรอบข้าง ดวงหน้าน้อยๆ จริงจังขึงขัง ไม่มีรอยยิ้มแม้แต่น้อย
“หยางหยาง พวกเราเดินมานานเท่าไรแล้ว เดินจนข้าเหนื่อยแล้ว ถ้าอย่างไร พวกเราใช้อาวุธบินกันเถอะ!” เฟิ่งเยี่ยเสนอ ดึงแขนเสื้อของหยางหยาง
“ไม่ได้” จ้าวหยางปฏิเสธ “พวกเราสองคนเป็นแค่เด็ก ข้างกายไร้คนคุ้มกัน หากเอาอาวุธบินออกมาจะนำภัยมาถึงตัวได้ง่ายๆ” เขามองเฟิ่งเยี่ย สีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง “นายท่าน ท่านเคยรับปากข้าแล้ว หากลงเขาจะฟังข้า”
“รู้แล้วๆ แต่ข้าเดินจนเหนื่อยแล้ว พวกเราเดินมาตลอดทางเลยนะ” เฟิ่งเยี่ยทำปากยู่ ชี้ไปที่รองเท้าหนัง “เจ้าดูสิ รองเท้าขาดแล้ว เท้าข้าต้องพองแล้วแน่ๆ”
“อย่างนั้นก็พักก่อน” จ้าวหยางเอ่ย พาเขาไปนั่งลงที่พื้นหญ้าด้านหนึ่ง จากนั้นก็หยิบของกินออกมายื่นให้เขา “กินสักหน่อย”
“อื้มๆ” เฟิ่งเยี่ยรัรบอาหารแห้งมากิน จากนั้นก็ดื่มน้ำไปอีกหลายอึก ทั้งสองพักอยู่ที่นี่ครู่หนึ่ง ทว่าจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงต่อสู้ดังมาจากในป่า เฟิ่งเยี่ยดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที
“หยางหยาง มีเสียงอาวุธ พวกเราไป…” ยังพูดไม่ทันจบก็โดนหยางหยางขัดก่อนแล้ว
“ไปไม่ได้” จ้าวหยางทำหน้าบึ้งเก็บข้าวของ ดึงมือเขาพลางบอกว่า “พวกเราช่วยคนอื่นไม่ได้ กระทั่งอาจต้องสังเวยชีวิตตนเองเพราะความอยากรู้อยากเห็นด้วย ฉะนั้นไปไม่ได้”
………………………………….