เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2427 แบ่งให้เจ้าหน่อย / ตอนที่ 2428 การต่อสู้ระหว่างทาง
ตอนที่ 2427 แบ่งให้เจ้าหน่อย
เฟิ่งจิ่วในตอนนี้ ได้ลืมเรื่องของอี้ซิวหร่านไปเสียสนิทแล้ว หลายวันมานี้ เธอรอฟังข่าวอยู่ตลอด พลางสะสางเ เรื่องราวในมือให้เสร็จไปด้วย สิ่งที่ทำให้เหนือความคาดหมายก็คือ เธอได้รับข่าวว่าพี่ชายของเธอหนีออกมาจากเผ่ ามารแล้ว เพียงแต่ตอนนี้ไม่รู้อยู่ที่ไหน
แต่ไม่ว่าอย่างไร ข่าวนี้ถือเป็นข่าวดีสำหรับเธอแล้ว อย่างน้อย เขาก็ไม่ได้ตกอยู่ในกำมือของเผ่ามาร เช่นนั้น นก็ไม่ต้องเป็นห่วงความปลอดภัยของเขาแล้ว
“นายท่าน” เงาร่างหนึ่งปรากฏตัวในห้องใต้หลังคาของหอยาสวรรค์อย่างเงียบเชียบ เขาก็คือชางฉิงนั่นเอง
“มาแล้วหรือ เป็นอย่างไรบ้าง” เฟิ่งจิ่วที่กำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะหันมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนถามขึ้น
“ได้รับข่าวมาแล้ว คนของเผ่ามารจะเปิดฉากเล่นงานสำนักดาราจักรก่อน ตอนนี้กองทัพของเผ่ามารกำลังมุ่งหน้าไปยังสำ ำนักดาราจักรโดยแยกเป็นหลายเส้นทาง ตั้งใจจะขนาบโจมตีทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เพื่อทำลายให้ราบคาบ”
เฟิ่งจิ่วตะลึงเล็กน้อย “เป็นสำนักดาราจักรหรือ” สี่สำนักเซียนใหญ่ สำนักที่อยู่ใกล้เผ่ามารมากที่สุดไม่ใช่สำนัก ดาราจักร ด้วยเหตุนี้ เดิมทีเธอไม่คิดว่าเจ้าแห่งมารจะลงมือกับสำนักดาราจักรก่อน
“ต่อจากนี้นายท่านมีแผนการอะไรอีกหรือไม่” ชางฉิงถาม
เฟิ่งจิ่วเงียบ เนิ่นนานจึงค่อยสั่ง “เจ้าไปถ่ายทอดคำสั่ง เรียกคนมารวมตัวกัน ไปช่วยสำนักดาราจักร”
ชางฉิงรู้ว่าที่เธอบอกว่าเรียกคนมารวมตัวกัน หมายถึงผู้ฝึกตนบนแผ่นดินลอยฟ้า ด้วยเหตุนี้จึงพยักหน้า ก่อนจะหมุนตั วจากไป
หลังจากชางฉิงจากไป เฟิ่งจิ่วเรียกองครักษ์เฟิ่งมาคนหนึ่ง ให้เขาเอาจดหมายไปส่งสี่สำนักเซียนใหญ่
จากนั้น หลังจากที่สะสางเรื่องในหอยาสวรรค์และจวนเฟิ่งเสร็จ เธอก็มุ่งหน้าไปยังสำนักดาราจักรอย่างเงียบงัน…
ในอีกด้านหนึ่ง กลุ่มทหารรับจ้างสายฟ้าภาคีที่เดินทางโดยกระบี่บินพาเฟิ่งเยี่ยกับจ้าวหยางมุ่งหน้าเดินทางไปยั งเมืองร้อยนที แม้จะเป็นผู้ฝึกตน แต่ก็ไม่อาจเดินทางโดยกระบี่บินทั้งวันทั้งคืนโดยไม่หยุดพักได้
ด้วยเหตุนี้ พอถึงยามหัวค่ำ ขณะที่เส้นขอบฟ้าเริ่มมืดลง พวกเขาร่อนตัวลงบนพื้น หาที่พักเท้า ตั้งใจว่าจะพักห หนึ่งคืนแล้วค่อยออกเดินทาง
ในป่าผืนเล็กข้างถนนใหญ่ พวกเขานั่งล้อมวงกันบนพื้น ตรงกลางมีกองไฟเล็กๆ แต่ละคนล้วนมีอาหารแห้ง ด้วยเหตุนี้ พวก กเขาจึงไม่จำเป็นต้องออกไปหาอาหาร
“กินอะไรหน่อยแล้วพักผ่อนให้เต็มที่ คนเฝ้าเวรยามกลางดึกถูกจัดแจงไว้เรียบร้อยแล้ว” สวีเหยียนหันไปพูดกับทหาร รรับจ้างคนหนึ่ง
“ขอรับ หัวหน้า” ทหารรับจ้างคนนั้นเอ่ย ก่อนจะเรียกทหารรับจ้างอีกสองสามคนมาเฝ้าเวรยาม
“พวกเราต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนกว่าจะถึงเมืองร้อยนที” เฟิ่งเยี่ยแหงนหัวเล็กๆ ถามสวีเหยียน
สวีเหยียนกินอาหารแห้ง ตอบว่า “คำนวณจากระยะทาง น่าจะอีกประมาณสี่ห้าวันก็ถึงแล้ว”
มองดูแป้งทอดแข็งๆ ในมือเขา เฟิ่งเยี่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “ค่าจ้างที่ข้าให้ก็ไม่น้อย ทำไมเจ้ายังกินแป้งทอดแข็ง งๆ อยู่อีก ทำไมไม่เตรียมอาหารแห้งที่ดีกว่านี้หน่อย”
เขากับหยางหยางซื้อของว่างมาไม่น้อย ยังมีแป้งทอดน้ำมันอร่อยๆ อีกจำนวนหนึ่ง แต่พวกเขากลับมีแค่แป้งทอดขาวๆ แผ ผ่นหนึ่ง แม้แต่ต้นหอมก็ไม่เห็นมี
“อย่างไรก็แค่ของเต็มท้องให้อิ่ม กินจนชินก็ดีเอง” สวีเหยียนตอบ ก่อนจะกัดแป้งทอดคำโต กินคู่กับน้ำเย็นๆ
เฟิ่งเยี่ยเอาเนื้อหมักซีอิ๊วออกมายื่นให้เขา “ข้ากับหยางหยางซื้อมาเยอะมาก แบ่งให้พวกเจ้าหน่อยก็แล้วกัน!”
เหล่าทหารรับจ้างนิ่งอึ้ง มองหน้ากันแวบหนึ่ง ก่อนจะหันมองเฟิ่งเยี่ย ขยับกลีบปากเล็กน้อย เหมือนจะพูดอะไรบางอย ย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่พูด เพียงก้มหน้ากินแป้งทอดแข็งๆ ของตนเองต่อไป
“ไม่ต้องแล้ว พวกเรากินแค่นี้ก็พอ” สวีเหยียนส่ายหน้า ไม่รับเนื้อหมักซีอิ๊วที่เฟิ่งเยี่ยยื่นให้
………………………………….
ตอนที่ 2428 การต่อสู้ระหว่างทาง
“พวกเจ้ากินอิ่มแล้วถึงจะมีแรงปกป้องพวกข้า หากกินแต่แป้งทอดเปล่าๆ ต่อสู้กันขึ้นมาจะไม่มีแรง” เฟิ่งเยี่ยเอ่ย ก่อนจะยัดเนื้อหมักซีอิ๊วใส่มือของเขา
เห็นอย่างนี้ สวีเหยียนมองเด็กน้อยที่อยู่ข้างกายด้วยสายตาลึกซึ้ง ชะงักเล็กน้อย ก่อนเอ่ยว่า “ขอบใจมาก” เอ่ยจ จบ ก็ยื่นเนื้อหมักซีอิ๊วที่ห่อด้วยกระดาษน้ำมันให้ทุกคนไปแบ่งกันกิน
เฟิ่งเยี่ยกินเสร็จก็นั่งหลับโดยพิงหยางหยางอยู่ข้างกองไฟ ไม่นานก็หลับสนิทไปแล้ว เทียบกับเฟิ่งเยี่ยที่รู้สึ กวางใจ จ้าวหยางกลับนั่งขัดสมาธิ เอวเหยียดตรง หลับตาพักผ่อน
มองดูเด็กสองคนนี้ เหล่าทหารรับจ้างมีแววตาประหลาดใจ ตลอดเส้นทางนี้ เด็กสองคนนี้มักทำให้พวกเขาตะลึงอยู่เสม มอ คนตัวเล็กนั้นไร้เดียงสาไร้พิษภัย คนตัวใหญ่กลับทำตัวเหมือนองครักษ์ตลอด แม้มีพวกเขาคอยคุ้มกันอยู่ เขาก็ยั งคอยเฝ้าอยู่ข้างกายคนตัวเล็กไม่เคยห่าง ไม่เคยผ่อนคลายท่าทีลงเลยแม้แต่น้อย
ต้องเป็นตระกูลแบบใดกัน ถึงสามารถอบรมบ่มเพาะองรักษ์ที่ทั้งยังอายุน้อยและมีความรับผิดชอบมากถึงขนาดนี้ได้ พวกเขาชักจะสงสัยขึ้นมาแล้วจริงๆ
คืนนี้ผ่านไปอย่างสงบสุข กระทั่งเช้าตรู่ หลังจากที่พักผ่อนเสร็จ ทุกคนก็ออกเดินทางโดยกระบี่บินต่อ แต่ทว่า ขณะที พวกเขาผ่านภูเขาลูกหนึ่ง กลับถูกผู้ฝึกตนกลุ่มหนึ่งบังคับให้ลงมา
“ส่งเงินและของมีค่าบนตัวมาให้หมด!” ผู้ฝึกตนกลุ่มนั้นตะคอกสั่ง สายตาเคร่งเครียดจ้องไปทางกลุ่มทหารรับจ้างสายฟ ฟ้าภาคี
สวีเหยียนปกป้องเด็กสองคนไว้ข้างหลัง สั่งให้สมาชิกคนอื่นคุ้มกันพวกเขาไว้ตรงกลาง ก่อนที่เขาจะก้าวออกไป “พวกเร ราเพียงผ่านทางมาเท่านี้ เหตุใดพวกท่านต้องทำให้ลำบากใจ”
“ฮ่าๆๆๆๆ! พวกข้าจะทำให้พวกเจ้าลำบากใจ แล้วจะทำไม ยอมมอบของมีค่าออกมาเสียดีๆ ไม่อย่างนั้น ข้าจะทำให้พวกเจ้าไม ม่เหลือแม้แต่ชีวิต!” หัวหน้าผู้ฝึกตนกลุ่มนั้นหัวเราะเสียงดัง อาศัยที่มีคนจำนวนมากกว่าเอ่ยอย่างเหิมเกริม
สวีเหยียนโบกมือส่งสัญญาณไปข้างหลัง พริบตาต่อมา เขาพุ่งออกไปก่อน แรงกดดันของผู้ฝึกตนระดับกำเนิดวิญญาณพวยพุ่งอ ออกไปอย่างดุดัน ดาบหนึ่งตวัดออกไป รุนแรงราวกับพยัคฆ์ร้ายตะครุบเหยื่อ
เห็นเพียงประกายเย็นเยียบสายหนึ่งสาดสะท้อนภายใต้แสงอาทิตย์แรกของวัน เสียงกรีดร้องดังขึ้น พร้อมกับเลือดที่สา าดกระเซ็นลงบนพื้น
การโจมตีกะทันหันทำให้ผู้ฝึกตนพวกนั้นแตกตื่น โดยเฉพาะอีกฝ่ายสังหารผู้ฝึกตนคนหนึ่งของพวกเขาได้ทันทีในดาบเ เดียว ยิ่งสร้างความแตกตื่นให้พวกเขา ผู้ฝึกตนที่เป็นหัวหน้าตะคอกเสียงดัง “อย่าแตกตื่น! ฆ่าพวกมันแล้วแย่งของม มีค่าของพวกมันมา! ลุย!”
สิ้นเสียง ผู้ฝึกตนยี่สิบกว่าคนกรูกันเข้าไป ในมือแต่ละคนถือดาบแหลม ไอสังหารพวยพุ่งออกจากตัวพวกเขา แผ่ปกค คลุมไปในอากาศทั่วบริเวณนี้
“คุ้มกันเด็กทั้งสอง!”
สวีเหยียนออกคำสั่ง จากนั้นก็มีทหารรับจ้างสี่คนคอยคุ้มกันเฟิ่งเยี่ยกับจ้าวหยางไม่ห่าง คอยปกป้องพวกเขาไว้กลา งวงสี่คนอย่างแน่นหนา ไม่ยอมให้ผู้ฝึกตนพวกนั้นทำให้พวกเขาบาดเจ็บแม้แต่น้อย
แต่ก่อนเวลาพวกเขาทำภารกิจ นายจ้างบางคนไม่เห็นพวกเขาเป็นคนด้วยซ้ำ พูดจากกระโชกโฮกฮากไม่น่าฟัง ยามเจออันตายก ก็ผลักพวกเขาออกไปก่อน ไม่สนใจชีวิตของพวกเขาแม้แต่น้อย
แต่เด็กสองคนนี้แม้อายุยังน้อย แต่จิตใจกลับบริสุทธิ์ แม้ไม่ได้รับเงินค่าจ้างของพวกเขา พวกเขาก็จะปกป้องเด็กส สองคนนี้ให้ปลอดภัย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาสองคนยังจ่ายค่าจ้างให้พวกเขามากขนาดนี้
ฉะนั้น แม้ต้องแลกด้วยชีวิต พวกเขาก็จะปกป้องเด็กสองคนนี้อย่างสุดกำลัง!
เฟิ่งเยี่ยกระพริบตาปริบๆ จ้องประกายดาบเงากระบี่พาดผ่านไปมารอบตัว มองดูพลังกระบี่ที่ตวัดผ่านอากาศ ในสายตาไร้ ความกลัว มีเพียงความใจเย็นที่ไม่เหมือนเด็กในวัยเดียวกัน
ส่วนจ้าวหยาวที่อยู่ข้างๆ กลับใช้มือจับกระบี่บนหลัง คอยระวังการเคลื่อนไหวรอบๆ อยู่ตลอดเวลา…