เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2429 ผู้ฝึกวิชามาร / ตอนที่ 2430 เจ้าไม่กลัวข้าหรือ
ตอนที่ 2429 ผู้ฝึกวิชามาร
ความเป็นความตายของคนอื่นเขาไม่สน เขารู้แค่ว่าการปกป้องเฟิ่งเยี่ยคือเรื่องที่เขาต้องทำ ทว่ากลุ่มทหารรับจ้าง งสายฟ้าภาคีแม้จะเป็นทหารรับจ้างระดับสอง แต่พลังต่อสู้กลับเหนือความคาดหมายของพวกเขา
เห็นผู้ฝึกตนพวกนั้นล้มตายไปทีละคน เห็นว่าแม้กลุ่มทหารรับจ้างสายฟ้าภาคีจะมีคนน้อย แต่กลับเป็นฝ่ายได้เปรียบ นัยน์ตาเย็นชาของเขาไหวระริก ดูท่าทหารรับจ้างกลุ่มนี้ที่นายท่านน้อยเลือกคงจะมีพลังต่อสู้อยู่ในระดับหนึ่ง งแล้ว เผชิญหน้ากับคนพวกนี้ น่าจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรอีกแล้ว
ตามคาด เมื่อเวลาผ่านไป ผู้ฝึกตนกลุ่มนั้นยิ่งสู้คนยิ่งน้อย ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเริ่มลนลาน กระทั่งสุดท้าย ผู้ ฝึกตนที่เป็นหัวหน้าวิ่งหนี พลางสบถด่า ยายเอ็งเถอะ! แค่คนสิบกว่าคนสู้กับพวกข้ายี่สิบกว่าคนยังเป็นฝ่าย ได้เปรียบอยู่ตลอด? ข้าไม่สู้แล้วโว้ย! หนีเร็วเข้า!”
ภายใต้คำสั่งของผู้ฝึกตนนั่น ผู้ฝึกตนอีกสิบกว่าคนที่เหลือรีบแยกย้ายกันหนี ไม่กล้าอยู่ต่ออีก
ส่วนคนของกลุ่มทหารรับจ้างสายฟ้าภาคีเองก็ฝึกฝนมาอย่างดี พอเห็นพวกนั้นหนี ก็ไม่ได้ไล่ตามไป เพียงรีบจัดระเ เบียบกลุ่ม นับจำนวนคนและตรวจสอบคนบาดเจ็บ
“หัวหน้า พวกเราไม่มีคนตาย แต่ได้รับบาดเจ็บแปดคน หนึ่งในนั้นบาดเจ็บค่อนข้างหนัก” ทหารรับจ้างคนหนึ่งรายงาน
“เก็บกวาดสถานที่ ย้ายที่พัก!”
สวีเหยียนออกคำสั่งเสียงขรึม ให้ทหารรับจ้างแยกตัวออกไปกลุ่มเล็กๆ เพื่อเก็บกวาดสถานที่ ตรวจสอบและเก็บสิ่งของมี ค่าบนตัวผู้ฝึกตนพวกนั้นมาให้หมด จากนั้นก็พาคนย้ายไปพักที่อื่นที่ปลอดภัยเพื่อพักและทำแผล
“พลังต่อสู้ของพวกเจ้าแข็งแกร่งมาก” เฟิ่งเยี่ยนั่งอยู่ด้านหนึ่ง เอ่ยขึ้นขณะมองพวกเขาทำแผล
พวกทหารรับจ้างยิ้มเอ่ย “เจ้าดูออกด้วยหรือว่าพวกเราแข็งแกร่งมาก”
“ดูออกสิ! แต่ทำไมพวกเจ้าอยู่แค่ระดับสองเล่า” เฟิ่งเยี่ยพยักหน้า เขาไม่ได้โง่เสียหน่อย ทำไมจะดูไม่ออก
“เพราะข้างบนมีคนข่มพวกเราไว้ ไม่ให้พวกเราอยู่ระดับหนึ่ง ฉะนั้นพวกข้าจึงทำได้แค่อยู่ระดับสอง” ทหารรับจ้างค คนหนึ่งยิ้มอธิบาย “ทหารรับจ้างระดับสองได้รับภารกิจค่อนข้างน้อย อีกทั้งค่าจ้างก็ไม่มาก ที่พวกเรารับภารกิจขอ องเจ้าครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นภารกิจที่ดีที่สุดในปีนี้เลยละ”
เฟิ่งเยี่ยกะพริบตา ท่าทางเหมือนเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ “ไม่น่าเล่าพวกเจ้าถึงได้กินแต่แป้งทอดเปล่าๆ”
เหล่าทหารรับจ้างหัวเราะขึ้นมา แม้ได้รับบาดเจ็บ แต่กลับไม่เห็นบาดแผลเหล่านี้เป็นเรื่องใหญ่ ถึงอย่างไรพวกเขาก็ทำ อาชีพนี้เพื่ออยู่รอด บาดเจ็บถือเป็นเรื่องปกติของทหารอย่างพวกเขา
ตรงกันข้าม เพราะค่อยๆ สนิทสนมกับเด็กสองคนนี้ พวกเขาจึงเริ่มเป็นกันเองมากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ทว่า บรรยากาศผ่อนคลายรื่นเริงของทุกคนได้มลายหายไปเมื่อเห็นสวีเหยียนลุกขึ้นด้วยท่าทางตึงเครียด เห็นท่าทาง ระแวดระวังของหัวหน้า เหล่าทหารรับจ้างรีบตั้งท่าระวังตัวทันที
ขณะเดียวกัน จ้าวหยางก็รีบไปเฝ้าระวังอยู่ข้างกายเฟิ่งเยี่ยทันที ส่วนเฟิ่งเยี่ยก็ลุกขึ้นตามด้วย เขาหันไปมองร รอบๆ
“หึๆๆ นึกไม่ถึงว่าแค่ทหารรับจ้างกลุ่มหนึ่ง จะระแวดระวังได้ดีขนาดนี้”
เสียงหัวเราะในลำคอที่จู่ๆ ก็ดังมา ทำให้เหล่าทหารรับจ้างรู้สึกหนักอึ้งจมดิ่ง เพราะแรงกดดันที่แฝงอยู่ในเสียงหั วเราะนั้น เหนือกว่าพวกเขา ซึ่งก็แสดงว่า พลังของผู้มาอยู่เหนือกว่าพวกเขา
สำหรับพวกเขาแล้ว นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลยจริงๆ โดยเฉพาะเวลานี้พวกเขาเพิ่งผ่านการต่อสู้มาแล้วรอบหนึ่ง พลังงานที่ สูญเสียไปยังไม่ฟื้นคืนมา
“ผู้ฝึกวิชามาร!”
สวีเหยียนจ้องไปข้างหน้า มองผู้ฝึกวิชามารกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินมาทางนี้ เขาจ้องมองผู้ฝึกวิชามารที่เป็นแกน นนำด้วยสายตาหนักอึ้งระแวดระวัง ในใจลอบครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว
ผู้ฝึกวิชามาร?
เฟิ่งเยี่ยชะงัก อดหันไปมองตามสายตาของสวีเหยียนไม่ได้
………………………………….
ตอนที่ 2430 เจ้าไม่กลัวข้าหรือ
นั่นเป็นกลุ่มคนที่มียี่สิบสามสิบกว่าคน สวมเสื้อผ้าสีดำทั้งตัว ตรงเอวเหน็บกระบี่ยาวไว้ ทั่วตัวเต็มไปด้วยกล ลิ่นอายกระหายเลือด แต่ละคนจ้องมองมาที่พวกเขาด้วยสีหน้าโฉดชั่ว
พลังของคนพวกนั้นต่ำสุดก็อยู่ในระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ฝึกวิชามารที่เป็นหัวหน้าเ เลย กลิ่นอายพลังรอบตัวของผู้ฝึกวิชามารที่เป็นหัวหน้าแข็งแกร่งมาก เพียงยืนอยู่ตรงนั้น ทำให้พวกเขาสัมผัสได้ถ ถึงอันตรายที่ไม่เคยเจอมาก่อน
ดูท่า ครั้งนี้พวกเขาเจอปัญหาใหญ่เข้าแล้วจริงๆ
พลังของผู้ฝึกวิชามารพวกนี้เมื่อเทียบกับผู้ฝึกตนกลุ่มก่อนหน้านี้เรียกได้ว่าแข็งแกร่งกว่ามาก แม้คนของกลุ่ม มทหารรับจ้างสายฟ้าภาคีจะสู้จนตัวตาย เดาว่าก็คงมีแต่โดนฆ่าเท่านั้น
ผู้ฝึกวิชามารตรงหน้าดุดันแข็งแกร่ง แรงกดดันน่าพรั่นพรึง ส่วนกลุ่มทหารรับจ้างสายฟ้าภาคีทางนี้แต่ละคนถือกระบี ยาว ร่างกายตึงเกร็งพร้อมจะพุ่งโจมตีได้ทุกเมื่อเหมือนสัตว์ร้าย ไอสังหารแผ่กระจายออกจากทั้งสองฝ่าย แผ่ปกคลุม มท้องฟ้าแถบนี้
บรรยากาศตึงเครียดเหมือนจะปะทุได้ทุกเมื่อ ราวกับขอเพียงผู้ฝึกวิชามารที่เป็นหัวหน้าออกคำสั่ง ก็จะเกิดฉากนองเล ลือด ศพนอนเกลื่อนพื้นทันที แต่ทว่า ในขณะที่บรรยากาศเข้าสู่ช่วงตึงเครียดที่สุดอย่างนี้ เสียงแหลมใสไร้เดียงสาพลัน นดังขึ้น ทำให้ทุกคนตะลึงงันไปพร้อมๆ กัน
“อะไรคือผู้ฝึกวิชามาร”
เฟิ่งเยี่ยกระพริบดวงตาสุกใสไร้เดียงสาถี่ๆ มองสวีเหยียนอย่างฉงนฉงาย จากนั้นก็หันไปมองผู้ฝึกวิชามารที่เป็นหั วหน้า ราวกับไม่เห็นพวกเขาเม้มปากขมวดคิ้วด้วยความตื่นตัวเพราะคำถามของตนเอง
ปากน้อยๆ ของเขายู่เข้าหากัน ดวงหน้าประณีตงดงามฉายแววไม่พอใจ “ทั้งที่พวกเขาก็เหมือนกับพวกเรา ล้วนเป็นคน เป ป็นมารเสียที่ไหนกัน” ขณะเอ่ย เขาสาวเท้าสั้นๆ เดินไปที่ผู้ฝึกวิชามารพวกนั้น
สวีเหยียนเห็นอย่างนั้นก็เอื้อมมือจะดึงเขา แต่กลับถูกเขาสะบัดออก “คุณชายน้อย อย่าไป!”
เขาตะโกนเสียงขรึม แต่เฟิ่งเยี่ยกลับหันหลังมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่เขา “ไม่สนใจเจ้าหรอก ท่านลุงคนนี้ท่าทางน่าเกรงขา ามมาก อีกอย่างยังหน้าตาดีกว่าเจ้าด้วย”
สวีเหยียนขยับปาก ได้แต่มองดูเด็กน้อยที่ไม่รู้ประสาเดาไปหาผู้ฝึกวิชามารคนนั้นทีละก้าวๆ ขณะกำลังจะลงมือ ก กลับเห็นจ้าวหยางเดินมาหยุดข้างกายเขา “นายท่านน้อยของข้าพูดอย่างไรก็ทำตามนั้น เจ้าไม่ต้องยุ่ง”
จ้าวหยางเอ่ยด้วยสีหน้าขึงขัง สายตาสบเข้ากับสวีเหยียน ประกายมืดมนพาดผ่านในดวงตา
สวีเหยียนได้แต่สูดหายใจ ร่างกายตึงเครียดไม่พูดอะไรอีก เพียงมองเฟิ่งเยี่ยที่เดินไปหาผู้ฝึกวิชามาร หัวใจบีบ บรัดตึงเกร็งไปทั้งดวง
เด็กคนนี้คิดจะทำอะไรกันแน่ หรือเขาไม่รู้ว่านั่นคือผู้ฝึกวิชามารที่ฆ่าคนได้แบบกระพริบตาเชียวนะ เขาไม่ก กลัวว่าเดินไปหาแล้วจะถูกผู้ฝึกวิชามารคนนั้นสังหารในดาบเดียวเลยหรือ
ยังมีองครักษ์น้อยที่ชื่อจ้าวหยางนี่อีก ตลอดเส้นทางคอยปกป้องนายท่านน้อยของเขาอย่างมากไม่ใช่หรือ ทำไมตอนนี เห็นเขาเดินเข้าถ้ำหมาป่าก็ยังไม่ห้าม
แต่ทว่า พวกเขาไม่รู้เลย จ้าวหยางตื่นตระหนกเสียยิ่งกว่าใครในที่นี้ เขากังวลเสียยิ่งกว่าทุกคนอีก
แต่เขาเชื่อว่าเฟิ่งเยี่ยทำอย่างนี้จะต้องมีเหตุผลแน่ อีกอย่าง พลังของผู้ฝึกวิชามารพวกนี้แข็งแกร่งมาก หากพ พวกเขาสู้ซึ่งๆ หน้าจะต้องสู้ไม่ได้แน่ ไม่สู้คอยดูว่านายท่านน้อยมีวิธีการอะไรดีกว่า
บางทีอาจเพราะไม่เคยมีใครกล้าพูดอย่างนี้ต่อหน้าเขา ผู้ฝึกวิชามารที่เป็นหัวหน้าเผยสีหน้าเหมือนนึกสนุก จ้อง เด็กน้อยอายุหกเจ็ดขวบที่ไร้ซึ่งความกลัวอย่างสนอกสนใจ
มองดูเขาเดินเข้ามาหาทีละก้าวๆ สีหน้าผ่อนคลายเป็นธรรมชาติ เขาเองก็ไม่ได้ห้ามเด็กน้อยไม่ให้เข้ามาใกล้ เพียงจ้ องมองอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งเด็กน้อยเดินมาหยุดยืนอยู่ต่อหน้าเขา แหงนหน้ามองเขาอย่างฉงนฉงาย
“เจ้าไม่กลัวข้าหรือ”