เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2433 ตื่นตะลึง / ตอนที่ 2434 พวกเจ้าเป็นอะไรไป
ตอนที่ 2433 ตื่นตะลึง
เวลานี้ จ้าวหยางหลุดจากเชือกลุกขึ้นมา รีบใช้ดาบสั้นตัดเชือกที่มัดทหารรับจ้างพวกนั้นออกอย่างรวดเร็ว พลางยัดของใส่ปากของพวกเขา
เฟิ่งเยี่ยยิ้มตาหยีมองผู้ฝึกวิชามารนั่น รับคำด้วยท่าทางน่าเอ็นดู “ใช่! ข้าวางยา”
ผู้ฝึกวิชามารที่เป็นหัวหน้าหน้าเครียดทันที เขาพยายามขับยาออกจากร่างกาย พลางถาม “เจ้าวางยาอย่างไร ทำไมข้าไม่รู้ตัวสักนิด” พอพยายามขับยาออกจากร่างกายจึงเพิ่งค้นพบ กลิ่นอายพลังวิญญาณในร่างกายของเขาสลายหายไปเมื่อเขาพยายามจะขับเคลื่อนมัน รู้สึกปวดกล้ามเนื้อไปทั้งตัว แม้แต่แรงจะยกมือขึ้นยังไม่มี
“วางยาให้เจ้ารู้ไม่ได้อยู่แล้ว! ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่าวางยาได้อย่างไร” เฟิ่งเยี่ยมองเขาเหมือนมองคนโง่คนหนึ่ง ซ้ำยังพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ฟังจนผู้ฝึกวิชามารนั่นโกรธจนแทบกระอักเลือด
“หยางหยาง ที่เหลือมอบหมายให้เจ้า” เฟิ่งเยี่ยยิ้มตาหยีมองหยางหยางที่อยู่ข้างหลัง
“ได้” จ้าวหยางรับคำ สิ้นเสียง เงาร่างเล็กๆ พุ่งโฉบออกไปอย่างรวดเร็ว ประกายเย็นเยือกพาดผ่าน ตามมาด้วยศพที่ล้มตายไปทีละศพ
ผู้ฝึกวิชามารพวกนั้นที่มีวรยุทธ์อยู่ในระดับหลอมแก่นพลัง กลับถูกสังหารอย่างง่ายดายเช่นนี้ แม้แต่โอกาสตอบโต้ก็ยังไม่มี ภาพนี้ ทำให้กลุ่มทหารสายฟ้าภาคีอดตะลึงพรึงเพริดไม่ได้ ได้แต่รู้สึกเหลือเชื่อ
ยาแบบไหนกันที่ทำให้พวกคนที่มีพลังเช่นนี้ถูกเชือดโดยไม่มีกำลังตอบโต้แม้แต่น้อย? เด็กสองคนนี้ ตลอดการเดินทางทำตัวเหมือนเด็กทั่วไป แต่ชั่วขณะนี้ พวกเขาถึงได้ตื่นรู้ ที่แท้เด็กสองคนนี้ก็เป็นดาบที่คมในฝักนี่เอง!
เชือกที่ผู้ฝึกวิชามารมัดพวกเขา เงื่อนที่มัดพวกเขาไว้แม้แต่พวกเขาก็ยังแก้ไม่ออก แต่จ้าวหยางกลับแก้ออกได้อย่างง่ายดาย หนำซ้ำยังเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ สองคนอย่างนี้ กลับทำให้ผู้ฝึกวิชามารยี่สิบสามสิบกว่าคนสะดุดตอล้มครั้งใหญ่อย่างนี้ หากพวกเขาไม่ได้เห็นกับตา อย่างไรก็ไม่มีทางเชื่อว่าเรื่องอย่างนี้จะเกิดขึ้นแน่นอน
โดยเฉพาะ ยามเห็นจ้าวหยางถือดาบคมปลิดชีวิตของผู้ฝึกวิชามารพวกนั้น สีหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึก สายตาไร้คลื่นอารมณ์ ทำให้ทหารรับจ้างที่เห็นการเข่นฆ่าจนเป็นเรื่องปกติอย่างพวกเขาอดสั่นสะท้านไปทั้งตัวไม่ได้…
พลังของผู้ฝึกวิชามารคนอื่นไม่ได้สูงเท่าคนที่เป็นหัวหน้านั่น ด้วยเหตุนี้หลังจากถูกวางยาก็ถูกจ้าวหยางฆ่าอย่างง่ายดาย กระทั่งเหลือแค่ผู้ฝึกวิชามารที่เป็นหัวหน้าซึ่งนั่งอยู่ข้างกองไฟ เฟิ่งเยี่ยกับจ้าวหยางถึงได้เริ่มมีสีหน้าระแวดระวัง
เพราะพวกเขารู้ แม้จะถูกวางยา แต่ด้วยพลังของคนคนนี้ เขาต้องเหลือพลังต่อสู้อยู่อีกแน่นอน
“หยางหยาง พวกเราร่วมมือกัน” เฟิ่งเยี่ยเอ่ย เงาร่างเล็กๆ พุ่งออกไปด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า
สิ้นเสียงของเฟิ่งเยี่ย กลิ่นอายพลังบนตัวจ้าวหยางกระจายออกมา ครั้นแรงกดดันของผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังถูกปลดปล่อยออกจากตัวเขา เหล่าทหารสายฟ้าภาคีต่างก็สูดหายใจ
“สวรรค์! นึกไม่ถึงว่าเขาจะมีวรยุทธ์ระดับหลอมแก่นพลัง!”
เขาเป็นเด็กคนหนึ่ง เด็กที่อายุเพียงสิบกว่าปี ไม่นึกเลยว่าจะมีพลังอยู่ในระดับหลอมแก่นพลังแล้ว? นี่จะเป็นไปได้อย่างไร
แต่ทว่า พวกเขาไม่รู้เลย ตอนนั้นที่เฟิ่งจิ่วพาจ้าวหยางกลับไปก็ค้นพบลักษณะพิเศษในร่างกายของเขาแล้ว ด้านการฝึกวรยุทธ์เขามีพัฒนาการที่เร็วกว่าคนทั่วไปมาก กอปรกับในห้วงมิติของเขามียาที่เฟิ่งจิ่วเคยให้ไว้ด้วย
ตั้งแต่ที่ถูกช่วย เขาก็ฝึกฝนวรยุทธ์อย่างเอาเป็นเอาตาย พยายามพัฒนาพลัง เพื่อจะได้ปกป้องนายท่านน้อยเฟิ่งเยี่ยให้ดีขึ้น ในยามปกติ เขาจะปกปิดวรยุทธ์เอาไว้ คนอื่นจึงไม่รู้
………………………………….
ตอนที่ 2434 พวกเจ้าเป็นอะไรไป
วรยุทธ์ของจ้าวหยางอยู่เหนือเฟิ่งเยี่ย วรยุทธ์ของเสี่ยวเฟิ่งเยี่ยในตอนนี้อยู่ในระดับสร้างรากฐานเท่านั้น แม้เทียบกับเด็กวัยเดียวกันถือว่าหาตัวจับได้ยากแล้ว แต่อย่างไรก็ยังเทียบจ้าวหยางไม่ได้
แต่ทั้งสองมีท่าร่างและกระบวนท่าในการโจมตีที่ไม่เหมือนกัน กระบวนท่าของเฟิ่งเยี่ยส่วนมากเป็นอาจารย์ของเขาสอนในภายหลัง แต่การโจมตีของจ้าวหยางนั้นดุดันกว่าหน่อย ทันทีที่ลงมือก็มุ่งตรงไปที่จุดตายของอีกฝ่าย
ครั้นทั้งสองลงมือพร้อมกันก็ทำให้ผู้คนตกตะลึง แม้แต่ผู้ฝึกวิชามารที่เป็นหัวหน้าเวลานี้ก็ยังตะลึงพรึงเพริดไปด้วย รู้ดีว่าตนเองได้ทำพลาดครั้งใหญ่เข้าแล้ว นั่นก็คือเขาหยิ่งยโสและดูแคลนศัตรูเกินไป
หากไม่ใช่ว่าเขารู้สึกว่าในกลุ่มคนพวกนั้นไม่มีใครสู้พลังของตนเองได้ กอปรกับตนเองดูเบาเจ้าเด็กผีนั่น จะหลงกลเจ้าเด็กผีนั่นได้อย่างไรกัน
ตอนนี้ พอเห็นเด็กผีสองคนนั้นร่วมมือกันโจมตีเขา เต็มไปด้วยไอสังหารทุกกระบวนท่า เขาแค่นเสียงขึ้นจมูก “เหอะ! ถึงแม้ข้าจะถูกวางยาแล้ว แต่ก็ไม่ใช่คนที่เด็กอย่างพวกเจ้าสองคนจะฆ่าได้!”
น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยจบ เห็นเพียงเขาใช้สองมือซัดลงพื้น จากนั้นตัวคนก็ลอยขึ้นกลางอากาศ ขณะยกมือขึ้นพลังกระบี่ถูกซัดออกไปทางสองคนนั้นด้วยความเร็วสูงสุด
ทั้งสองตีลังกากลางอากาศ หลบการโจมตีนั้น ขณะเดียวกันก็พุ่งไปข้างหน้า เงาร่างเล็กๆ สองเงาโรมรันพันตีอยู่กับผู้ฝึกวิชามารนั่น ซัดกันไปซัดกันมาอย่างดุเดือด
กลิ่นอายพลังวิญญาณของผู้ฝึกวิชามารสูญหายไปจนสิ้น ปวดเมื่อยไร้เรี่ยวแรงไปทั้งตัว ตอนนี้ที่ยังสู้กับพวกเขาสองคนได้ก็เพราะฝืนเค้นพลังเฮือกสุดท้ายออกมา เดิมนึกว่าจะสามารถฆ่าเด็กสองคนได้ง่ายๆ ใครจะรู้เด็กผีสองคนนี้โฉบผ่านเขาไปมาเหมือนปลาไหลสองตัว ทำให้เขาอยากจะจับก็จับไม่ได้
ขณะที่เขากำลังหลบการโจมตีจากจ้าวหยาง พลันนั้น กำปั้นเล็กๆ ก็พุ่งมาจากข้างหลังอีกครั้ง ซ้ำยังชกใส่แผลที่ถูกแทงบาดเจ็บของเขาอีกด้วย
กำปั้นของเด็กน้อยไม่ได้มีเรี่ยวแรงมากมายอะไร แต่กำปั้นของผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานขั้นกลางกลับไม่เหมือนกัน เมื่อหมัดนั้นซัดเข้ามา ถึงขั้นทำให้เขากระอักเลือดออกมา
และในเวลานี้เอง เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายของเขาก็เหมือนจะหมดไปแล้ว ความเร็วลดลง พลังกระบี่สายหนึ่งพุ่งเข้ามาจากทางข้างหน้า เขาพยายามต้านรับ แต่เมื่อยกมือขึ้นกลับพบว่ากระบี่คมในมือถูกปัดร่วงลงไปแต่แรกแล้ว
“ชิ้ง!”
เห็นเพียงกระบี่ฟาดฟันลงมาอย่างรุนแรง ตวัดผ่านหน้าผากของเขา ทำให้เขาเบิกตากว้างด้วยความเคียดแค้นและเจ็บใจ ร่างกายแข็งทื่อไปในพริบตา ราวกับเวลาหยุดลงในเสี้ยวนาทีนี้ เสียงรอบข้างล้วนเงียบสงัด สัมผัสได้เพียงเลือดที่ไหลอาบใบหน้าของเขา…
“โครม!”
เห็นผู้ฝึกวิชามารนั่นล้มลง เฟิ่งเยี่ยหอบหายใจ ขณะกำลังจะเดินเข้าไปดู กลับถูกจ้าวหยางรั้ง “ข้าไปเอง” จ้าวหยางปกป้องเขาไว้ข้างหลัง ส่วนตนเองเดินเข้าไปใช้เท้าสะกิดศพ หลังจากที่ตรวจสอบแน่ชัดว่าเขาตายแล้ว จึงค่อยหันกลับไปรายงานเฟิ่งเยี่ย “ตายแล้ว”
“หยางหยาง วิชากระบี่ของเจ้าร้ายกาจมาก” เฟิ่งเยี่ยยิ้มตาหยีอย่างชื่นชม
“ท่านเรียนรู้ดีๆ ต่อไปก็จะเหมือนกับข้า” จ้าวหยางยังคงปั้นหน้าเคร่งขรึม เขาค้นเอาของมีค่าบนตัวผู้ฝึกวิชามารออกมาจนหมด จากนั้นก็ยื่นให้เฟิ่งเยี่ย
เฟิ่งเยี่ยเห็นว่ามีของมากมายขนาดนั้นก็อดตาเป็นประกายขึ้นมาไม่ได้ ก่อนจะยิ้มตาหยีเก็บของพวกนั้นใส่ห้วงมิติ
ผ่านไปครู่หนึ่งเขาไม่ได้ยินเสียงอื่น เวลานี้ทั้งสองจึงหันไปมองเหล่าทหารสายฟ้าภาคีที่นั่งอึ้งอยู่บนพื้น ถามว่า “พวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ร่างกายดีขึ้นบ้างหรือยัง”
เหล่าทหารสายฟ้าภาคีอ้าปาก หลังจากสงบสติอารมณ์ได้ จึงตอบว่า “ยังรู้สึกอ่อนแรงเล็กน้อย”
ไม่ใช่แค่ผู้ฝึกวิชามารที่ถูกวางยา แม้แต่พวกเขาเองก็ถูกวางยาด้วย ไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงได้มีความกล้าขนาดนั้น ไม่กลัวเกิดเหตุไม่คาดฝันบ้างเลยหรืออย่างไร
………………………………….