เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2447 ค่ายกลขังมาร / ตอนที่ 2448 ไม่รู้จักคนข้างๆ
ตอนที่ 2447 ค่ายกลขังมาร
เฟิ่งจิ่วที่นั่งพิงต้นไม้ได้ยินศิษย์สำนักดาราจักรกลุ่มหนึ่งกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันเรื่องของเธอ เพียงยักคิ้ว มองดูอย่างเฉื่อยชา เธอไม่รู้เลยว่าคนข้างนอกเล่าลือถึงเธอว่าเก่งกาจถึงขนาดนั้นแล้ว? มีแค่เธอคนเดียวที่สู้กับเจ้าแห่งมารได้? เกินจริงไปหน่อยกระมัง?
แม้ตอนนี้พลังของเธออยู่ในระดับจักรพรรดิเซียนแล้ว แต่เธอหากต้องสู้กับเจ้าแห่งมารนั่นเธอกลับไม่ได้มีความมั่นใจขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องมาที่นี่เพื่อวางค่ายกลและเขตอาคมแถวนี้ให้คนของสำนักดาราจักรหรอก
แต่คนพวกนี้พูดถูกอย่างหนึ่ง ตั้งข่าวกระจายออกมาจนถึงตอนนี้ คนของเผ่ามารกลับไม่เคยปรากฏตัวแถวสำนักดาราจักรเลยแม้แต่น้อย กลับทำให้เหนือความคาดหมาย
เธอควานหาในห้วงมิติ หยิบผลไม้ออกมากินหนึ่งลูก เมื่อเสียงกัดผลไม้ดังขึ้น เธอชะงักงันเล็กน้อย และศิษย์สำนักดาราจักรกลุ่มนั้นที่อยู่ไม่ไกลก็ชะงักเช่นกัน จากนั้นก็รีบหันกลับมาตวาดเสียงดัง
“ใครน่ะ!”
เฟิ่งจิ่วกินผลไม้ มองคนสิบกว่าคนพากันมาใต้ต้นไม้ที่เธออยู่อย่างรวดเร็วภายใต้การนำของชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ล้อมเธอไว้ทุกทิศ แต่ละคนจ้องเธอด้วยความระแวดระวัง
ชายวัยกลางคนที่เป็นแกนนำสวมชุดสีเทา เขามองเด็กหนุ่มชุดเขียวที่กินผลไม้อยู่บนต้นไม้ ลอบพิจารณาอย่างเงียบๆ ก่อนจะประสานหมัดเอ่ยว่า “ตอนนี้เขตแดนของสำนักดาราจักรเราเป็นเขตห้ามเข้า ไม่ทราบว่าคุณชายเข้ามาได้อย่างไร”
เขตแดนของสำนักดาราจักรเปิดกลไกเขตอาคมคุ้มกันแล้ว หนำซ้ำแต่ละจุดล้วนมีศิษย์ในสำนักคอยเฝ้าอยู่ เด็กหนุ่มคนนี้มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน
แม้เขาจะไม่ใช่ผู้ฝึกวิชามาร แต่โดยทั่วไปก็ไม่น่าจะมาถึงที่นี่ได้อย่างไร้ซุ่มเสียง โดยเฉพาะยิ่งแถบนี้จู่ๆ ก็มีค่ายกลและเขตอาคมปรากฏขึ้นมาเยอะขนาดนี้ด้วยแล้ว
“ก็เดินเข้ามาอย่างไรเล่า!” เฟิ่งจิ่วเอนตัวกินผลไม้อยู่บนต้นไม้ มือหนึ่งใช้เป็นหมอนรอง ดวงหน้าหล่อเหลาแฝงรอยยิ้มมองคนข้างล่าง “พวกเจ้าควรทำอะไรก็ไปทำเถอะ ไม่ต้องสนใจข้า”
ได้ยินเช่นนั้น กลุ่มคนข้างล่างมุมปากกระตุก พวกเขาควรไปทำอะไรก็ไปทำอย่างนั้นหรือ พวกเขาก็คือศิษย์ที่รับหน้าที่ลาดตระเวน อีกอย่างคนคนนี้เป็นใครมาจากไหนไม่รู้ พวกเขาจะไม่สนใจได้อย่างไรกัน
“คุณชายท่านนี้…” ชายวัยกลางคนหมายจะเอ่ยปาก ก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวดังมาจากที่ไม่ไกล คล้ายมีคนบุกค่ายกลเข้ามา
เขาหันไปมองทางนั้น บริเวณนั้นพวกเขายังไม่ได้ไป หรือว่าทางนั้นก็มีค่ายกลด้วย
“อาจารย์อา ข้ากับศิษย์น้องสามจะไปดูเอง” ศิษย์คนหนึ่งเสนอตัว ทำท่าจะพาชายอีกคนไปทางนั้น
“ระวังตัวด้วย” ชายวัยกลางคนเอ่ย พอนึกถึงเด็กหนุ่มบนต้นไม้ขึ้นมาได้ หมายจะพูดอะไรบางอย่าง กลับเห็นเขากระโดดลงมาจากบนต้นไม้
เฟิ่งจิ่วกระโดดลงมา ยืนอยู่ใต้ต้นไม้อย่างมั่นคง เรียกศิษย์สองคนนั้นไว้ “ไม่ต้องไปแล้ว ข้างหน้านั้นมีค่ายกล คนที่ติดอยู่ในค่ายกลก็ต้องเป็นผู้ฝึกวิชามารแน่นอน”
พอได้ฟังพวกเขาก็ตะลึง หันกลับมามองเขาแวบหนึ่ง ชายวัยกลางคนถามด้วยความแปลกใจ “คุณชายรู้ได้อย่างไร ว่าคนที่ติดอยู่ในค่ายกลเป็นผู้ฝึกวิชามาร”
“ข้าเพิ่งมาจากทางนั้น ค่ายกลที่ถูกวางไว้ทางนั้นเป็นค่ายกลขังมาร มีเพียงคนที่มีไอมารเข้าไปแล้วเท่านั้นถึงจะทำให้ค่ายกลทำงาน ตอนนี้ค่ายกลทำงานแล้ว เห็นได้ชัดว่าคนที่ติดอยู่ในค่ายกลจะต้องเป็นผู้ฝึกวิชามารอย่างแน่นอน” เธออธิบายอย่างใจเย็น ลอบคิดในใจ รู้อย่างนี้แต่แรก ค่ายกลแถบนี้เธอวางเป็นค่ายกลขังมารทั้งหมดก็ดีแล้ว
………………………………….
ตอนที่ 2448 ไม่รู้จักคนข้างๆ
เพียงเสียดาย เธอมีวัสดุที่ใช้สร้างค่ายกลขังมารไม่พอ จึงทำได้เพียงเว้นระยะห่างในการวางค่ายกลเท่านั้น
คนของสำนักดาราจักรฟังเฟิ่งจิ่วอธิบายก็ตะลึง “เป็นผู้ฝึกวิชามาร? แต่ว่าค่ายกลของเราแถบนี้ต่างก็ทำงานแล้ว อีกทั้งทางขึ้นเขาทุกทางล้วนมีศิษย์ในสำนักคอยเฝ้าอยู่ จะเป็นไปได้อย่างไรที่…”
พูดมาถึงตรงนี้ คนพูดเงียบไป จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก หากเป็นผู้ฝึกวิชามารจริง อย่างนั้นการที่พวกมันเข้ามาที่นี่ได้ แสดงว่าศิษย์ที่เฝ้าทางขึ้นเขาคนหนึ่งต้องถูกฆ่าไปแล้วแน่นอน
“หากเป็นผู้ฝึกวิชามารพลังระดับเซียนเหินขึ้นไป เดาว่าค่ายกลขังมารก็ขังพวกมันไว้ได้ไม่นานหรอก” เฟิ่งจิ่วเอ่ยเสียงเนิบช้า มองพวกเขาแวบหนึ่ง “พวกเจ้ายังไม่ไปหรือ ตั้งใจจะรอผู้ฝึกวิชามารมาฆ่า? พลังของพวกเจ้าต่อกรกับผู้ฝึกวิชามารพวกนั้นไม่ได้แน่”
เพียงแวบเดียวเธอก็สำรวจพลังของคนพวกนี้คร่าวๆ แล้ว ชายวัยกลางคนที่พลังแข็งแกร่งที่สุดและถูกคนพวกนี้เรียกว่าอาจารย์อา มีพลังอยู่ในระดับเซียนเหินขั้นแรก ไม่อาจต้านทานพวกผู้ฝึกวิชามารได้
ชายวัยกลางคนครุ่นคิด หันไปเอ่ยกับเหล่าลูกศิษย์ว่า “พวกเจ้ารีบกลับไปรายงานเจ้าสำนัก บอกพวกเขาว่ามีผู้ฝึกวิชามารลักลอบเข้ามาแล้ว”
เอ่ยจบ เขาหันไปมองเฟิ่งจิ่ว กล่าวว่า “คุณชายท่านนี้ ที่นี่มีอันตราย เจ้าตามศิษย์ในสำนักเราขึ้นเขาไปเถอะ!”
เฟิ่งจิ่วยักคิ้ว มองชายวัยกลางคนแวบหนึ่ง “ข้าไม่ไปละ ข้าชอบเรื่องครื้นเครงเป็นที่สุด จะอยู่ดูที่นี่ แต่หากพวกเจ้ายังไม่ไปอีก ก็จะไม่มีโอกาสได้ไปอีกแล้ว”
ขณะเอ่ย เธอหันไปมองข้างหน้า เห็นเพียงเงาร่างของผู้ฝึกวชามารพวกนั้นปรากฏรางๆ พวกนั้นกำลังก่นด่าสาปแช่งกันอยู่
ชายวัยกลางคนเห็นผู้ฝึกวิชามารพวกนั้นออกจากค่ายกลมาแล้ว อีกทั้งยังมีพลังอยู่เหนือระดับเซียนเหิน จึงรีบหันไปตะโกนสั่งศิษย์ที่เหลือ “รีบไป! กลับไปรายงาน!”
“แต่ว่า อาจารย์อา ท่าน…” ศิษย์พวกนั้นเป็นห่วงว่าหากพวกเขาไปแล้ว อาจารย์อาจะทำอย่างไรเล่า พลังของอาจารย์อาคนเดียว จะสู้ผู้ฝึกวิชามารพวกนั้นได้อย่างไร
“พวกเจ้ารีบกลับไปรายงานเจ้าสำนัก! พวกข้าจะส่งสัญญาณออกไป ให้กลุ่มลาดตระเวนที่อยู่ใกล้ๆ มาช่วย!” ชายสองคนที่สวมชุดคลุมสำนักดาราจักรบอก ก่อนสั่งให้พวกเขารีบไป
“คุณชายท่านนี้ รีบไปกับพวกเราไปเถอะ!” ก่อนไป พวกเขายังอยากจะพาชายชุดเขียวหนีไปด้วย เลี่ยงไม่ให้เขาตายอย่างไม่จำเป็นอยู่ที่นี่
“พวกเจ้ากลับไปก่อนเถอะ! บอกตาเฒ่าฮุ่นหยวนจื่อด้วยว่าข้ามาแล้ว” เฟิ่งจิ่วเอ่ย โบกมือออกไป กลิ่นอายพลังวิญญาณขุมหนึ่งซัดออกไป พัดเอาร่างพวกเขาให้ลอยออกไปไกลหลายจั้ง ศิษย์พวกนั้นที่ถูกพัดส่งออกไปต่างตกตะลึง
“พลังของคนคนนี้ไม่ธรรมดา! พวกเรารีบไปกันเถอะ! กลับไปรายงานก่อน!” ศิษย์พวกนั้นเอ่ย มองชายชุดเขียวด้วยสายตาลึกซึ้ง ก่อนจะรีบสาวเท้าเร็วๆ จากไป
ชายวัยกลางคนรวมถึงชายอีกสองคนที่เหลือจ้องผู้ฝึกวิชามารที่เดินมาทางนี้อย่างระมัดระวัง ไม่ทันเห็นเหตุการณ์ที่เฟิ่งจิ่วโบกมือส่งศิษย์พวกนั้นออกไป ด้วยเหตุนี้ ตอนนี้พวกเขายังคงตื่นตระหนก ไม่รู้เลยว่าชายชุดเขียวที่ยืนอยู่ข้างหลังพวกเขาในตอนนี้ ก็คือภูตหมอเฟิ่งจิ่วที่พวกเขาเล่าลือกันว่าพลังแข็งแกร่งเหนือกฎธรรมชาติ
และเวลานี้ เพราะสูญเสียผู้ฝึกวิชามารหลายคนไปในค่ายกล เวลานี้พวกผู้ฝึกวิชามารที่เดินออกมาสีหน้าตึงเครียดสุดขีด นึกไม่ถึงว่าที่นี่จะมีค่ายกลแปลกประหลาดเช่นนี้อยู่ เวลานี้กลิ่นอายกระหายเลือดแผ่ปกคลุมทั้งตัว โดยเฉพาะเมื่อเห็นศิษย์ที่สวมชุดสำนักดาราจักรที่อยู่ข้างหน้า ไอสังหารยิ่งเข้มข้นขึ้น
………………………………….