เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2461 แยกทาง / ตอนที่ 2462 เผ่ามารมาถึงสำนัก
ตอนที่ 2461 แยกทาง
“พวกเจ้าทำอะไรบุ่มบ่ามเกินไปแล้ว” เขาส่ายหน้า เอ่ยว่า “จะมาดูเรื่องคึกคักก็ไม่ควรใช้วิธีนี้ เจ้าว่าหากเมื่อกี้ไม่ได้เจอข้า พวกเจ้าคงต้องตายอยู่ที่นี่หมดแล้ว”
นึกมาถึงตรงนี้ เขาอดหวาดเสียวไม่ได้ โชคดีที่เขายื่นมือช่วยเหลือ ไม่เช่นนั้น เดาว่าครั้งนี้ท่านอาน้อยที่ยังไม่ตายคนนี้ของเฟิ่งจิ่วอาจต้องมาตายอยู่ที่นี่แล้วจริงๆ
ไม่น่าเล่าเขาถึงได้รู้สึกว่าบุคลิกของเด็กน้อยคนนี้ดูเหมือนเฟิ่งจิ่วอยู่หลายส่วน ที่แท้ก็มีสายสัมพันธ์ทางสายเลือดกันจริงๆ
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน! พวกเจ้าไปกับข้า ข้าจะหาเวลาพาพวกเจ้าไปหาเฟิ่งจิ่วที่สำนักดาราจักร” เขาเอ่ยกับทั้งสอง ก่อนจะหันไปมองกลุ่มทหารรับจ้างข้างหลัง “ส่วนพวกเขา ก็ให้พวกเขากลับไปเถอะ!”
“ได้” เฟิ่งเยี่ยพยักหน้าเอ่ย ก่อนจะเดินไปหาพวกสวีเหยียน บอกกล่าวกับพวกเขาเล็กน้อย
สวีเหยียนมองไป๋เสี่ยวแวบหนึ่ง ถามว่า “คุณชายน้อย เจ้ามั่นใจหรือ ไม่ผิดคนแน่หรือ”
“ไม่หรอก ข้ามั่นใจ” ไม่ผิดแน่แล้ว คนคนนี้เป็นนักคุมสัตว์ หนำซ้ำเขาเคยได้ยินหยางหยางบอกว่า ตอนนั้นเหล่าไป๋นั้นเป็นคนอื่นที่มอบให้หลานสาวของเขา
ได้ยินอย่างนั้น สวีเหยียนจึงเอ่ยว่า “อย่างนั้นก็ได้ ในเมื่อไม่ผิดแน่ พวกข้าก็จะกลับก่อน เจ้าระวังตัวด้วย”
ตอนนี้สมาชิกในกลุ่มของเขาบาดเจ็บขนาดนี้ เกรงว่าคงไม่อาจคุ้มกันพวกเขาได้แล้วเช่นกัน ไม่สู้กลับไปเสียตอนนี้ ให้เขาตามผู้ชายคนนั้นไปยังปลอดภัยกว่า
เฟิ่งเยี่ยมองสองคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เห็นคนหนึ่งหมดสติไปยังไม่ฟื้นขึ้นมา ส่วนอีกคนนั่งพิงต้นไม้ด้วยใบหน้าซีดเผือด จึงเอ่ยกับสวีเหยียนว่า “ท่านรอเดี๋ยว”
เห็นอย่างนั้น จ้าวหยางจึงเอายาขวดหนึ่งออกมายื่นให้เขา “ในนี้ยังมีอีกสองเม็ด ให้พวกเขากินอีกเม็ดหนึ่ง รับประกันได้ว่าไม่มีภัยถึงชีวิต”
เฟิ่งเยี่ยฉีกยิ้ม รับยาไปแล้วก็ยื่นให้กับสวีเหยียน “ให้พวกเขากินอีกคนละหนึ่งเม็ด บาดแผลบนร่างกายจะหายเร็วขึ้น”
สวีเหยียนได้ยินกลับไม่ยื่นมือออกไปรับ เขามองเฟิ่งเยี่ย เอ่ยว่า “คุณชายน้อย ยานี้ล้ำค่ามาก พวกข้า…”
“ไม่เป็นไร ท่านรับไว้เถอะ! หากไม่ใช่พวกท่านคุ้มกันพวกข้าด้วยชีวิตก็คงไม่ได้ต้องบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ยาเม็ดนี้ให้สหายของท่านกิน พวกข้าไม่ต้องใช้” เฟิ่งเยี่ยยัดยาใส่มือของเขา เอ่ยว่า “พวกท่านรีบไปเถอะ! รีบออกจากป่านี้ให้เร็วที่สุด”
สวีเหยียนกำยาในมือ มองเขาอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง ก่อนจะประสานหมัดคารวะ “ขอบคุณมาก ขอลา”
“ขอลา!” เหล่าทหารรับจ้างที่อยู่ข้างหลังพากันก้าวเข้ามา จากนั้นก็ประสานหมัดคารวะเฟิ่งเยี่ยพร้อมกัน
“รักษาตัวด้วย”
เฟิ่งเยี่ยทำท่าเหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อย หนำซ้ำยังประสานหมัดคารวะเลียนแบบพวกเขาอีก มองส่งพวกเขาจากไป ก่อนจะหันกลับมามองไป๋เสี่ยวที่อยู่ข้างหลัง “ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไร”
ไป๋เสี่ยวมองเขายิ้มๆ “แน่นอนว่าต้องไปส่งพวกเจ้าที่สำนักดาราจักรก่อนอยู่แล้ว”
“อย่างนั้นก็นั่งนกเหยี่ยวไปหรือ” เขามองนกเหยี่ยวที่บินวนอยู่เหนือท้องฟ้าอย่างคาดหวัง ดวงตาเป็นประกายแวววับ
“ได้” เขายกนิ้วมือสองนิ้วขึ้นมาผิวปากเรียก ไม่นานก็เห็นนกเหยี่ยวกระพือปีกบินลงมา ค้อมกายและก้มหัวให้เขา
เฟิ่งเยี่ยที่เห็นภาพนั้นหัวเราะชอบใจ รีบสาวเดินเข้าไปลูบปีกของนกเหยี่ยว อดเอ่ยชมไม่ได้ “งดงามนัก!”
เขาปีนขึ้นไปนั่งบนหลังของนกเหยี่ยว มือหนึ่งจับขนของนกเหยี่ยวไว้แน่น อีกมือโบกมือเรียกจ้าวหยางที่อยู่ข้างล่าง “หยางหยาง รีบขึ้นมาเร็ว!”
………………………………….
ตอนที่ 2462 เผ่ามารมาถึงสำนัก
ไป๋เสี่ยวหันไปมองจ้าวหยางที่อยู่ด้านหนึ่ง ยิ้มเอ่ยว่า “ขึ้นไปเถอะ!”
จ้าวหยางพยักหน้า ก่อนจะตีลังกาขึ้นไปนั่งข้างหลังเฟิ่งเยี่ย
ไป๋เสี่ยวเห็นพวกเขาสองคนนั่งลงเรียบร้อยแล้วก็กระโดดขึ้นไปบนหลังกระเรียนขาว พาพวกเขาสองคนไปยังเขตแดนสำนักดาราจักร…
ในอีกด้าน เฟิ่งจิ่วกำลังเดินทอดน่องไปทั่วป่า เธอไม่ได้เร่งรีบไปที่สำนักดาราจักร แต่กลับเดินไปทั่วทุกทิศของป่าแห่งนี้ ข้างหลังของเธอ ยังมีศิษย์ในสำนักเดินตามมาอีกสามคน
ผู้ฝึกวิชามารที่โชคไม่ดีกลุ่มหนึ่งมาเจอพวกเขา นึกว่าเจอเนื้อติดมันมาส่งถึงที่ แต่ใครจะรู้ สุดท้ายกลับถูกเฟิ่งจิ่วสังหารหมด และของมีค่าบนตัวพวกเขา ย่อมตกอยู่ในกำมือของเฟิ่งจิ่วด้วย
ศิษย์สำนักสมคนนั้นเห็นชายชุดเขียวเก็บสมบัติมีค่าพวกนั้นอีกครั้ง รู้สึกเหนือความคาดหมาย สมบัติมีค่าพวกนั้นตกอยู่ในกำมือของชายชุดเขียวชิ้นแล้วชิ้นเล่า จำนวนนั้น แม้แต่พวกเขาเห็นแล้วก็ยังอดหวั่นไหวไม่ได้
นั่นไม่ใช่แค่ชิ้นสองชิ้น หรือสิบชิ้น สมบัติที่ถูกชายหนุ่มชุดเขียวเก็บใส่กระเป๋าหากนำมากองรวมกันต่อหน้าพวกเขา เรียกได้ว่ามีขนาดเท่าภูเขาขนาดย่อมลูกหนึ่งเลยก็ว่าได้ แต่ทว่าสมบัติมากมายขนาดนั้น พวกเขากลับไม่ได้เลยสักชิ้น
ได้ยินคำพูดของเฟิ่งจิ่ว ทั้งสามรีบโบกมือ ยิ้มแห้งๆ “ไม่ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่คุณชายสมควรได้ พวกข้าไม่กล้าโลภอยากได้”
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วรับคำ เอ่ยว่า “อย่างนี้เองหรือ ข้ายังคิดว่าหากพวกเจ้าอยากได้ จะแบ่งให้พวกเจ้าสักชิ้นสองชิ้นก็ได้”
สิ้นประโยคนั้นทั้งสามสีหน้าค้างเติ่ง ดูท่าทางชายหนุ่มไม่ได้เหมือนกำลังพูดเล่นด้วย จึงได้แต่เสียใจที่ตนเองเอ่ยปากเร็วเกินไป หากตอนนี้พวกเขาเปลี่ยนใจ ดูจะไร้ยางอายเกินไปหรือไม่
นึกถึงว่าของพวกนั้นล้วนเป็นอาวุธวิเศษและสมบัติล้ำค่า พวกเขาก็ลอบกัดฟัน คิดในใจว่าขายหน้าก็ขายหน้าเถอะ! ไร้ยางอายก็ไร้ยางอายเถอะ! เพียงรับคำแค่ประโยคเดียวก็ได้ของพวกนั้นมาครอบครองแล้ว ทำไมยังต้องถือตัวขนาดนั้น
ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงอ้าปากหมายจะเปลี่ยนใจ แต่กลับได้ยินเสียงถอนใจอย่างเสียดายของเด็กหนุ่มดังมาก่อน
“เฮ้อ ในเมื่อพวกเจ้าไม่เอา อย่างนั้นข้าก็ไม่ฝืนใจแล้ว” เฟิ่งจิ่วเอ่ย โยนอาวุธวิเศษที่เอาออกมาจากห้วงมิติโยนขึ้นลงสองสามครั้ง ก่อนจะเก็บเข้าไปใหม่อีกครั้ง
เห็นอย่างนั้นทั้งสามมุมปากกระตุก ทำไมพวกเขารู้สึกเหมือนถูกปั่นหัวอย่างนั้น
หลังจากเก็บความรู้สึกแปลกๆ นั้น ชายวัยกลางคนถามว่า “คุณชายจิ่ว ไม่ทราบว่าจะไปที่สำนักเมื่อใด” พวกเขาเดินวนในป่าเป็นเพื่อนเขานานขนาดนี้แล้ว กลับไม่เห็นว่าเขามีท่าทีจะกลับสำนักสักที จึงอดร้อนใจขึ้นมาไม่ได้
พวกเขาไม่กลับไปนานแล้ว บางทีคนในสำนักอาจคิดว่าพวกเขามีอันตรายได้
“รีบร้อนไปทำไม เจ้าแห่งมารนั่นยังไม่ปรากฏตัว ตอนนี้กลับสำนักไปก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี ไม่ใช่หรือ ไม่สู้เดินเล่นในป่าไปอย่างนี้ ดูว่าจะเจออะไรบ้างหรือไม่ดีกว่า” เฟิ่งจิ่วเอ่ยอย่างไม่สะทกสะท้าน พลางเอาน้ำเต้าสุราออกจากห้วงมิติมาดื่ม
เห็นเขาท่าทางผ่อนคลาย ชายวัยกลางคนเองก็ไม่สะดวกพูดอะไรมาก เพียงลอบถอนหายใจและเดินตามเขาต่อไป
ทว่าเวลานี้เอง ในอีกด้านหนึ่ง เจ้าแห่งมารแห่งเผ่ามารกำลังนำทัพเหล่าผู้ฝึกวิชามารมุ่งหน้าโจมตีสำนักดาราจักรด้วยตนเอง นอกจากผู้ฝึกวิชามารที่อยู่เบื้องล่างบางส่วน เหนือท้องฟ้า ท่ามกลางชั้นเมฆ ผู้ฝึกวิชามารมากมายกำลังยืนตระหง่านอยู่เหนือกระบี่บิน เสื้อคลุมสีดำไหวไปตามสายลม เกิดเป็นเสียงพึ่บพั่บ
เมื่อผู้ฝึกวิชามารเหล่านี้ปรากฏตัว บรรยากาศทั่วบริเวณพลันแปรเปลี่ยนเป็นกดดันหนักอึ้งทันที…
………………………………….