เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2501 เป็นคนนั้น / ตอนที่ 2502 แต่งงานเมื่อใด
ตอนที่ 2501 เป็นคนนั้น
เขายิ้มเอ่ย หันไปมองผู้นำตระกูลสือ “นึกไม่ถึงพวกเขาออกไปครั้งนี้กลับได้นำออกมาใช้ประโยชน์จริงๆ”
ขณะที่ทางนี้กำลังพูดคุยกัน อีกด้านหนึ่ง เฉียวอี้นั่วถือของที่เตรียมมาให้กวนสีหลิ่นมาที่ลานสวน เห็นพวกเขากำลังดื่มชา จึงเดินเข้าไปหา
“พี่ชายกวน คุณหนูเยี่ย นี่เป็นอาหารแห้งที่ข้าเตรียมไว้ให้พวกท่านกินระหว่างทาง” เขาวางของที่เตรียมมาไว้บนโต๊ะ
เห็นอย่างนั้น กวนสีหลิ่นยิ้มๆ “อย่างนั้นก็ขอบใจเจ้ามาก”
“ไม่ต้องเกรงใจ ล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อย”
กวนสีหลิ่นพยักหน้าให้เยี่ยจิงเก็บของเหล่านั้น ก่อนจะลุกขึ้น เอ่ยว่า “พวกข้าจะไปแล้ว เจ้าก็ไม่ต้องส่งหรอก”
“ท่านพ่อของข้าอยู่คุยกับเหล่าผู้นำตระกูลอยู่ที่ห้องโถงด้านหน้า ปลีกตัวออกมาไม่ได้ ข้าไปส่งพวกท่านออกจากจวนก็แล้วกัน!” เฉียวอี้นั่วเอ่ย “มีเจ้าบ้านที่ไหนไม่ส่งแขก นี่ถื อว่าผิดธรรมเนียม” เอ่ยจบ ก็ทำท่าผายมือ
กวนสีหลิ่นหันไปมองเยี่ยจิงแวบหนึ่ง ทั้งสองสบตากัน จากนั้นก็ไม่ได้ดึงดันปฏิเสธ เพียงปล่อยให้เขานำทางออกไป
หลังจากที่เฉียวอี้นั่วส่งพวกเขาออกไป และย้อนกลับมาในจวน ก็เห็นพ่อของเขาและเหล่าผู้นำตระกูลเดินออกมาพอดี
“เอ๊ะ? สองคนนั้นใช่คนที่ช่วยชีวิตพวกเจ้าไว้หรือไม่” ผู้นำตระกูลสือถาม สายตาจับจ้องไปที่เงาร่างสองร่างที่ห่างออกไปแล้ว พวกเขาเห็นชายหนุ่มเอียงหน้าพูดคุยกับหญิงสาวข้างก กาย และรู้สึกคุ้นหน้าชายหนุ่มอยู่รางๆ
“ขอรับ เป็นพวกเขา” เฉียวอี้นั่วเอ่ย “พวกเขาต้องเร่งเดินทาง ฉะนั้นจึงไม่ได้รั้งอยู่ที่จวนต่อ”
ผู้นำตระกูลคนอื่นๆ พยักหน้า ประสานมือกล่าวอำลา ส่วนผู้นำตระกูลสือครุ่นคิดเงียบๆ เนิ่นนานก็ตบหัวตนเอง “ข้านึกออกแล้ว”
เขาหันไปมองผู้นำตระกูลเฉียว “ถึงว่าคุณชายท่านนั้นดูคุ้นตานัก ได้ยินพวกเจ้าบอกว่าเขาแซ่กวน? หนึ่งปีก่อนข้าเคยไปเมืองร้อยนที ตอนนั้นบังเอิญเห็นเขาจากที่ไกลๆ คนคนนี้ ก็คือกวนสีหลิ่น พี่ชายบุญธรรมของกวนสีหลิ่นไม่ใช่หรือ!”
พ่อลูกตระกูลเฉียวมองหน้ากันแวบหนึ่ง ก่อนที่ผู้นำตระกูลเฉียวจะถามว่า “ท่านรู้จักหรือ”
“ดูคล้ายอยู่เจ็ดแปดส่วน” เขาเอ่ยอย่างครุ่นคิด หันไปมองสองพ่อลูกตระกูลเฉียว “พวกท่านไม่รู้ตัวตนของเขาจริงหรือ”
เฉียวอี้นั่วเงียบแทนคำตอบ ผู้นำตระกูลเฉียวกลับยิ้มเอ่ยว่า “เขาก็ไปแล้วไม่ใช่หรือ รู้หรือไม่รู้ ตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว”
ผู้นำตระกูลสือได้ยินคำตอบก็สะดุดใจ ยิ้มเอ่ยว่า “ก็จริง ตอนนี้พูดไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว” เอ่ยจบ เขาก็ประสานมือ “อย่างนั้นข้าเองก็กลับแล้ว ขอลา”
ผู้นำตระกูลเฉียวประสานมือคารวะตอบ มองส่งเขาจากไป
“เข้าไปกันเถอะ! เจ้าเองก็เตรียมตัวสักหน่อย พรุ่งนี้ก็ออกเดินทางเลย” ผู้นำตระกูลเฉียวเอ่ยกับบุตรชายที่อยู่ข้างกาย
“ขอรับ” เฉียวอี้นั่วรับคำ ก่อนเดินกลับเข้าไปในจวนพร้อมกับเขา
ในอีกด้านหนึ่ง ณ สำนักดาราจักร เฟิ่งจิ่วกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อและเจ้าสำนักรวมถึงเจ้าเขาแต่ละยอดเขากำลังหารือกันเรื่องเผ่ามาร หลังจากที่หารือกันเรื่องต่างๆ แล้ว พวกเขาสอง คนก็ลุกขึ้น
“อย่างนั้นก็ทำตามที่หารือกันไว้ก็แล้วกัน! พวกข้าอาจจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักสองสามวันก็จะไปแล้ว” เฟิ่งจิ่วเอ่ย
ได้ยินเธอพูดอย่างนี้ พวกเขาก็ลุกขึ้นยืน กล่าวว่า “ได้ พวกท่านวางใจ ข้าคิดว่าครั้งนี้เผ่ามารเองก็สูญเสียไม่น้อย น่าจะไม่ออกมาง่ายๆ อีก”
“ไปเถอะ!” เซวียนหยวนโม่เจ๋อจูงมือเฟิ่งจิ่ว สาวเดินออกไปข้างนอก ไม่มองกลุ่มคนข้างหลังเลยแม้แต่น้อย
เห็นพวกเขาออกไปแล้ว เจ้าสำนักโบกมือ “แยกย้ายกันเถอะ!”
………………………………….
ตอนที่ 2502 แต่งงานเมื่อใด
เซวียนหยวนโม่เจ๋อจูงมือเฟิ่งจิ่วเดินทอดน่องลงจากยอดเขา ขณะที่ทั้งสองชื่นชมทิวทัศน์รอบๆ ทางเดินเล็กๆ เซวียนหยวนโม่เจ๋อถามขึ้นว่า “เรื่องที่เฟิ่งเยี่ยยังมีชีวติอยู่ เจ้าจะไ ไม่ให้คนส่งข่าวกลับไปบอกให้พวกท่านผู้เฒ่ารู้ก่อนหรือ”
“ไม่รีบ รอพวกเรากลับไปเมื่อใดค่อยทำให้ท่านปู่ประหลาดใจก็ได้” เธอยิ้มๆ มองลงไปบนลานกว้างด้านล่างยอดเขาของเจ้าสำนัก เหล่าสัตว์คู่พันธสัญญาและพวกเฟิ่งเยี่ยกำลังเล่นสนุกกั นอยู่ที่นั่น เฟิ่งจิ่วเอ่ยขึ้นมาว่า “พวกเขาคิดมาตลอดว่าเฟิ่งเยี่ยตายแล้ว หากจู่ๆ ให้คนส่งข่าวกลับไป เดาว่าพวกเขาที่อยู่บ้านคงนั่งไม่ติด ไม่สู้พวกเรากลับไปแล้วค่อยบอกพ พวกเขาดีกว่า”
ตอนนี้ที่นี่ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไรแล้ว พวกเขาสามารถฉวยโอกาสนี้กลับไปสักครั้ง
“จัดการเรื่องของพวกเราด้วย?” เฟิ่งจิ่วยักคิ้ว กลีบปากหยักยกขึ้น ยิ้มถามว่า “ท่านรีบมากหรือ”
“อืม รีบมาก” เขาตอบด้วยสีหน้าจริงจัง ท่าทางของเขา ทำให้เฟิ่งจิ่วอดหัวเราะไม่ได้
“แต่ข้ายังไม่อยากแต่งงานนี่นา! ท่านว่าเส้นทางแห่งการฝึกเซียนไร้ขอบเขต อายุพวกเรายังเด็กกว่าตาเฒ่าพวกนั้นมาก แต่งงานเร็วขนาดนี้ไปทำไมกัน ถ้าหากท้องขึ้นมา เดาว่าข้า คงจะออกไปข้างนอกยากแล้ว” เธอไม่อยากถูกขังอยู่ในบ้านตั้งแต่อายุยังน้อย ยังอยากออกเดินทางไปดูโลกกว้างให้มากกว่านี้อีกหน่อย!
ยามได้ยินเธอพูดถึงลูก สายตาของเซวียนหยวนโม่เจ๋อเป็นประกายขึ้นมา ประกายมืดมนพาดผ่านดวงตา “หากเรามีลูก ให้พ่อแม่ของเจ้าดูแลแทนพวกเราก็ได้ หรือให้พวกเหลิ่งซวงดูแล หากไ ไม่ได้จริงๆ แม้จะมีลูก ข้าก็ไปกับเจ้าในที่ที่เจ้าอยากไปได้ทุกที่ พาลูกของเราไปด้วยเลย”
“ฮะๆ ไม่ได้” เธอหัวเราะอย่างไร้อารมณ์ขันใส่เขา ก่อนจะปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
เขาจึงถามว่า “อย่างนั้นเจ้าตั้งใจจะแต่งงานกับข้าเมื่อใด”
“เรื่องนี้ ต้องคิดดูก่อน ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เร็วๆ นี้”
“พวกเราแต่งงานกันก่อนก็ได้ เรื่องลูกอีกสองสามปีค่อยมีก็ได้” เขาพยายามเกลี้ยกล่อมเธอ ต้องกอดหญิงงามอย่างนี้ไว้ข้างกายทุกวัน ไม่ว่าชายใดล้วนห้ามใจไม่ไหว
“ข้าไปเล่นกับเฟิ่งเยี่ยก่อน” เธอยิ้มๆ เขย่งปลายเท้าเบาๆ เงาร่างสีแดงดุจเปลวเพลิงเหาะลงจากไหล่เขา
เซวียนหยวนโม่เจ๋อถอนหายใจอย่างเอือมระอา อดส่ายหน้าไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้ ดูท่าไม่ได้คิดจะจัดการเรื่องแต่งงานของพวกเขาสองคนให้เรียบร้อยก่อนเลยแม้แต่น้อย แล้วจะทำอย่างไรดี เขาต้องคิดหาวิธีเสียแล้ว…
“เสี่ยวจิ่วจิ่ว มาเร็วๆ ข้าเพิ่งเรียนวิชาก้าวเท้ามา เจ้ามาดู” เฟิ่งเยี่ยกวักมือเรียกเฟิ่งจิ่วอย่างตื่นเต้น สองวันนี้เริ่มคุ้นเคยกันแล้ว จากหลานสาวกลายมาเป็นเสี่ยวจิ่วจิ่ว เมื่อได้อยู่กับเฟิ่งจิ่ว จิตใจของเด็กน้อยก็แสดงออกมา เรียกได้ว่าเล่นสนุกอยู่ในสำนักจนแทบคลั่งแล้ว
“งั้นหรือ อย่างนั้นเจ้าวิ่ง ข้าจะจับเจ้า ดูว่าเจ้าจะหลบข้าได้หรือไม่” เธอยิ้ม พลางตะโกนตอบ ให้เขาออกวิ่งก่อน
“อะไรนะ นี่เจ้ารังแกกันไม่ใช่หรือ ข้าตัวเล็กขนาดนี้ อีกทั้งวรยุทธ์ก็ไม่ได้สูงอย่างเจ้า จะวิ่งหนีเจ้าทันได้อย่างไร” เฟิ่งเยี่ยตะโกนตอบอย่างไม่เห็นด้วย
“ข้าจะไม่ใช่กลิ่นอายพลังวิญญาณกับพลังเร้นลับ ใช้แค่ท่าร่างไล่ตามเจ้า หากเจ้าวิ่งหนีข้าทัน กลับไปมีของดีให้เจ้า” เธอยิ้มบอก เสื้อสีแดงโบกสะบัด ทิ้งตัวลงบนพื้นที่อยู่ไม่ไก กล
ได้ยินว่ามีของดี เฟิ่งเยี่ยแววตาเป็นประกาย “จริงหรือ อย่างนั้นก็ดี เจ้าอย่ากลับคำเล่า”