เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2503 สอนด้วยตนเอง / ตอนที่ 2504 กลับมาแล้ว
ตอนที่ 2503 สอนด้วยตนเอง
“ไม่กลับคำ” เธอยิ้มตอบ
“อย่างนั้นเจ้าต้องให้ข้าออกวิ่งก่อน นับถึงสิบ เจ้าค่อยไล่จับข้า” เขาถอยหลัง พลางตะโกนบอก
“ได้” เฟิ่งจิ่วตามใจเขา มองดูเขานับเลขอยู่ตรงนั้นพร้อมกับถอยหลัง อดไม่ได้ที่จะหรี่ตา กลับปากหยักโค้ง
“เจ็ด…เก้า…สิบ…มาเลย…”
เสียงดังมาจากที่ไกลๆ กระทั่งไม่ได้ยิน เฟิ่งจิ่วมองดูเงาร่างเล็กๆ กระโจนเข้าไปในป่าด้านหลังสำนัก จึงขยับเท้าไล่ตามไป
“ข้าก็จะไปด้วยๆ” เหล่าไป๋ตะโกน เขย่งเท้าวิ่งตามเฟิ่งจิ่วไปติดๆ
อสูรกลืนเมฆากับหงส์ไฟและเสือขาวน้อยกลับอยู่ที่เดิม พวกมันหรี่ตานอนหมอบพักผ่อนอยู่บนพื้น ไม่ได้เข้าไปร่วมวงด้วย
เซวียนหยวนโม่เจ๋อสาวเดินลงมาอย่างช้าๆ นั่งลงในศาลาหลังหนึ่ง รอเฟิ่งจิ่วกลับมา
เฟิ่งเยี่ยที่วิ่งหนีเข้าไปในป่าเขาด้านหลังใช้วิชาก้าวเท้าที่เพิ่งเรียนมาใหม่ ร่างกายน้อยๆ ทะยานผ่านต้นไม้ในป่า หันกลับไปมองข้างหลังเป็นระยะ ดูว่าเฟิ่งจิ่วไล่ตามมาหรือไม่ พอหันกลับไปเป็นเงาร่างสีแดงกำลังเข้ามาใกล้ ก็ร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ รีบสาวเท้าวิ่งอย่างรวดเร็ว
ในป่า เฟิ่งจิ่วไล่ตามอยู่ข้างหลัง พลางใช้ใบไม้เป็นอาวุธลับโจมตีเฟิ่งเยี่ยที่อยู่ข้างหน้า
“ฟิ้ว!”
เสียงแหวกอากาศบินมาจากข้างหลัง เฉียดผ่านเฟิ่งเยี่ยไป เขาหันหลังไปตะโกน “ทำไมเจ้าใช้อาวุธลับด้วยเล่า ไม่ยุติธรรม!” แม้จะพูดอย่างนั้น เขากลับไม่กล้าชะลอฝีเท้า เพราะกลัวว่าจ จะถูกจับได้
“ไม่ได้มีกฎว่าห้ามใช้อาวุธลับเสียหน่อย” เฟิ่งจิ่วเอ่ยอย่างไม่ยี่หระอยู่ข้างหลัง พลางใช้ใบไม้โจมตีเฟิ่งเยี่ยเป็นระยะ “หากหลบไม่ทันแล้วได้เลือด ข้าไม่รู้ด้วยนะ”
“หึ้ย! เจ้าเล่นขี้โกง!” เสี่ยวเฟิ่งเยี่ยวิ่งหนี วิชาก้าวเท้าที่เดิมทีไม่ได้ชำนาญนัก เริ่มคล่องแคล่วขึ้นเรื่อยๆ ขณะถูกไล่จับ ความเร็วก็เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ เช่นกัน ไม่นาน เข ขาสามารถเพิ่มความเร็ว และหลบอาวุธลับที่พุ่งเข้ามาจากข้างหลังพร้อมกันได้แล้ว
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าอาวุธลับของเฟิ่งจิ่วไม่ได้หมายโจมตีจุดตายของเขา เพียงเฉียดผ่านเขาไปเท่านั้น แต่เขาไม่อยากถูกนางดูถูก ด้วยเหตุนี้ เขาพยายามอย่างสุดความสามารถ ไม่ยอมให้ อาวุธลับที่พุ่งมาจากข้างหลังถูกตัวเขาแม้แต่น้อย
ยิ่งวิ่งยิ่งเร็ว เขาหันไปมองข้างหลัง กลับเห็นเฟิ่งจิ่วเข้ามาใกล้อีกแล้ว เวลานี้ เขาอดลนลานไม่ได้ หน้าผากมีเหงื่อซึมออกมา
เฟิ่งจิ่วไล่ตามอย่างผ่อนคลายอยู่ข้างหลัง ระยะห่างไม่ใกล้หรือไกลจนเกินไป เธอคอยมองดูฝีเท้าที่คล่องแคล่วขึ้นเรื่อยของเฟิ่งเยี่ย พลางวางค่ายกลไว้ในบริเวณนี้ ตั้งใจจะทดสอบ บความสามารถในการรับมือเฉพาะหน้าของเขา
เฟิ่งเยี่ยที่อยู่ข้างหน้าปาดเหงื่อก่อนหันมองข้างหลัง กลับเห็นว่าไม่มีเงาของเฟิ่งจิ่วอยู่ตรงนั้นแล้ว เขาร้องเอ๊ะด้วยความแปลกใจ จากนั้นก็หยุดวิ่ง “ไปไหนเสียแล้ว เมื่อครู่ย ยังอยู่แท้ๆ”
เขาหันไปมองรอบๆ ทันใดนั้น จู่ๆ คนที่ควรอยู่ข้างหลังกลับไปโผล่อยู่ด้านหน้าในจุดที่อยู่ไม่ไกลมาก เขาตกใจจนหัวใจดวงน้อยๆ เต้นรัว ร้อง “ว๊าก!” ก่อนจะรีบสาวเท้าออกวิ่งทั นที
เฟิ่งจิ่วหยักยิ้มมุมปาก ไล่ตามอยู่ข้างหลัง ต้อนเขาเข้าไปในค่ายกลที่เธอเพิ่งสร้างเมื่อกี้ทีละก้าวๆ
เฟิ่งเยี่ยที่มัวแต่วิ่งหนีเพื่อไม่ให้เฟิ่งจิ่วจับได้ รู้ตัวเสียที่ไหนว่าทางที่วิ่งผ่านเมื่อครู่จู่ๆ ก็ถูกวางค่ายกลเสียแล้ว? ยิ่งไปกว่านั้น มนุษย์ตัวน้อยๆ อย่างเขา ของอย่ างค่ายกลนั้นยังไม่เคยเรียน ย่อมไม่รู้จักอยู่แล้ว
ด้วยเหตุนี้ พอหลงกลเข้าไปในค่ายกล เขาก็งงงันไปทันที เขายืนยิ่งค้างอยู่กับที่ ดวงตากลมโตมกระพริบปริบๆ ตะโกนเรียกด้วยความแตกตื่น “เสี่ยวจิ่วจิ่ว!”
………………………………….
ตอนที่ 2504 กลับมาแล้ว
“เสี่ยวจิ่วจิ่ว? เจ้าอยู่ที่ไหน ทำไมข้าไม่เห็นเจ้า” เขาเห็นควันจางๆ ที่จู่ๆ ก็ลอยขึ้นมาบดบังการมองเห็นของเขา เท้าเล็กๆ สาวเดินไปข้างหน้า แต่ก็หาทางออกไม่เจอ กลับเดินวน นไปวนมา แล้วเจอต้นไม้ต้นเดิมอีก
“นี่คือค่ายกล?” เขาอึ้ง ดวงหน้าประณีตดูตะลึงงัน
“ใช่แล้ว เป็นค่ายกล” เสียงของเฟิ่งจิ่วดังมาจากนอกค่ายกล เธอในตอนนี้กำลังนอนพิงอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่ง ในมือถือสุรา พลางเอ่ยว่า “เจ้าน่าจะไม่เคยเรียนค่ายกลกระมัง วันนี ข้าจะสอนเรื่องค่ายกลให้เจ้า หากทำลายค่ายกลได้ก็ออกมา หากทำลายไม่ได้ วันนี้เจ้าก็นอนที่นี่เถอะ!”
“หา ตะ แต่ว่าเจ้าก็บอกเองว่าข้าไม่เคยเรียน แล้วข้าจะทำลายเป็นเสียที่ไหน เจ้าหลอกข้าให้เข้ามาในภูเขาด้านหลังนี้ชัดๆ เจ้าวางแผนไว้แล้ว” เขานั่งลงบนพื้นทำปากเบ้ มองไ ไปรอบๆ ด้วยท่าทางน่าสงสาร
เฟิ่งจิ่วหัวเราะเบาๆ ดื่มสุราหนึ่งอึก “เอาละ อย่ามัวพูดไร้สาระอยู่ ตั้งใจฟังคำใบ้ของค่ายกลนี้…”
ในป่า เฟิ่งจิ่วในชุดสีแดงหรี่ตานั่งพิงอยู่บนต้นไม้ ถือน้ำเต้าสุราไว้ในมือยกดื่มเป็นระยะ ท่าทางผ่อนคลายเกียจคร้าน ขณะเดียวกันที่ในค่ายกล มนุษย์ตัวน้อยเมื่อจำคำใบ้ที่ เฟิ่งจิ่วบอกเกี่ยวกับค่ายกลนี้ได้แล้ว ก็เริ่มทำลายค่ายกลด้วยนานาวิธี สองคนนี้ คนหนึ่งว่าง คนหนึ่งจริงจัง ชั่วขณะหนึ่งกลับลืมคนข้างนอกไปเสียสิ้นแล้ว
ยามพลบค่ำ กวนสีหลิ่นที่พาเยี่ยจิงมาถึงเขตแดนสำนักดาราจักรแล้วเห็นว่าที่นี่กลับมีเขตอาคมคุ้มกันอยู่ จึงอดแปลกใจไม่ได้ เขาหมายจะเดินเข้าไป ก็เห็นศิษย์ในสำนักกลุ่มหนึ่ง งถือกระบี่ทิ้งตัวลงเบื้องหน้าพวกเขา
“พวกเจ้าเป็นใคร! มาที่นี่ทำไม!”
พวกเขาท่าทางดุดัน น้ำเสียงแฝงแววตะคอก จ้องกวนสีหลิ่นกับเยี่ยจิงอย่างหวาดระแวง ตอนนี้ทุกอย่างในสำนักยังไม่เข้าที่เข้าทาง ย่อมไม่ต้องการให้มีคนนอกเข้ามา หลีกเลี่ยงการฉวยโอกาส สตอนชุลมุนทำเรื่องที่พวกเขาคาดไม่ถึง
“ข้าคือกวนสีหลิ่น มาเพื่อพบเฟิ่งจิ่วน้องสาวบุญธรรมของข้า” กวนสีหลิ่นรายงานชื่อแซ่ของตนเอง จ้องกลุ่มคนตรงหน้าด้วยสายตาคมปราบ
ได้ยินกวนสีหลิ่นพูด พวกเขาตกตะลึง “เจ้าคือกวนสีหลิ่น?” พวกเขาอดอุทานเสียงเบาไม่ได้ สายตาแต่ละคู่มองสำรวจเขาอย่างฉงนฉงาย
“ใช่แล้ว” กวนสีหลิ่นรับคำ มองพวกเขา ก่อนถามว่า “เฟิ่งจิ่วยังอยู่ในสำนักของพวกเจ้ากระมัง”
“อยู่ๆ นางยังอยู่ ยังไม่กลับไป” ศิษย์คนหนึ่งรับคำ ก้าวเข้ามาเปิดมุมหนึ่งของเขตอาคมเพื่อให้กวนสีหลิ่นเข้ามา
“คนของเผ่ามารเพิ่งถอยทัพไปไม่นาน การรักษาความปลอดภัยจึงรัดกุมมาก หวังว่าท่านจะเข้าใจ” ลูกศิษย์คนหนึ่งประสานมือเอ่ย
“ไม่เป็นไร” กวนสีหลิ่นประสานมือตอบ จูงมือเยี่ยจิงเข้าไปด้วยกัน
“ตอนนี้ภูตหมออยู่ในสำนัก คุณชายกวน โปรดตามข้ามา” หนึ่งในลูกศิษย์กลุ่มนั้นนำทางพวกเขาสองคนด้วยตนเอง
“รบกวนแล้ว” กวนสีหลิ่นพยักหัว จูงมือเยี่ยจิงเดินตามลูกศิษย์คนนั้นเข้าไปในสำนัก
มีลูกศิษย์คนนั้นนำทาง ตลอดทางกลับราบรื่นดี ไม่มีใครเข้ามาขวาง กระทั่งหลังจากเข้ามาในสำนัก ขณะที่ลูกศิษย์คนนั้นตั้งใจจะพาเขาไปยังที่พักของเฟิ่งจิ่ว กวนสีหลิ่นที่เดินตาม มอยู่ข้างหลังก็หันไปเห็นเหล่าสัตว์คู่พันธสัญญานอนหมอบอยู่ข้างหน้า รวมถึงคนรู้จักหลายคนด้วย
“สหายท่านนี้ พวกเขาอยู่ตรงนั้น เจ้าไปทำธุระของเจ้าเถอะ! ข้าไปเองได้” กวนสีหลิ่นกล่าว ให้ลูกศิษย์คนนั้นกลับไปทำธุระของตนเอง จากนั้นก็พาเยี่ยจิงสาวเท้ายาวๆ เดินไปหาพว วกไป๋เสี่ยว
“ทุกคน ข้ากลับมาแล้ว!” เขาตะโกนเรียกพวกเขา กลุ่มคนทางนั้นได้ยินก็รีบหันมาทางเขา