เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2509 เพราะเหตุใด / ตอนที่ 2510 ของขวัญ
ตอนที่ 2509 เพราะเหตุใด
เธอตั้งใจจะคารวะอย่างจริงใจอีกครั้ง แต่เซียนเทียนซวีกลับโบกมือห้ามไว้ก่อน “ช้าก่อน”
เซียนเทียนซวีหันไปมองเฟิ่งจิ่ว เอ่ยว่า “ภูตหมอ พวกเขาสองคนเป็นลูกศิษย์ของข้า ไม่ฟังอาจารย์แอบหนีลงจากเขาโดยพลการ แม้จะกลับมารับผิด แต่สมควรถูกลงโทษ วันหลังข้าย่อมจะลง งโทษพวกเขาด้วยตนเอง ส่วนคำขอบคุณของภูตหมอ ข้าเข้าใจว่าเจ้าขอบคุณทำไม แต่ข้าไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาขอบคุณ”
เขาลุกขึ้นยืน สาวเดินลงมาอย่างช้าๆ พลางพูดไปด้วย “ข้ากับพวกเขาสองคนมีวาสนาเป็นศิษย์อาจารย์กัน ตอนนั้นข้าช่วยพวกเขา ก็เพราะคำว่าวาสนานี้ ฉะนั้นไม่ว่าพวกเขาจะเป็นใคร เมื่อมีวาสนาเป็นศิษย์ของข้า หากตกอยู่ในอันตราย ข้าย่อมต้องช่วยเหลืออยู่แล้ว แม้เจ้าจะเป็นญาติของพวกเขา ก็ไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำขอบคุณอะไร”
เฟิ่งจิ่วได้ฟังก็ประหลาดใจ เธอจ้องเซียนเทียนซวีด้วยสายตาลึกซึ้งแวบหนึ่ง ก่อนจะยิ้มเอ่ยว่า “ในเมื่อท่านเซียนกล่าวอย่างนี้แล้ว เฟิ่งจิ่วก็จะทำตาม” เธอถอยหลังไปสองสามก้าว ว กลับไปนั่งที่ของตนเอง
เซียนเทียนซวีหมุนตัว หันไปมองสองคนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น กล่าวขึ้นว่า “พวกเจ้าสองคนไม่ทำตามคำสั่งของอาจารย์ แอบหนีลงจากเขาโดยลำพัง พวกเจ้าลองว่ามาว่าตนเองควรถูกลงโทษ ษหรือไม่”
เฟิ่งเยี่ยกะพริบตาปริบๆ จ้องอาจารย์ของเขา ปากน้อยๆ เบ้ออก “ท่านอาจารย์ ท่านจะลงโทษพวกข้าสองคนจริงหรือ”
“บอกมา! สมควรถูกลงโทษหรือไม่” เซียนเทียนซวีถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
เห็นเขาหน้าตาเข้มงวด เฟิ่งเยี่ยรีบก้มหน้า ก่อนจะตอบพร้อมกับจ้าวหยางเป็นเสียงเดียวว่า “สมควรขอรับ” ไม่เพียงเท่านั้น เขายังเอ่ยเสริมอีกหนึ่งประโยค “แม้จะสมควรถูกลงโทษ แต่ ท่านอาจารย์ได้โปรดจัดการอย่างเมตตาด้วย”
ได้ยินเช่นนั้น กลุ่มคนที่นั่งอยู่สองฝั่งเกือบหลุดหัวเราะออกมาอย่างทนไม่ไหว
แม้แต่เฟิ่งจิ่วเห็นแล้วก็ยังรู้สึกขบขัน ส่วนเซวียนหยวนโม่เจ๋อ เขาเหลือบมองเฟิ่งเยี่ยแวบหนึ่ง มุมปากหยักยิ้มเล็กน้อย
เซียนเทียนซวีได้ยินเฟิ่งเยี่ยพูดเช่นนั้นก็กระดกคิ้วเล็กน้อย เขาลูบหนวดพลางตวัดมองเฟิ่งเยี่ย กล่าวว่า “ข้าจะลงโทษพวกเจ้าสองคน ฝึกวรยุทธ์อยู่บนเขาอู๋ถงสิบปี ภายในสิบปี นี้ ห้ามลงจากเขาอีก!”
“หา? สิบปีห้ามลงจากเขา? ท่านอาจารย์…” เฟิ่งเยี่ยยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่เห็นอาจารย์ของเขาถลึงตามองมาทางเขา จึงชะงักงันพูดไม่ออก
เฟิ่งจิ่วได้ยินก็ตะลึง เธอมองเซียนเทียนซวี ก่อนจะเอ่ยว่า “ท่านเซียน ครั้งนี้ที่มา พวกข้ายังมีเรื่องจะบอกท่านเซียนอีกหนึ่งเรื่อง”
“เรื่องใดหรือ” เซียนเทียนซวีถาม สายตาหันไปจับจ้องที่เฟิ่งจิ่ว
“ปีนั้นเฟิ่งเยี่ยประสบเคราะห์กรรม พวกข้าล้วนคิดว่าเฟิ่งเยี่ยกับจ้าวหยางตายแล้ว ด้วยเหตุนี้ ครอบครัวของข้าล้วนเศร้าโศกเสียใจ โดยเฉพาะท่านปู่ของข้ายิ่งเศร้าโศกเหลือคนานับ บ ได้แต่โทษตนเองไม่หยุด”
เธอลุกขึ้นยืน เอ่ยต่ออีกว่า “ครั้งนี้ได้พบเฟิ่งเยี่ย ข้าดีใจอย่างที่สุด จึงตั้งใจมาขอบคุณท่านเซียน ขอบคุณที่ท่านช่วยชีวิตพวกเขาไว้ตอนนั้น นอกจากนี้ ก็อยากจะพาพวกเขากลั บบ้านสักครั้ง ให้พวกเขาได้พบกับคนในครอบครัว”
ได้ฟังเช่นนั้น เซียนเทียนซวีหันไปกำชับกับอาวุโสที่ยืนรออยู่ด้านหลังกลุ่มคน “ผู้เฒ่าหลิว พาพวกเขาสองคนออกไป”
“ขอรับ” ชายชรารับคำ พยักหน้าให้เฟิ่งเยี่ยกับจ้าวหยางตามเขาออกไป
ทั้งสองลุกขึ้นยืน มองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่งก่อนจะเดินตามชายชราออกไป
เฟิ่งจิ่วมองสองคนที่ออกไป หัวใจสะดุดเล็กน้อย สายตาหันไปมองที่เซียนเทียนซวี
เซียนเทียนซวีมองดูเฟิ่งเยี่ยกับจ้าวหยางเดินตามชายชราห้องจากวิหารจนลับสายตา จากนั้นจึงค่อยหันไปมองเฟิ่งจิ่ว ถามด้วยน้ำเสียงแช่มช้าว่า “เจ้ารู้หรือไม่ เหตุใดพวกเขากับข้าจ จึงมีวาสนาเป็นศิษย์อาจารย์กัน เหตุใดตอนนั้นเป็นข้าที่ปรากฏตัวและช่วยพวกเขาไว้”
เฟิ่งจิ่วอึ้งงันเล็กน้อย เธอส่ายหน้า “ไม่ทราบ ท่านเซียนโปรดชี้แนะ”
………………………………….
ตอนที่ 2510 ของขวัญ
“เฟิ่งเยี่ยมีวาสนาต่อพ่อแม่เปราะบางยิ่งนัก หากอยู่ข้างกายพ่อแม่ ยากจะมีอายุได้ถึงสิบห้าสิบหกปี ส่วนจ้าวหยาง ข้าคิดว่าครอบครัวของเขาล้วนไม่อยู่แล้ว”
เซียนเทียนซวีเอ่ย เห็นเฟิ่งจิ่วขมวดคิ้วเล็กน้อย จึงอธิบายต่อว่า “วาสนาที่พวกเขาสองคนมีต่อข้ายังไม่สิ้น เดิมทีไม่ควรลงจากเขาในเวลานี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เจ้าอยาก พาพวกเขากลับบ้านเลย”
เฟิ่งจิ่วตะลึง “ท่านเซียนหมายความว่า หากพวกเขาอยู่กับพ่อแม่ อาจมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะอยู่ไม่ถึงอายุสิบห้าสิบหกปีงั้นหรือ”
“ถูกต้องแล้ว” เซียนเทียนซวีลูบหนวด
เธอหันไปมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อแวบหนึ่ง รู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย พวกกวนสีหลิ่นที่ฟังอยู่ด้วย ต่างก็มีสีหน้าหนักอึ้งขึ้นมาเช่นกัน
“ครั้งนี้พวกข้าพาพวกเขากลับไป จะรับผิดชอบดูแลพวกเขาอย่างดี ไม่ปล่อยให้พวกเขามีอันตรายอะไรเด็ดขาด”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเอ่ยขึ้น มองเซียนเทียนซวีด้วยสายตาลึกซึ้ง “หลังจากที่พวกเขาได้พบคนในครอบครัวแล้ว ก็จะพาพวกเขากลับมาส่งให้ท่านเซียน ข้าคิดว่าหากทำเช่นนี้น่าจะไม่มีปั ญหากระมัง”
เฟิ่งจิ่วเอ่ยเสริม “ท่านเซียน พวกข้าพาพวกเขาไปพบครอบครัวเพียงไม่นาน เมื่อถึงเวลาก็จะส่งพวกเขากลับมา ท่านวางใจ มีข้าคอยคุ้มกัน พวกเขาจะต้องไม่เป็นไรแน่ หลังจากได้พบคนใค ครอบครัว ให้พวกเขากลับมาฝึกวรยุทธ์กับท่านเซียนต่อ พวกท่านปู่ไม่มีทางคัดค้านแน่”
เซียนเทียนซวีมองพวกเขาสองคนแวบหนึ่ง เขาลูบหนวดสาวเดินไปเดินมาช้าๆ เนิ่นนานจึงค่อยเอ่ยว่า “ในเมื่อพวกเจ้าพูดอย่างนี้แล้ว อย่างนั้นก็พาพวกเขาลงเขาไปเถอะ! เพียงแต่ หลังจ จากส่งพวกเขากลับมา ภายหน้าก็ห้ามพวกเขาลงจากเขาอีก พวกเจ้าเองก็ห้ามขึ้นเขามาพบพวกเขาอีกเช่นกัน”
“รู้ว่าพวกเขาฝึกวรยุทธ์อยู่ที่นี่ อีกทั้งยังปลอดภัยมาก พวกข้าย่อมไม่ทำให้พวกเขาเสียสมาธิ ท่านเซียนวางใจได้!” เฟิ่งจิ่วยิ้มเอ่ย
เซียนเทียนซวีพยักหน้า เอ่ยกับพวกเขาว่า “คืนนี้ทุกท่านพักที่นี่เถอะ! ข้าจะให้คนจัดเตรียมให้เอง” เอ่ยจบ เสียงแฝงกลิ่นอายพลังวิญญาณดังออกไปด้านนอก ไม่นานก็มีศิษย์ชั้นล่าง งสองคนเข้ามา
“คารวะท่านเซียน” สองคนคารวะ
“พาแขกไปพัก” เขาเอ่ยเสียงเนิบ
“ขอรับ” ศิษย์ชั้นล่างสองคนรับคำอย่างนอบน้อม ก่อนจะทำท่าผายมือให้พวกเฟิ่งจิ่ว พวกเฟิ่งจิ่วคารวะเซียนเทียนซวี ก่อนจะออกไปพร้อมกับศิษย์สองคนนั้น
มองดูพวกเขาออกไป เซียนเทียนซวีพึมพำ “นี่ก็คือจักรพรรดิเซียนและเฟิ่งซิงสินะ เป็นหงส์และมังกรท่ามกลางฝูงคน งามสง่าเหนือผู้ใดจริงๆ…”
ในลานสวนบนภูเขา เฟิ่งเยี่ยเอาสุราในแหวนห้วงมิติออกมายื่นให้ชายชรา “ท่านลุงหลิว ท่านดู เหล่านี้ล้วนเป็นของที่ข้าซื้อให้ท่าน ล้วนเป็นสุราดี”
ชายชรารับไป ใบหน้าตึงเครียดค่อยเผยรอยยิ้มออกมา เขาตีหัวเด็กสองคนเบาๆ เอ่ยว่า “อย่าคิดว่าเอาสุรากลับมาให้ข้าแล้วข้าจะไม่ถือโทษพวกเจ้าเล่า เสียแรงที่ปกติข้าคอยดูแล พวกเจ้าอย่างดี แต่พวกเจ้ากลับดี วางแผนเล่นงานข้าเสียได้ ยังทำให้ข้าเป็นห่วงอยู่ตลอดอีก”
“ฮี่ๆ ท่านลุงหลิว พวกเรารู้ว่าท่านดีที่สุดแล้ว ฉะนั้น ข้าจึงตั้งใจขอของดีๆ จากหลานสาวของข้ามา ท่านดู นี่ต่างหากของที่ดีที่สุดที่ข้าจะให้ท่าน” เขาเอายาขวดหนึ่งออกจ จากห้วงมิติมายื่นให้ท่านลุงหลิว
“ข้ากับหยางหยางรู้ว่าท่านลุงหลิวเคยได้รับบาดเจ็บ ทำให้วรยุทธ์หยุดชะงักทะลวงขั้นไม่ได้อีก ยานี้เป็นของดี ขอเพียงกินลงไป รับประกันได้ว่าอีกไม่นานอาการบาดเจ็บนั่นก็จะห หายไป”