เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2535 ผ่อนคลาย / ตอนที่ 2536 ใต้ท้องฟ้าราตรี
ตอนที่ 2535 ผ่อนคลาย
“อืม ที่เหลือมอบหมายให้คนข้างล่างทำก็ได้” เขาจูงมือเธอ จับมือเธอเล่นไปมา สายตาลึกล้ำมีประกายมืดหม่นพาดผ่าน ไม่รู้กำลังคิดสิ่งใดอยู่
เฟิ่งจิ่วเห็นเขาเหมือนใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว จึงเอียงคอมองเขา ถามว่า “ท่านมีเรื่องในใจ?”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อสบเข้ากับสายตาสุกใสของเธอ กลีบปากขยับยกเผยให้เห็นรอยยิ้มจางๆ “ไม่มีอะไร”
เห็นเขาไม่พูด เฟิ่งจิ่วจึงไม่ได้ถามมาก มีหรือไม่มีอะไรเธอดูออกอยู่แล้ว แต่ในเมื่อเขาไม่พูด น่าจะเพราะไม่อยากให้เธอกังวล เพียงแต่ เรื่องอะไรกันนะที่ทำให้เขาใจลอยอย่างนี
“ตอนนี้ว่างไม่มีอะไรทำ ข้าพาเจ้าไปดูพระอาทิตย์ตก!” เซวียนหยวนโม่เจ๋อเอ่ย จูงมือเธอลุกขึ้น ก่อนที่กระบี่บินจะปรากฏใต้เท้า พาเอาร่างทั้งสองเหาะขึ้นกลางท้องฟ้า
เฟิ่งจิ่วอิงแอบในอ้อมกอดของเขา ทั้งสองเหาะเหินท้าสายน้ำ ชายเสื้อปลิวไสว เหาะข้ามตัวเมือง มุ่งหน้าออกไปนอกเมือง ทั้งสองขี่กระบี่บินไปตลอดทาง กระทั่งมาถึงเนินเขาที่ค่อนข้า างสูงแห่งหนึ่งก็กระโดดลงมาจากกระบี่บิน
“ที่แห่งนี้มองเห็นพระอาทิตย์ตกได้ชัดเจน หนำซ้ำ ดูดวงดาวตอนกลางคืนที่นี่ก็สวยงามมาก” เซวียนหยวนโม่เจ๋อบอก ก่อนจะจูงมือเธอเดินไปหยุดที่ศาลาแห่งหนึ่ง
“ที่แห่งนี้ก็มีศาลาด้วยหรือ”
เฟิ่งจิ่วประหลาดใจเล็กน้อย เห็นศาลาหลังนี้ตั้งอยู่บนยอดเขา ให้ความรู้สึกเหมือนตั้งโดดเด่นแยกห่างจากโลกภายนอก เธอหันไปมองด้านล่าง ทุกระยะจะมีศาลาพักเท้าตั้งอยู่หนึ่งหลั ง อีกทั้งตลอดทางลง บันไดบนถนนภูเขาก็แยกชัดมาก บนบันไดภูเขานั้น ยังมีคนจับกลุ่มกันขึ้นเขา บ้างก็นั่งพักอยู่ในศาลาพักเท้า
“ครั้งที่แล้วตอนออกเดินทางเคยผ่านทางนี้ เห็นที่นี่มีจุดชมวิว จึงอยากพาเจ้ามาสักครั้ง” เขาเดินเข้าไปในศาลา นั่งลงในศาลา จากนั้นก็เอาสุราออกมาจากในห้วงมิติ
เห็นอย่างนี้ เฟิ่งจิ่วยิ้มเดินเข้ามานั่งที่ข้างโต๊ะ “ดูท่าท่านเตรียมตัวมาดี”
“หายากที่จะมีเวลาว่างชมวิวอย่างนี้ ย่อมไม่อาจพลาดโอกาสดีๆ แบบนี้ได้” เซวียนหยวนโม่เจ๋อรินสุราให้เธอ จากนั้นก็ยกถ้วยสุราตรงหน้าขึ้นมาจิบหนึ่งคำ
สองคนมองดูทิวทัศน์ยามพลบค่ำ อาทิตย์ยามอัสดงค่อยๆ ล่วงลับขอบฟ้า บางทีอาจเพราะอยู่บนที่สูง ดวงอาทิตย์ยามเย็นราวกับอยู่ใกล้แค่ตรงหน้า ราวกับว่าขอเพียงเอื้อมมือออกไปก็จะค คว้าได้
เฟิ่งจิ่วยกมือเท้าคาง ดื่มด่ำกับสายลมเย็นๆ ที่พัดผ่านใบหน้า มองดูอาทิตย์อัสดงที่ค่อยๆ กลายเป็นสีส้มสะดุดตา ราวกับไข่แดงในไข่เค็มที่ชวนน้ำลายไหล
อาทิตย์อัสดงลับจากขอบฟ้าเร็วมาก ราวกับเพียงชั่วพริบตาก็เลื่อนลับลงจากเขาไปอีกหนึ่งส่วน เมื่ออาทิตย์ลับขอบฟ้า ขอบฟ้าก็ค่อยๆ มืดลง เมื่อสีท้องฟ้ามืดลง ยามราตรีก็มาเย ยือน อุณหภูมิบนยอดเขาก็ลดลงอย่างเห็นได้ชัด สายลมกลางคืนพัดมา มีไอหนาวปะปนมาด้วย
ทั้งสองไม่ได้พูดอะไร แค่ดื่มด่ำกับความเงียบสงบในเวลานี้
“รออีกเดี๋ยว ดวงดาวก็จะออกมาแล้ว ดูดาวตรงนี้น่าจะใกล้มาก” เฟิ่งจิ่วเอ่ย ขณะจิบสุรา มองดูเขาที่นั่งอยู่ตรงหน้า รู้สึกรื่นหูรื่นตายิ่งนัก
เพราะท้องฟ้ามืดลงแล้ว ดวงจันทร์ยังไม่ทันออกมา ด้วยเหตุนี้ แสงสว่างมืดสลัว แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนฝึกวรยุทธ์ ก็รู้สึกว่ามองเห็นได้ไม่ชัดเจน ด้วยเหตุนี้ เซวียนหยวนโม่เจ๋อจึงห หยิบไข่มุกราตรีขนาดเท่าไข่ไก่วางไว้กลางโต๊ะ แสงสว่างแยงตา ส่องสว่างไปทั่วศาลาแห่งนี้ในพริบตา
………………………………….
ตอนที่ 2536 ใต้ท้องฟ้าราตรี
ทั้งสองดื่มสุราภายใต้ไข่มุกราตรี พูดคุยกันเรื่องน่าสนใจ พลางมองดูท้องฟ้าค่อยๆ เข้มขึ้น ท้องฟ้ายามราตรีมีแสงระยิบระยับเปล่งประกาย ด้านหลังชั้นเมฆ จันทร์เสี้ยวค่อยๆ ปรากฏ สา าดส่องแสงจันทร์ลงมารางๆ
ทิวทัศน์งดงาม โฉมสะคราญใต้ดวงจันทร์ เดิมควรจะเป็นบรรยากาศผ่อนคลายมีความสุข แต่ทว่า เมื่อเสียงแผดร้องขอความช่วยเหลือดังเข้าหูของทั้งสองรางๆ สองคนที่กำลังพูดคุยหยอกล้อชะงักง งัน มือที่ยกถ้วยสุราอยู่ก็ลดลง ต่างมองลงไปข้างล่างภูเขาที่มืดมิดโดยไม่ได้นัดหมาย
คนที่ชมอาทิตย์ตกดินเดิมก็มีไม่มากอยู่แล้ว หลังจากที่อาทิตย์ตกดิน คนพวกนั้นส่วนมากล้วนไม่ได้หยุดพักบนภูเขา มีเพียงแสงสว่างเล็กน้อยที่ติดๆ ดับๆ ปรากฏอยู่บนภูเขา ราวกับมี คนถือโคมไฟไว้ในมือ
เสียงแผดร้องขอความช่วยเหลือนั่น ดังมาจากตรงที่มีแสงสว่างปรากฏนั่นเอง
“ดึกขนาดนี้ ทำไมที่นี่จึงมีเสียงร้องขอความช่วยเหลือด้วยเล่า อีกทั้งยังดูเหมือนเป็นผู้หญิงด้วย?” เฟิ่งจิ่วเอ่ย สายตาจ้องมองไปทางไหล่ภูเขาที่มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือ
“ให้อสูรกลืนเมฆาลงไปดูก็พอ” เซวียนหยวนโม่เจ๋อว่า ก่อนจะละสายตากลับมาอย่างเฉยชา
“อืม”
เฟิ่งจิ่วพยักหัว ขานเรียกเสียงหนึ่ง “อสูรกลืนเมฆา” สิ้นเสียง อสูรกลืนเมฆากระโดดออกมาจากห้วงมิติ มองทั้งสองแวบหนึ่ง ก่อนจะหยุดมองที่เฟิ่งจิ่ว “นายท่าน”
“อสูรกลืนเมฆา ตรงไหล่เขามีคนร้องขอความช่วยเหลือ เจ้าไปดูทีว่าเกิดอะไรขึ้น” เธอกำชับเสียงเบา
“ขอรับ” อสูรกลืนเมฆารับคำ เงาร่างกำยำเหาะเหินออกไปดุจสายฟ้า ได้ยินเพียงเสียงแหวกสายลม ก่อนที่จะหายลับเข้าไปในท้องฟ้ายามราตรีอันมืดมิด
สายลมกลางคืนพัดผ่าน ไม่ได้นำพามาเพียงความหนาวเย็น ยังพาเอาเสียงร้องสิ้นหวังที่ไหล่เขาดังมาด้วย เธอเอามือข้างหนึ่งเท้าคาง ฟังเสียงร้องนั้น ก่อนเอ่ยขึ้นว่า “ที่นี่ห่างไกล ลผู้คน โดยเฉพาะกลางคืนยิ่งมีคนบางตา หากพบเจออันตรายจริง เกรงว่าร้องไปก็ไม่มีคนช่วย ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคนที่ไม่มีแม้แต่กำลังจะปกป้องตนเอง ทำไมต้องมาที่ห่างไกลผู้คนอย่างน นี้ด้วย”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อยิ้มๆ “บางทีอาจมีผู้ชายมาด้วย เพียงแต่ ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนจะมีพลังเช่นข้า และไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนจะเหมือนเจ้า”
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ “นี่ก็จริง”
ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองได้ยินเสียงกรีดร้องนั้นยังคงดังต่อเนื่อง จึงอดสงสัยไม่ได้ “ระยะห่างนี้ อสูรกลืนเมฆาน่าจะถึงแล้ว เหตุใดผู้หญิงคนนั้นจึงยังร้องอยู่”
“บางทีอสูรกลืนเมฆาอาจคิดว่าช่วยไม่ได้” เซวียนหยวนโม่เจ๋อเม้มปาก กวาดตามองแวบหนึ่ง ก่อนหยักยิ้มมุมปาก “มันกลับมาแล้ว”
เฟิ่งจิ่วเอียงหน้ามองไป ท่ามกลางป่าทึบ อสูรกลืนเมฆากระโดดออกมา ไม่นานก็มาปรากฏตรงหน้านาง เธอเห็นแล้วก็อดแปลกใจไม่ได้ ถามว่า “อสูรกลืนเมฆา ทำไมกลับมาแล้วเล่า หาคนที่ร้อ องขอความช่วยเหลือไม่เจอหรือ”
อสูรกลืนเมฆานิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง กล่าวว่า “นายท่าน หาเจอแล้ว แต่ว่าท่านบอกข้าว่าแค่ให้ไปดูไม่ใช่หรือ ดังนั้นข้าจึงแค่ไปดูแล้วกลับมารายงานท่านว่าเกิดอะไรขึ้น”
เฟิ่งจิ่วได้ยินก็นิ่งอึ้งเช่นกัน ราวกับนึกไม่ถึงว่ามันจะเข้าใจผิดเช่นนี้ได้ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงได้สติ เธอมองมันด้วยสีหน้าแปลกๆ ถามว่า “อย่างนั้นเจ้าเห็นอะไรบ้าง เกิดอะไรขึ น”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อที่นั่งอยู่ข้างๆ เผยยิ้มออกมา ไม่ได้สนใจหนึ่งคนหนึ่งสัตว์ร้าย เพียงรินสุราดื่มเงียบๆ คนเดียว
อสูรกลืนเมฆาครุ่นคิด ก่อนตอบว่า “มีผู้ฝึกตนกลุ่มหนึ่งตีผู้ชายคนหนึ่งจนหมดสติแล้วมัดติดกับต้นไม้ และกำลังไล่ตามผู้หญิงที่มากับผู้ชายคนนั้น ตอนนี้เจอเสื้อของนางแล้ว”