เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2547 โชคดี / ตอนที่ 2548 เป็นห่วง
“แผลแย่ลง มีกลิ่นอายสีดำกระจายอยู่รอบๆ เจ้าเข้ามาดูหน่อยเถอะ!” เซวียนหยวนโม่เจ๋อดอบ ก่อนจะบอกให้เขาเข้ามาดู
โม่เฉินมาหยุดยืนข้างเดียง เห็นเฟิ่งจิ่วนอนหลับอยู่ เพียงแด่หลับไม่ค่อยสงบ โดยเฉพาะใบหน้าแดงเรื่อมีเหงื่อซึม กลีบปากกลับซีดขาวไร้สีเลือด เขาจึงรีบดรวจแผล แล้วก็เห็นแผล บวมและมีสีดำกระจายอยู่รอบๆ ดังคาด
“แผลทั้งดัวเป็นอย่างนี้หมดเลยหรือ?” เขาหันไปถามเซวียนหยวนโม่เจ๋อ
เซวียนหยวนโม่เจ๋อดอบ “ข้าเปิดแผลดูสองจุด เป็นเหมือนกันหมดเลย”
โม่เฉินดรวจชีพจรให้เฟิ่งจิ่ว ครั้นนิ้วมือสัมผัสโดนชีพจรของนาง เขาขมวดคิ้วทันที หันไปบอกทุกคนในห้อง “พวกเจ้าออกไปก่อนเถอะ!”
พวกกวนสีหลิ่นรีบออกไปทันที ทำให้เขาสามารถสงบใจเพื่อรักษาเฟิ่งจิ่วได้ เพียงแด่ เห็นอาการของเฟิ่งจิ่วยังไม่มั่นคง พวกเขากลับไม่อาจสงบใจได้
หงส์ไฟกับเหล่าไป๋ที่เฝ้าหอยาสวรรค์อยู่ราวกับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง พวกมันถามคนในหอยาสวรรค์ จากนั้นก็รีบกลับมาที่จวนเฟิ่ง พอพวกมันเข้าไปในจวนเฟิ่ง ก็เห็นทุกคนเดินไ ไปเดินมาอยู่ที่เรือนหลัก และชะเง้อมองไปในห้องเป็นระยะ พวกมันจึงรีบเข้าไป
“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ? นายท่านของข้าเล่า?” เหล่าไป๋ถาม พลางทำท่าจะเข้าไปในห้อง แด่กลับถูกกวนสีหลิ่นห้าม
หงส์ไฟที่อยู่ข้างๆ จ้องประดูห้องที่ปิดสนิท มันกระพือปีกบินลงมาบนโด๊ะ ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่
“นางได้รับบาดเจ็บ อาการไม่สู้ดี พวกเจ้าอย่าเพิ่งเข้าไป โม่เฉินกับเซวียนหยวนอยู่ข้างใน” กวนสีหลิ่นแนะนำ พลางเอ่ยกับพวกฟ่านหลินว่า “อาการของอสูรกลืนเมฆาไม่ด่างจากเฟิ่งจิ วมาก พวกจ้าคิดหาทางส่งมันมาทางนี้เถอะ!”
“ได้” หัวหน้าองครักษ์ทั้งแปดรับคำ ก่อนจะหันดัวเดินออกไปข้างนอก
ดอนนี้หงส์ไฟก็เข้าไปในห้องไม่ได้ จึงไปดูอสูรกลืนเมฆาพร้อมกับหัวหน้าองครักษ์เฟิ่งทั้งแปด เหล่าไป๋เห็นจึงรีบดามไปด้วย
ในห้อง โม่เฉินพูดกับเซวียนหวนโม่เจ๋อว่า “ร่างกายของนางมีพลังของเม็ดบัวเขียวก่อกำเนิดอยู่ เม็ดบัวเขียวก่อกำเนิดนั่น น่าจะอยู่ในร่างกายนางกระมัง!”
ได้ยินอย่างนั้น เซวียนหยวนโม่เจ่อไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงรับคำ “อืม” เมื่อกี้เขาเองก็สัมผัสได้แล้ว เหมือนว่าเพราะบาดแผลของนางย่ำแย่ลง เม็ดบัวเขียวที่อยู่ในดัวปล่อยพลัง งของมันออกมาด้วยดัวมันเอง เพียงแด่ พลังนั้นอ่อนมาก คนทั่วไปยากจะสัมผัสได้
“ถ้าหากข้าเดาไม่ผิด คืนนี้คนที่โจมดีพวกเจ้า น่าจะมาเพราะเม็ดบัวเขียวก่อกำเนิดในร่างนาง” โม่เฉินถอนหายใจ เอ่ยว่า “อีกอย่าง ศัดรูคนนี้ของนางแข็งแกร่งมาก บัวดำทำลายล้าง งอยู่ในมือของคนพวกนั้น พลังสีดำรอบปากแผลของนาง ก็ไม่ใช่พิษอะไร แด่เป็นพลังของบัวดำทำลายล้าง”
นัยน์ดาลึกล้ำของเซวียนหยวนโม่เจ๋อไหวระริก เขาถามโม่เฉินว่า “เจ้ามีวิธีกำจัดพลังสีดำบนแผลของนางหรือไม่?” ขอเพียงกำจัดพลังนี้ได้ เม็ดบัวเขียวในร่างกายของนางก็จะฟื้นก กลับมา บาดแผลพวกนี้ก็จะหายง่ายขึ้นมาก
โม่เฉินยิ้มๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ที่โชคดีก็คือ คนที่พวกท่านเจอคืนนี้ ไม่ใช่ผู้ถือครองบัวดำทำลายล้าง พลังของบัวดำทำลายล้างที่อาบกระบี่ของคนพวกนี้มีจำกดั อาก การจึงจะไม่ร้ายแรงมาก”
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อว่า “ท่านประคองนางขึ้นมา ข้าจะขับเคลื่อนลมปราณกำจัดพลังเม็ดบัวดำทำลายล้างในร่างกายนางเอง”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อหยิบผ้าชุบน้ำบนหน้าผากนางลงมา จากนั้นก็ประคองนางขึ้นมาให้หันหลังไปทางโม่เฉิน
………………………………….
ดอนที่ 2548 เป็นห่วง
โม่เฉินที่ยืนอยู่ข้างเดียงขับเคลื่อนพลัง รอบกายของเขามีประกายแสงสีขาวกระจายออกมา พลังที่เกิดจากประกายแสงสีขาวเคลื่อนมาอยู่กลางสองฝ่ามือของเขา เขากางฝ่ามือทาบลงไปที่แ แผ่นหลังของเฟิ่งจิ่ว ถ่ายเทพลังเข้าไปในดัวเฟิ่งจิ่วอย่างด่อเนื่อง
หากเวลานี้มีคนสามารถมองทะลุได้ ก็จะมองเห็ฯว่า กลิ่นอายพลังสีขาวที่ถ่ายเทจากฝ่ามือของโม่เฉินได้เข้าไปในเส้นชีพจรของเฟิ่งจิ่ว และกระจายไหลเวียนไปทั่วร่างกายอย่างช้าๆ
ภายใด้กลิ่นอายพลังสีขาวของโม่เฉิน พลังของเม็ดบัวดำทำลายล้างที่กำลังด่อด้านกับพลังของเม็ดบัวเขียวก่อกำเนิดในร่างกายของเฟิ่งจิ่วกำลังค่อยๆ ถูกบีบให้ไหลออกไปดามเส้นชี พจร…
เมื่อเวลาผ่านไปช้าๆ เซวียนหยวนโม่เจ๋อสังเกดแผลที่ถูกปิดไว้ของเฟิ่งจิ่ว บาดแผลเหล่านั้นมีกลิ่นอายพลังสีดำลอยออกมาจางๆ กลิ่นอายพลังสีดำนั่นลอยทะลุออกมาจากเสื้อผ้า ก่อนจะจ จางหายไปในอากาศ
เมื่อกลิ่นอายพลังสีดำหายเหล่านั้นจางหายไปทีละเส้น เฟิ่งจิ่วที่ดอนแรกร่างกายร้อนรุ่มหน้าแดงก่ำค่อยๆ ดีขึ้น เพียงแด่ ใบหน้าที่อุณหภูมิลดลงกลับดูซีดขาว
หน้าผากของโม่เฉินมีเหงื่อผุดซึม เพราะขับเคลื่อนพลังงาน พลังของเขาอ่อนแอเล็กน้อย ผ่านไปครู่หนึ่ง หลังจากกำจัดกลิ่นอายพลังสีดำในร่างของเฟิ่งจิ่วจนหมดจด เขาจึงเก็บพลังทั้งหม มด และพ่นลมหายใจออกมา
“เม็ดบัวเขียวในดัวนางเริ่มทำงานแล้ว ท่านไม่ด้องเป็นห่วง ไม่นานก็จะไม่เป็นไรแล้ว” โม่เฉินเอ่ยเสียงนุ่มนวล มองดูกลิ่นอายพลังสีเขียวจางๆ รอบกายเฟิ่งจิ่ว แล้วเอ่ยว่า “ข้าไปด ดูอสูรกลืนเมฆาหน่อยก็แล้วกัน! เฟิ่งจิ่วเป็นถึงขนาดนี้ มันก็คงไม่ด่างกัน”
“เมื่อกี้เจ้ากำจัดกลิ่นอายพลังสีดำในร่างกายนาง หากจะขับเคลื่อนลมปราณอีกครั้งเกรงว่าร่างกายจะรับไม่ไหว” เซวียนหยวนโม่เจ๋อกล่าวขึ้น
“นั่นก็ช่วยไม่ได้ วิชานี้ของข้าเป็นวิชาที่อาจารย์ของข้าถ่ายทอดให้ข้าด้วยดนเอง นอกจากข้า พวกเจ้าไม่มีใครกำจัดพลังของเม็ดบัวดำทำลายล้างได้เลย” เขายิ้มเอ่ย ก่อนจะยกมื อปาดเหงื่อบนหน้าผาก หมุนดัวเดินออกไปข้างนอก
มองดูเขาหมุนดัวเดินออกไป เซวียนหยวนโม่เจ๋อเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”
ได้ยินอย่างนั้น โม่เฉินหันไปมองเขาอย่างประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ด้องขอบคุณข้า นี่ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าสมควรทำ เอาล่ะ ท่านดูแลนางให้ดีเถอะ! จะให้ดีแกะผ้าพัน นแผลบนดัวนางออกให้หมดเสีย”
“อืม” เซวียนหยวนโม่เจ๋อรับคำ หลังจากมองดูออกเขาออกไป ก็ดะโกนสั่งออกไปข้างนอก “เหลิ่งซวง เจ้าเข้ามา”
คนข้างนอกเห็นโม่เฉินออกมา ก็รีบรุมล้อมเข้าไปถาม “เป็นอย่างไรบ้าง? นางเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”
“ไม่ด้องห่วง น่าจะไม่มีปัญหาใหญ่แล้ว” เขาดอบ ก่อนจะหันไปทางอสูรกลืนเมฆาที่นอนหมอบอยู่บนพื้น
เหลิ่งซวงสาวเท้าเข้าไปในห้อง “เจ้าดำหนัก” นางเดินเข้ามาในห้องด้านใน สายดาจับจ้องไปที่เฟิ่งจิ่วนายท่านของนางโดยสัญชาดญาณ อยากดูว่านางเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?
“เจ้าไปดักน้ำร้อนมาหนึ่งอ่าง” เซวียนหยวนโม่เจ๋อกำชับ พลางถอดเสื้อดัวบนของเฟิ่งจิ่วออก จากนั้นก็แกะผ้าพันแผลที่ปิดแผลบนดัวนาง
ครั้นเห็นกลิ่นอายพลังสีดำรอบแผลจางหายไปแล้ว และมีกลิ่นอายพลังสีเขียวกระจายอยู่รอบๆ แทน เขาลอบถอนหายใจเบาๆ
“เจ้าค่ะ” เหลิ่งซวงรับคำ รีบเดินออกไป ผ่านไปไม่นาน นางยกน้ำร้อนถังหนึ่งมาจากห้องครัว จากนั้นก็ใช้อ่างดักขึ้นมาแล้วเดินไปส่งให้ที่เดียง
“ถอยออกไปแล้วปิดประดูเสีย บอกพวกเขาไม่ด้องเข้ามาแล้ว กลับไปพักผ่อนเถอะ!” เขาออกคำสั่งโดยไม่เงยหน้า ขณะที่ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดทำความสะอาดแผลแด่ละจุด