เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2549 ฟื้นขึ้นมา / ตอนที่ 2550 วางแผน
ตอนที่ 2549 ฟื้นขึ้นมา
เหลิ่งซวงรับคำก่อนจะถอยออกไป นางปิดประตูห้อง และออกไปถ่ายทอดคำพูดของเซวียนหยวนโมเจ๋อให้ทุกคนข้างนอก
ด้านนอก โม่เฉินกำลังรักษาอสูรกลืนเมฆา ขณะที่ในห้อง หลังจากที่เซวียนหยวนโม่เจ๋อทำความสะอาดแผลเสร็จ ก็เห็นว่าแผลเล็กๆ พวกนั้นกำลังสมานตัวด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ ด้วยตาเปล่าภายใต้พลังของเม็ดบัวเขียวก่อกำเนิด เขาจึงหยิบเสื้อตัวในมาสวมใส่ให้นาง
บาดแผลที่ค่อนข้างลึกสมานแผลได้ช้า ส่วนแผลที่ตื้นก็ค่อยๆ หายดีเหมือนเดิม เพียงแต่ เมื่อนึกถึงคำพูดของเฟิ่งจิ่ว หัวใจของเขากลับไม่ได้ผ่อนคลายลงเลย
เม็ดบัวดำทำลายล้าง? แม้แต่เม็ดบัวเขียวก็ยังไม่อาจเอาชนะมันได้งั้นหรือ? กลุ่มคนที่โจมตีพวกเขาในคืนนี้ยังไม่ใช่คนที่ครอบครองเม็ดบัวดำอีก อย่างนั้น วันหน้าหากต้องเผชิญ ญหน้ากับคนที่มีเม็ดบัวดำนั่น จะทำอย่างไรเล่า?
“น้ำ…”
ท่ามกลางอาการสะลึมสะลือ เฟิ่งจิ่วรู้สึกลำคอแห้งผาก อยากจะลืมตา แต่หนังตาหนักมาก ไม่มีแม้แต่แรงจะยกหนังตาขึ้น
ได้ยินเฟิ่งจิ่วร้องหาน้ำ เซวียนหยวนโม่เจ๋อลงจากเตียงไปเทน้ำ และยื่นไปข้างๆ ปากของนาง “อาจิ่ว น้ำมาแล้ว ดื่มหน่อยเถอะ!”
ไม่รู้ว่าได้ยินหรือไม่ เฟิ่งจิ่วอ้าปากเล็กน้อย หลังจากดื่มน้ำแก้วหนึ่งหมด ก็หลับไปอย่างสะลึมสะลืออีกครั้ง
เพราะเป็นห่วงแผลตรงจุดตันเถียนที่ค่อนข้างลึกนั่น เขาจึงไม่กล้านอน คอยนั่งเฝ้านางที่ข้างเตียง คอยสังเกตเป็นระยะว่าไอร้อนในตัวนางลดลงไปบ้างหรือยัง? และคอยดูว่าแผลตรงจุ ดตันเถียนสมานกันหรือยัง?
หนึ่งคืนผ่านไป เขาไม่ได้พักผ่อน กระทั่งเช้าตรู่วันต่อมา ยามแสงอาทิตย์แรกสาดลงบนพื้นดิน ส่องเฉียงเข้ามาทางหน้าต่าง เขาที่นั่งอยู่ข้างเตียงลูบหนวดสั้นๆ บริเวณคางที่ค่อ อนข้างแทงมือ ก่อนจะลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตา
หลังจากที่เขาล้างหน้าล้างตา ก็เดินกลับมาที่ข้างเตียงเพื่อตรวจสอบเฟิ่งจิ่วเล็กน้อย เห็นนางอาการดีขึ้นแล้ว แม้แต่แผลตรงจุดตันเถียนก็หายดีจนเกือบหมดแล้วเช่นกัน เขาจึงเผย รอยยิ้มออกมา
เขาเดินออกไปข้างนอก เห็นเหลิ่งซวงเฝ้าอยู่ข้างนอก จึงถามว่า “อสูรกลืนเมฆาเป็นอย่างไรบ้าง?”
“หลังจากที่เมื่อคืนคุณชายโม่เฉินรักษาให้ พวกข้าก็ทำแผลให้อสูรกลืนเมฆา เช้านี้ข้าเปิดแผลดู รอยบวมแดงที่แผลหายแล้ว และฟื้นตัวได้ปกติ เพียงแต่อย่างเร็วก็ต้องใช้เวลาสอ องสามวันแผลจึงจะหายดี”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อพยักหน้า ก่อนจะกำชับว่า “ไปสั่งห้องครัวให้ทำอาหารมาส่งหน่อย”
“เจ้าค่ะ” เหลิ่งซวงรับคำ แต่กลับไม่ขยับฝีเท้าไปไหน นางถามเขาว่า “เจ้าตำหนัก นายท่านของข้านาง…”
“นางไม่เป็นไรแล้ว แค่ยังไม่ตื่นเท่านั้น” เซวียนหยวนโม่เจ๋อเอ่ย พลางเดินเข้าไปข้างใน
ได้ฟังคำตอบของเขา หัวใจที่ตึงเกร็งของเหลิ่งซวงพลันปล่อยวางลง ตั้งใจจะเดินไปทางห้องครัวเพื่อกำชับให้ทำอาหารที่นายท่านของนางชอบกิน ทว่า ในเวลานี้เอง เซวียนหยวนโม่เจ๋อ อกลับเรียกนางไว้
“รอเดี๋ยว”
“เจ้าตำหนักยังมีเรื่องใดอีกงั้นหรือ?” เหลิ่งซวงหันกลับมาถาม
“นอกจากข้าวต้มจืดๆ กำชับให้ห้องครัวตุ๋นอาหารบำรุงมาด้วย”
“เจ้าค่ะ” เหลิ่งซวงรับคำ จากนั้นก็สาวเท้าเดินออกไปเร็วๆ
เฟิ่งจิ่วตื่นขึ้นมาตอนปลายยามเฉิน เมื่อคืนหลังจากนอนหลับไปเกิดอะไรขึ้นบ้างนั้นเธอไม่รู้แล้ว ด้วยเหตุนี้ พอตื่นขึ้นมา เธอเปิดเสื้อผ้าดู ครั้นเห็นว่าบาดแผลหายดีหมดแล้ว แ และบนตัวก็ไม่มีผ้าพันแผลเลย เธอตะลึงงันไปครู่หนึ่ง
“หายดีหมดแล้ว?”
“แผลบนตัวเจ้าหายดีแล้ว” เซวียนหยวนโม่เจ๋อเอ่ย พลางสาวเท้าเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ “ลุกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาได้แล้ว ข้าให้เหลิ่งซวงเตรียมของกินไว้ให้เจ้า”
………………………………….
ตอนที่ 2550 วางแผน
เฟิ่งจิ่วมองแผล เอ่ยว่า “ทำไมเมื่อคืนข้ารู้สึกว่าหลังจากนั้นไม่นานแผลก็ย่ำแย่ลง?” เธอมองบาดแผลบนตัวที่เวลานี้หายดีเป็นปกติหมดแล้วด้วยสีหน้าแปลกประหลาด ก่อนถามว่า “ทำไ ไมจู่ๆ ก็หายแล้ว?”
“เมื่อคืนแผลแย่ลงจริงๆ ข้าสั่งให้อิ่งอีไปตามโม่เฉินมากลางดึก เขาเป็นคนกำจัดกลิ่นอายพลังเม็ดบัวดำทำลายล้างที่อยู่รอบแผลของเจ้า”
“เม็ดบัวดำทำลายล้าง?” เธอชะงักงัน อดเงยหน้ามองเขาไม่ได้
“ใช่แล้ว เม็ดบัวดำทำลายล้าง”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อมองเธอด้วยสายตาลึกล้ำ กล่าวว่า “เมื่อคือนแผลของเจ้าแย่ลง แผลแต่ละจุดล้วนมีกลิ่นอายพลังสีดำกระจายอยู่ ตัวเจ้าเองก็ไร้สติเช่นกัน โม่เฉินมาถึงตรวจอาการ ให้เจ้า บอกว่าพลังของเม็ดบัวดำทำลายล้างทำให้แผลแย่ลง”
ได้ยินเช่นนั้น นัยน์ตาของเฟิ่งจิ่วไหวระริก “เม็ดบัวดำทำลายล้างไม่ธรรมดา หากกลิ่นอายของมันกระจายอยู่รอบปากแผล โม่เฉินกำจัดได้อย่างไร?”
“เขาบอกว่าอาจารย์ของเขาถ่ายทอดวิชาหนึ่งให้เขา เขาใช้วิชานั้นช่วยกำจัดกลิ่นอายพลังของเม็ดบัวดำทำลายล้างให้เจ้ากับอสูรกลืนเมฆา หนำซ้ำเขายังบอกว่าบนอาวุธของคนพวกนั้น นแค่มีกลิ่นอายของเม็ดบัวดำเคลือบอยู่ พวกนั้นไม่ใช่ผู้ถือครองเม็ดบัวดำจริงๆ แต่ที่มั่นใจได้ก็คือ คนที่ต้องการแย่งชิงเม็ดบัวเขียวก่อกำเนิดที่อยู่ในตัวเจ้า แข็งแกร่งมา าก”
เฟิ่งจิ่วครุ่นคิดเงียบๆ ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอเอ่ยกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าอยากจะให้พี่ชายของข้าพาเฟิ่งเยี่ยกลับบ้านสักครั้ง จากนั้นก็ให้เขาพาเฟิ่งเ เยี่ยกับหยางหยางกลับไปส่งให้อาจารย์ของพวกเขาบนเขาอู๋ถง ส่วนข้า ข้าคิดว่าสถานการณ์ตอนนี้ข้ายังไม่เหมาะจะกลับไป”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อมองเธอแวบหนึ่ง ก่อนถามว่า “เจ้ากังวลว่าหากเจ้ากลับไปตอนนี้ คนพวกนั้นจะทำร้ายพวกท่านพ่อของเจ้า?”
“อืม” เธอพยักหน้า “ยากนักกว่าพวกเขาจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขที่นั่นได้เสียที ข้าไม่อยากให้พวกเขามีอันตรายเพราะข้า และทำให้พวกเขาเป็นห่วงข้าอีก”
“ก็ได้! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าล้างหน้าล้างตาก่อน ข้าจะให้คนไปเรียกพี่ชายของเจ้ามา” เขาเอ่ยเสียงอ่อนโยน เอื้อมมือไปเสยปอยผมข้างพวงแก้มขึ้นไปทัดที่หลังหู จากนั้นก็หันตั วเดินออกไปข้างนอก
ครั้งรู้ว่าเธอฟื้นแล้ว พวกตู้ฝานมาหาแต่เช้าแล้ว กวนสีหลิ่นที่มากับเยี่ยจิงถามอิ่งอีที่อยู่ข้างหน้าว่า “นายท่านของเจ้าไม่ได้บอกหรือว่าเรื่องอะไร?”
“ไม่ได้บอก แต่วางใจได้ ภูตหมอไม่เป็นไรแล้ว น่าจะเป็นเรื่องอื่น” อิ่งอีตอบคำ พลางเดินนำไป ผ่านไปไม่นาน ก็มาถึงที่เรือนหลักพร้อมกัน
เซวียนหยวนโม่เจ๋อเดินออกมาก่อน เขาหันไปถามเหลิ่งหวา “โม่เฉินอยู่ในจวนกระมัง?”
“ขอรับ เมื่อคืนใช้พลังงานในร่างมากเกินไป ข้าจึงจัดการให้เขาพักผ่อนอยู่ในจวน”
เซวียนหยวนโม่เจ๋อพยักหน้า หันไปทางกวนสีหลิ่น “นั่งเถอะ! อีกเดี๋ยวนางมีเรื่องจะพูดกับท่าน”
“นางไม่เป็นไรกระมัง?” กวนสีหลิ่นถามขึ้น
เดิมทีรอให้เซวียนหยวนโม่เจ๋อตอบคำถาม แต่เสียงของเหล่าไป๋ดังออกมาจากในห้อง “นายท่านไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง” เอ่ยจบ มันก็เดินออกมาจากในห้อง ข้างหลังยังมีหงส์ไฟท ที่กระพือปีกบินตามออกมาด้วย
“อีกเดี๋ยวนางก็มาแล้ว” เซวียนหยวนโม่เจ๋อบอก เขายกน้ำชาขึ้นมาจิบหนึ่งคำ
ผ่านไปไม่นาน เฟิ่งจิ่วในชุดสีแดงทั้งตัวเดินออกมา เห็นพวกเขาล้วนอยู่ จึงเดินเข้าไปหา เอ่ยว่า “เมื่อคืนทำให้ทุกคนเป็นห่วงแล้ว แต่ตอนนี้ข้าไม่เป็นไรแล้วละ” เธอเพิ่งเก็บอส สูรกลืนเมฆาเข้าไปในห้วงมิติเพื่อให้มันพักฟื้นอยู่ในนั้น แม้จะใส่ยาให้มันแล้ว แต่กลับไม่ง่ายที่จะหายดีในเวลาสั้นๆ และกลิ่นอายพลังของเม็ดบัวเขียวก่อกำเนิดในตัวเธอก็อ อ่อนแอลง จึงไม่เหมาะจะรักษาอาการบาดเจ็บให้มัน