เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2551 ไม่กลับไป / ตอนที่ 2552 ถุงผ้าไหม
ตอนที่ 2551 ไม่กลับไป
เห็นลมปราณของนางกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว สีหน้าก็ดูไม่เลว พวกเขาจึงค่อยวางใจ
“ที่ให้ทุกคนมาเพราะมีเรื่องจะบอก” สายตาของเธอกวาดมองผ่านทุกคน สุดท้ายหยุดมองที่กวนสีหลิ่น “ท่านพี่ ตอนนี้ยังสืบไม่ได้ว่าคนที่เล่นงานข้าเป็นใคร ฉะนั้นข้าจึงตัดสินใจ ว่าจะยังไม่กลับไป แต่ข้าอยากขอให้ท่านพาเฟิ่งเยี่ยกับจ้าวหยางกลับไป ให้คนที่บ้านได้เห็นหน้าเฟิ่งเยี่ย จากนั้นค่อยส่งพวกเขาสองคนกลับเขาอู๋ถง”
กวนสีหลิ่นชะงัก “ถ้าอย่างนั้น แสดงว่าพวกเจ้าจะไม่กลับแล้ว?”
“อืม” เฟิ่งจิ่วพยักหน้า บอกว่า “ข้ากลัวว่าหากข้ากลับไป จะทำให้ที่บ้านเจอปัญหาเพราะข้าอีก ข้าเลยอยากขอให้ท่านพาพวกเขากลับไป ส่วนพวกข้า ตอนนี้ยังไม่อาจกลับไปได้”
เธอไม่อยากทำลายชีวิตอันสงบสุขของครอบครัวในตอนนี้ ยิ่งไม่อยากนำพาอันตรายไปให้พวกเขา ฉะนั้น ขอแค่เธออยู่ที่นี่ก็จะไม่นำพาอันตรายไปสู่ราชวงศ์เฟิ่งหวงแล้ว
กวนสีหลิ่นสีหน้าจริงจัง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ได้ เจ้าวางใจเถอะ! ข้าจะพาพวกเขาสองคนกลับไปเอง”
“อย่างนั้นท่านกับเยี่ยจิงเก็บสัมภาระให้พร้อม ข้าจะไปหาโม่เฉินหน่อย อีกเดี๋ยวค่อยไปหาพวกท่าน ส่วนตู้ฝาน พวกเจ้ากลับหอยาสวรรค์ไปก่อนเถอะ!”
“ได้” กวนสีหลิ่นรับคำ ก่อนจะพาเยี่ยจิงออกไปก่อน
“นายท่าน อย่างนั้นพวกข้าไปที่หอก่อน” พวกเขาคารวะ จากนั้นก็หันกายเดินออกไป
“เหล่าไป๋ เจ้าก็ตามไปด้วยเถอะ!” เฟิ่งจิ่วตวัดมองเหล่าไป๋ที่อยู่ด้านหนึ่ง
“หา? ข้าก็ไปด้วยหรือ?” เหล่าไป๋อึ้งงัน มองหงส์ไฟแวบหนึ่ง เห็นมันเกาะอยู่บนหน้าโต๊ะไม่ขยับ จึงพึมพำแล้วค่อยเดินออกไป
เห็นพวกเขาล้วนไปแล้ว เฟิ่งจิ่วกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อจึงค่อยให้เหลิ่งหวานำทางไปยังเรือนที่โม่เฉินพักอยู่
โม่เฉินที่พักอยู่ในเรือนส่วนตัวนั่งขัดสมาธิปรับลมปราณในร่างกายตั้งแต่เข้าห้องมาเมื่อคืนแล้ว กระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตูดังมาจากข้างนอก เขาจึงค่อยพ่นหายใจเบาๆ เก็บซ่อนกล ลิ่นอายกลับเข้าไปในร่างกาย ก่อนจะลืมตา
“เข้ามา”
เฟิ่งจิ่วที่อยู่ข้างนอกได้ยินเสียงจากข้างในก็ผลักประตู เดินเข้ามาพร้อมกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อ
“โม่เฉิน ข้ามีเรื่องอยากจะถามเจ้าหน่อย” เฟิ่งจิ่วเข้ามาในห้องด้านใน มองโม่เฉินที่สาวเดินออกมาช้าๆ จากนั้นก็เดินไปนั่งที่โต๊ะพร้อมกัน
เซวียนหยวนโม่เจ๋อมองโม่เฉินแวบหนึ่ง เห็นสีหน้าของเขาดีขึ้นกว่าเมื่อวานมาก จึงพยักหน้าให้เบาๆ
“พวกเจ้าจะมาถามเรื่องเกี่ยวกับเม็ดบัวดำทำลายล้างหรือ?” โม่เฉินนั่งลง ผ่านไปไม่นาน เหลิ่งหวายกน้ำชามาให้พวกเขา
“ใช่แล้ว” เฟิ่งจิ่วมองเขา ถามว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเม็ดบัวดำทำลายล้างมันเป็นมาอย่างไรกันแน่?”
ได้ยินเช่นนั้น โม่เฉินยิ้มอย่างอ่อนโยน เขายกน้ำชาตรงหน้าขึ้นมา ใช้ฝาถ้วยชาปาดใบชาที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ ก่อนจะจิบหนึ่งค่ำแล้ววางลง “ในเมื่อเจ้ามีเม็ดบัวเขียวก่อกำเนิด ก็ น่าจะรู้เรื่องของเม็ดบัวดำทำลายล้างนี้จึงจะถูก”
เฟิ่งจิ่วขมวดคิ้วเล็กน้อย “ข้ารู้เพียงตำนานเล่าขานว่าในโบราณมีเม็ดบัวอยู่สี่เม็ด หนึ่งคือเม็ดบัวเขียวแห่งการสร้าง สองคือเม็ดบัวทองแห่งคุณธรรม สามคือเม็ดบัวแดงแห่งเ เปลวเพลิง สี่คือเม็ดบัวดำแห่งการทำลายล้าง เม็ดบัวทั้งสี่นี้ล้วนเกิดขึ้นจากใจกลางจุดเชื่อมต่อของเม็ดบัวเขียวก่อกำเนิด เพียงแต่ เม็ดบัวเขียวก่อกำเนิดอยู่กับข้า เหตุใดเม็ด ดบัวดำทำลายล้างจึงปรากฏในเวลานี้”
ทั้งที่เม็ดบัวเขียวก่อกำเนิดที่หล่อเลี้ยงด้วยพลังวิญญาณอยู่ในตัวเธอยังไม่สมบูรณ์แท้ๆ ก่อนหน้านี้ เธอนึกมาตลอดว่าใต้หล้านี้มีเม็ดบัวเขียวก่อกำเนิดเพียงเม็ดเดียว…?
………………………………….
ตอนที่ 2552 ถุงผ้าไหม
เพียงแต่ เม็ดบัวดำทำลายล้างนี้มาจากที่ใด? และไปอยู่ในกำมือของใคร?
“เม็ดบัวดำทำลายล้างไม่ได้เป็นเม็ดบัวแห่งความชั่วแต่อย่างใด แต่ต้องดูว่าใครเป็นผู้ถือครองมัน” โม่เฉินอธิบายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เขามองเฟิ่งจิ่ว เอ่ยว่า “ครั้งนี้ที่ข้า ากลับไป ท่านอาจารย์ของเข้าให้ข้ามาบอกเจ้าว่า เมื่อใดที่เม็ดบัวในตำนานโบราณปรากฏ เจ้าต้องเก็บรวบรวมมัน นอกจากเม็ดบัวเขียวก่อกำเนิด ยังมีเม็ดบัวอีกสี่เม็ดที่กระจายอยู่ ในที่ต่างๆ และเม็ดบัวเขียวก่อกำเนิดที่เป็นผู้นำของเม็ดบัวทั้งสี่ ก็มีพลังแห่งการควบคุม เรื่องนี้ ต้องเป็นเจ้าเท่านั้น”
“ควบคุม? แต่ทำไมเมื่อคืนข้าเห็นว่าตอนที่นางถูกพลังของเม็ดบัวดำแผ่ปกคลุม พลังของเม็ดบัวเขียวก่อกำเนิดในตัวนางกลับไม่อาจทำได้แม้กระทั่งควบคุมพลังของเม็ดบัวดำทำลายล้า างได้เลยเล่า?”
สายตาของโม่เฉินจับจ้องไปที่เฟิ่งจิ่ว เอ่ยว่า “เม็ดบัวเขียวก่อกำเนิดในตัวเจ้ายังเบ่งบานไม่สมบูรณ์กระมัง? มันยังไม่ได้เติบโตกลายเป็นบัวเขียวก่อกำเนิดอย่างสมบูรณ์แบบ มีเพียง งพลังที่สามารถฟื้นรักษาบาดแผลทั่วไปเท่านั้น ต้องถือครองเม็ดบัวเขียวก่อกำเนิดที่เติบโตสมบูรณ์แล้วเท่านั้น จึงจะมีพลังที่สามารถรักษาทุกสรรพสิ่ง รวมถึงควบคุมและชะล้างเม็ดบ บัวทั้งสี่ให้สะอาดบริสุทธิ์”
ขณะเอ่ย เขาเอาถุงผ้าไหมถุงหนึ่งออกมาจากห้วงมิติ ถือไว้ในมือแล้วจ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งให้เฟิ่งจิ่ว “นี่คือสิ่งที่ท่านอาจารย์ฝากมาให้เจ้า”
เฟิ่งจิ่วประหลาดใจ เธอรับไปเปิดดู ก่อนถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ข้างบนนี้เขียนไว้ว่าให้ข้าไปเดินขึ้นบันไดขึ้นแดนเซียนของเกาะเซียนเฝิงไหลเพียงลำพัง?” เธอหันไปมองโม่เฉิน “เกาะเซียนเฝิงไหลคือที่ใด? เหตุใดจึงมีบันไดขึ้นแดนเซียนด้วย? แล้วยังให้ข้าไปคนเดียวอีก?”
เอ่ยจบ เธอหันไปมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อโดยสัญชาตญาณ ไปเพียงลำพัง อย่างนั้นก็หมายความว่าเขาไปด้วยไม่ได้? นี่ต้องการจะแยกพวกเขาสองคนออกจากกันงั้นหรือ?
“เกาะเซียนเฝิงไหล?” โม่เฉินชะงักเล็กน้อย ก่อนส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “ที่แห่งนี้ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน จึงไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด”
“เอ๊ะ? ที่อยู่ด้านหลังนี้คือแผนที่หรือค่ายกล?” เธอบังเอิญเห็นแผนที่ค่ายกลภาพหนึ่งที่ด้านหลัง ลักษณะซับซ้อนดูยาก
เซวียนหยวนโม่เจ๋อรับไปดู ขมวดคิ้วเล็กน้อย “นี่คือแผนที่ในค่ายกล หากต้องการรู้เส้นทางแผนที่ในค่ายกล ต้องแก้ค่ายกลแล้วค่อยดูภาพ หากเดาไม่ผิด เส้นทางแผนที่ที่แก้ได้ ก็น่าจะเป็นแผนที่เกาะเซียนเฝิงไหล”
“อาจารย์ของท่านไม่ได้บอกหรือว่าให้ข้าไปทำอะไรที่นี่?” เฟิ่งจิ่วถามโม่เฉิน
“ไม่ได้บอก” โม่เฉินรับคำ ก่อนเอ่ยว่า “แต่อาจารย์ของข้าทำอะไรต้องมีเหตุผลอยู่แล้ว ในเมื่อเขาให้เจ้าไปที่นั่น ข้าคิดว่าเขาคงมีเหตุผล”
น้ำเสียงของเขาชะงักงัน เอ่ยอย่างครุ่นคิด “หนำซ้ำที่แห่งนี้ข้าก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน เกรงว่าจะไม่ใช่ที่ธรรมดา”
เห็นอย่างนี้ เฟิ่งจิ่วหันไปมองเซวียนหยวนโม่เจ๋อ ก่อนจะเลื่อนมองไปด้านล่าง ที่ถุงผ้าไหมในมือของเขา ผ่านไปครู่หนึ่งจึงเอ่ยว่า “พวกเรากลับเถอะ! ยังต้องไปตระเตรียมกับพวกพี่ ชายของข้าอีก”
เธอหันไปมองโม่เฉิน ยิ้มเอ่ยว่า “ถุงผ้านี้ข้าจะเอาไปศึกษาดูหน่อย ส่วนจะเชื่อฟังอาจารย์ของท่านหรือไม่นั้น ขอเวลาให้ข้าได้พิจารณาหน่อย”
“อืม” โม่เฉินรับคำ เอ่ยว่า “อย่างนั้นข้ากลับก่อน มีเรื่องอะไรให้พวกเขาไปหาข้า”
“เข้าใจแล้ว” เฟิ่งจิ่วรับคำ ก่อนหันไปเอ่ยกับเหลิ่งหวาที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งว่า “เจ้าไปส่งโม่เฉินเถอะ!”
“ขอรับ” เหลิ่งหวารับคำ จากนั้นก็ทำท่าผายมือเชิญโม่เฉิน และเดินออกไปข้างนอก
“พวกเราไปคุยกับพี่ชายข้าเรื่องเฟิ่งเยี่ยก่อนแล้วค่อยคุยกันเรื่องอื่นก็แล้วกัน!” เห็นพวกเขาไปแล้ว เฟิ่งจิ่วคล้องแขนของเซวียนหยวนโม่เจ๋อ จากนั้นทั้งสองก็เดินไปทางลานบ้าน …