เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2553 จากไป / ตอนที่ 2554 ดึงดูดศัตรู
ตอนที่ 2553 จากไป
หลังจากหารือกับเซวียนหยวนโม่เจ๋อและกวนสีหลิ่น เฟิ่งจิ่วจัดเตรียมคนสิบสองคนเพื่อติดตามคุ้มกันพวกเขา นอกจากนี้ เธอยังส่งหงส์ไฟให้ตามพวกเขาไปด้วย ให้มันกลับไปปกป้องคนในครอบครัวของเธอ
มีเพียงทำอย่างนี้ เธอจึงจะสามารถวางใจได้อย่างแท้จริง
ส่วนหงส์ไฟที่ถูกเฟิ่งจิ่วสั่งให้กลับไป แม้จะไม่ยินดีนัก แต่มันก็รู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของเฟิ่งจิ่วคืออะไร ด้วยเหตุนี้สุดท้ายหงส์ไฟจึงรับปาก ทำหน้าที่ปกป้องคนในครอบครัวแทนเธอ
เช้าตรู่วันต่อมา ท้องฟ้ายังไม่สว่าง พวกเขาก็ออกเดินทางไปอย่างเงียบงัน โดยมีกวนสีหลิ่นนำกลุ่ม ผู้ติดตามก็มีเยี่ยจิงรวมถึงเฟิ่งเยี่ยและจ้าวหยาง ส่วนการเปลี่ยนแปลงกะทันหันที่พวกเฟิ่งจิ่วไม่ได้กลับไปด้วย เฟิ่งเยี่ยคาดเดาเหตุผลไม่ออก กวนสีหลิ่นเองก็ไม่ได้บอกพวกเขา
และในช่วงเวลาหลังจากนั้น เฟิ่งจิ่วศึกษาและแก้ค่ายกลที่อยู่บนถุงผ้าไหมใบนั้น ค่ายกลนั้นลึกลับและซับซ้อนมาก เธอแก้หลายครั้งแล้วก็ยังแก้ไม่สำเร็จเลยสักครั้ง มีเพียงต้องใคร่ครวญกลั่นกรองเพื่อลองแก้ไปทีละครั้งๆ
สามสี่วันต่อมา หลังจากที่เฟิ่งจิ่วพยายามแก้ครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดก็แก้ค่ายกลที่อยู่ด้านหลังถุงผ้าไหมได้สำเร็จ หลังจากแก้ค่ายกลสำเร็จสิ่งที่ปรากฏก็คือเส้นทางแผนที่ภาพหนึ่งดังคาด เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เธอคาดไม่ถึงก็คือ เส้นทางที่ไปเกาะเซียนเฝิงไหลจะไกลถึงขนาดนั้น
“ท่านดู ไม่ได้อยู่บนแผ่นดินใหญ่แถบเหนือแม่น้ำนี้จริงๆ ด้วย” เธอยื่นแผนที่ให้เซวียนหยวนโม่เจ๋อดู
เขารับไปดูแวบหนึ่ง ก่อนจะถามว่า “อย่างนั้นเจ้าคิดจะทำเช่นไร? จะไปจริงหรือ?”
“ประเด็นสำคัญคือข้าไม่รู้ว่าที่นี่เป็นสถานที่แบบใด” เฟิ่งจิ่วขมวดคิ้วครุ่นคิด พลางมองแผนที่ไปด้วย “ถุงผ้าไหมที่ผู้เฒ่าเทียนจีให้ ข้างในมีเพียงของสิ่งนี้สิ่งเดียว ท่านว่าจะไม่ไปได้หรือ?”
“ในเมื่อจะไป อย่างนั้นข้าไปกับเจ้าก็แล้วกัน! ระหว่างทางจะได้คอยดูแลกันได้” เขาเอ่ยกับเธอ การจะให้เธออยู่ห่างเขาในเวลานี้ อย่างไรเขาก็ไม่วางใจอยู่ดี
“เทียนจีจื่อผู้นี้ก็ไม่รู้ว่าเล่นกลอะไรอยู่ ข้างบนยังเขียนไว้ว่าข้าไปได้เพียงคนเดียว” เธอแกว่งถุงผ้าไหมไปมา เอ่ยว่า “เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน! ข้าจะลองไปดู เมื่อถึงตอนนั้นหากข้ามีโอกาส จะต้องส่งข่าวกลับมาอย่างแน่นอน”
เธอกอดแขนของเขา ยิ้มตาหยีแล้วเอ่ยว่า “อีกอย่าง หากมีท่านคอยบัญชาการดูแลหอยาสวรรค์ ไม่ว่าข้าอยู่ที่ใดก็ล้วนวางใจ”
เขาหัวเราะในลำคอ ส่ายหัวยิ้มๆ “เจ้าหนอเจ้า! เอาเถอะ! ในเมื่อเจ้าพูดอย่างนี้แล้ว อย่างนั้นก็ทำตามความต้องการของเจ้าก็แล้วกัน! ระหว่างที่เจ้าไม่อยู่นี้ ข้าจะคอยดูแลจวนเฟิ่ง และคอยดูแลหอยาสวรรค์ รอเจ้ากลับมา”
“แต่ในเมื่อจะออกเดินทาง อย่างนั้นสิ่งที่ควรเตรียมพร้อมก็ต้องเตรียมพร้อม ยังมีอีก จำคำพูดของโม่เฉินไว้ เม็ดบัวเขียวก่อกำเนิดในตัวเจ้าขอเพียงสบโอกาสเมื่อใด ต้องรีบฝึกฝนทันที เพื่อให้บัวเขียวรีบเบ่งบาน”
“อืม วางใจเถอะ! ข้ารู้” เฟิ่งจิ่วยิ้มตาหยีพร้อมกับรับคำ
หลายวันต่อมา
เดิมทีเซวียนหยวนโม่เจ๋ออยากให้เธอออกจากเมืองไปอย่างเงียบๆ แต่ใครจะรู้ เฟิ่งจิ่วขี่หลังอสูรกลืนเมฆา แทนที่จะขี่กระบี่บิน เธอมุ่งหน้าออกจากนอกเมืองไปอย่างเอิกเกริกถึงเพียงนี้ ราวกับต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเธอออกจากหอยาสวรรค์แห่งเมืองร้อยนทีก็ไม่ปาน
เซวียนหยวนโม่เจ๋อที่รู้ความคิดของเธอตอนแรกคิดจะส่งคนไปคุ้มกันเธอ แต่ก็ถูกเธอปฏิเสธ เธอหวังว่าจะดึงดูดอำนาจในที่มืดมาที่เธอ ทำอย่างนี้พวกเขาก็จะไม่มีเวลาไปเล่นงานหอยาสวรรค์หรือพวกเซวียนหยวนโม่เจ๋อแล้ว
แล้วก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายของเธอ เธอที่ออกจากประตูเมืองถูกคนหมายหัวแล้ว…
………………………………….
ตอนที่ 2554 ดึงดูดศัตรู
กลิ่นอายอันแข็งแกร่งหลายสายปรากฏในดวงจิตที่กวาดสำรวจออกไปของเธอ เธอหยุดชะงักแล้วหันไปมองข้างหลังแวบหนึ่ง จากนั้นก็เก็บอสูรกลืนเมฆาเข้าไปในห้วงมิติ ไม่นานก็กระโดดขึ้นเหยียบกระบี่บิน เหาะสูงขึ้นไปเหนือท้องฟ้า
ครั้นเห็นเธอขี่กระบี่บิน คนพวกนั้นก็รีบตามไปติดๆ ผู้แข็งแกร่งหลายคนที่ตอนแรกซ่อนตัวอยู่พลันปลดปล่อยแรงกดดันออกมาในเวลานี้ พวกเขาเปลี่ยนจากอยู่ในที่ลับอยู่ในที่แจ้ง ไล่ตามหลังเฟิ่งจิ่วไปอย่างเปิดเผย
“เฟิ่งจิ่ว! มอบสิ่งนั้นมาเสีย!”
เสียงตวาดกร้าวดังมาจากข้างหลัง เสียงนั้นฟังดูทรงพลัง กระแสพลังสะท้านเบาๆ กลางอากาศ ทว่าเฟิ่งจิ่วที่มีกลิ่นอายของสัตว์เทวะโบราณปกป้องอยู่ไม่เกรงกลัวแรงกดดันเหล่านั้นอยู่แล้ว
เธอหันไปมองข้างหลังแวบหนึ่ง ก่อนจะเร่งความเร็วของกระบี่บิน แต่กลับไม่ได้ทิ้งระยะห่างมากนัก
เธอในชุดสีแดงสะดุดตาราวกับเปลวเพลิงขี่กระบี่บินอยู่ข้างหน้า ผู้แข็งแกร่งหลายคนที่อยู่ข้างหลังไล่ตามอย่างไม่ลดละ กระทั่งตั้งแต่เช้าจนพลบค่ำ ขณะที่หาะผ่านป่าเขาแห่งหนึ่ง เฟิ่งจิ่วที่เหาะเหินอยู่กลางอากาศตลอดพลันเก็บกระบี่บินแล้วดำดิ่งลงไปเบื้องล่าง
เธอดิ่งลงไปด้วยความเร็วสูง ราวกับไม่ได้ขับเคลื่อนกลิ่นอายพลังวิญญาณเพื่อปกป้องตนเอง หรือปรับลดระดับความเร็วในการดิ่งลง เพียงปล่อยให้ตนเองตกลงไปตามธรรมชาติ การกระทำที่ทำให้ไม่ทันตั้งตัวนั่น ทำให้ผู้ฝึกตนพวกนั้นที่กำลังไล่ตามเธอตะลึงงัน พอได้สติ ก็เห็นเงาร่างสีแดงนั่นพุ่งดิ่งลงไปในป่าทึบและหายลับไปในพริบตา
“บัดซบ!”
เดิมทีพวกเขาไล่ตามกันมาเพียงไม่กี่คน แต่ต่อมาก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งตามมาสมทบ เมื่อรวมกันจำนวนคนมีมากถึงสิบหกสิบเจ็ดคน แต่ต่อหน้าต่อตาคนสิบหกสิบเจ็ดคนอย่างนี้กลับปล่อยให้เฟิ่งจิ่วหนีไปได้!
ช่างน่าอับอายยิ่งนัก!
“ตามหา! ต้องตามหานางให้เจอ!”
ผู้ฝึกตนที่เป็นหัวหน้าตวาดเสียงกร้าว หลังจากพาคนเข้าไปในป่าทึบ เขาโบกมือ ส่งสัญญาณให้คนข้างหลังแบ่งออกเป็นกลุ่มละสองคนแยกย้ายกันตามหาในป่า
ทว่าเวลานี้ เฟิ่งจิ่วหายตัวเข้าไปในห้วงมิติแล้ว ทำให้ตามหากลิ่นอายของนางไม่เจอเลยแม้แต่นิดเดียว
เธอหาอะไรกินในห้วงมิติเพื่อเพิ่มเรี่ยวแรงเล็กน้อย จากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าสีแดง เปลี่ยนเป็นเสื้อกระชับตัวสีดำ เส้นผมสีดำถูกรวบสูง เมื่อเปลี่ยนการแต่งตัว ก็ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
นี่เหมือนจะเป็นครั้งแรกที่เธอใส่เสื้อกระชับตัวสีดำ แต่กลับรู้สึกว่าดูดีไม่น้อย เธอรอเวลาอยู่ในห้วงมิติ เพื่อให้ท้องฟ้าข้างนอกค่อยๆ มืดลง จากนั้นก็หายตัวออกจากห้วงมิติ ในมือถือดาบสั้นไว้เพียงเล่มเดียว
เธอที่เก็บซ่อนพลังสำรวจรอบๆ โดยใช้ดวงจิต หลังจากคอยเปิดประสาทสัมผัสรับรู้การเคลื่อนไหวรอบๆ เธอเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ เสื้อคลุมสีดำทำหน้าที่ปกป้องอำพรางตาได้เป็นอย่างดี กระทั่งเธอมาอยู่ข้างหลังผู้ฝึกตนคนหนึ่ง เขาก็ยังไม่รู้ตัว
เธอเอื้อมมือขยำคอเขาจากด้านหลัง บีบเส้นชีพจรชีวิตได้อย่างแม่นยำในครั้งเดียว พลางถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “พวกเขาเป็นใคร!”
ทว่าเมื่อเอ่ยประโยคนี้ออกไป สิ่งที่มากลับเป็นการกัดยาพิษฆ่าตัวตายของผู้ฝึกตนคนนั้น เธอมองผู้ฝึกตนที่ตายอยู่ในมือของเธอ ผู้ฝึกตนระดับปราชญ์เซียน กลับกัดยาพิษที่ซ่อนอยู่ใต้ลิ้นอย่างไม่ลังเลเพื่อที่จะซ่อนความลับอะไรบางอย่างไว้
นาทีนี้ หัวใจของเธอพลันเย็นเยียบ
เป็นกลุ่มอำนาจแบบใดกันแน่? ถึงได้ทำให้ผู้ฝึกตนระดับปราชญ์เซียนตระหนักได้ว่าตนเองไม่อาจหนีจากเงื้อมมือของพวกเขาได้ และเลือกที่จะฆ่าตัวตายอย่างนี้?
เธอสังหรณ์ใจว่า ศัตรูที่เธอต้องเผชิญแข็งแกร่งเกินไป แข็งแกร่งจนทำให้เธอเย็นเยียบไปทั้งใจ…
………………………………….