เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2557 ไม่น่าเสียดายหรือ / ตอนที่ 2558 ค่ายกลคือมายา
ตอนที่ 2557 ไม่น่าเสียดายหรือ
ทว่าชายชราไม่ลืมตา แม้แต่ลมหายใจก็สงบนิ่งดุจสายธาร นั่งนิ่งๆ ไร้ซึ่งคลื่นอารมณ์อันแปรปรวน เหมือนกำลังนอนหลับอย่างไรอย่างนั้น
เห็นชายชราแปลกประหลาดคนนี้นั่งนิ่งๆ ราวกับรอบข้างไร้ผู้คนเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วจ้องมองเขา ก่อนจะละสายตากลับไปจ้องที่มหาสมุทรผืนใหญ่ตรงหน้า
มหาสมุทรผืนใหญ่นี้เธอต้องเดินทางข้ามไป ในเมื่อใช้กลิ่นอายพลังวิญญาณจับปลาในนี้ไม่ได้ อย่างนั้นไม่สู้…
นัยน์ตาของเธอไหวระริก ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที เธอรีบถอดรองเท้าหนัง จากนั้นก็ถอดเสื้อตัวนอกสีแดงออก ใส่เพียงเสื้อผ้าด้านในเดินเท้าเปล่าเข้าไปในทะเล
ชายชราที่กำลังนั่งหลับตาเงียบๆ ราวกับได้ยินเสียงเคลื่อนไหว เขาลืมตาข้างหนึ่งมองออกไป นึกไม่ถึงว่ากลับเห็นหญิงสาวถอดเสื้อตัวนอกออก แม้แต่รองเท้าหนังก็ถอดออกด้วยแล้ว กำลังเดินเข้าไปในทะเลผืนกว้าง เขาตกใจจนเบิกตาโพลง
“แม่นางน้อย เจ้าอย่าคิดสั้นทำอะไรโง่ๆ สิ! ชีวิตคนเราเกิดมาแค่ครั้งเดียว หากตายก็ไม่เหลืออะไรอีกแล้วนะ!” เขารีบวิ่งเข้าไปฉุดเฟิ่งจิ่วที่กำลังจะเดินเข้าไปในทะเล
เฟิ่งจิ่วได้ยินอย่างนั้นก็มุมปากกระตุก เขาหันไปมองชายชราแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “ท่านลุง ข้าไม่ได้คิดสั้น ข้าแค่อยากลงไปดูในทะเล ได้ยินว่าใต้ท้องทะเลเต็มไปด้วยสมบัติ โดยเฉพาะอาหารทะเลที่ปกติไม่ค่อยได้เห็น ก็มีเฉพาะแค่ในทะเลลุกอย่างนี้ อุตส่าห์ได้มาเห็นทะเลกว้างใหญ่เช่นนี้แล้ว ไม่ลงไปสักครั้งไม่น่าเสียดายแย่หรือ?”
“หากเจ้าลงไปก็ขึ้นมาไม่ได้แล้ว ใต้ท้องทะเลนี้มีสัตว์ประหลาด สัตว์ประหลาดนั่นกินคนนะ” ชายชราบอกอีกครั้ง
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ “ท่านลุง เมื่อครู่ท่านบอกข้าแล้ว”
“ก็ใช่อย่างไรเล่า! แล้วเหตุใดเจ้ายังคิดจะเอาชีวิตลงไปทิ้งอีกเล่า! เจ้าว่าเจ้าก็เป็นแม่นางน้อยที่หน้าตางดงามถึงขนาดนี้ เหตุใดจึงได้คิดสั้นเช่นนี้นะ!” ชายชราดึงเธอไว้ ขณะพยายามเกลี้ยกล่อมไปด้วย “หากท้องเจ้าหิวอยากกินอะไรละก็ ไปที่บ้านข้า ไปกินที่บ้านข้าเป็นอย่างไร?”
“หา?” เฟิ่งจิ่วอึ้งงันเล็กน้อย เธอมองชายชราแวบหนึ่ง “ไปบ้านท่าน?” เฟิ่งจิ่วอดหันไปมองที่เนินเขาฝั่งนั้นไม่ได้ “ที่นั่นหรือ?”
“ใช่ๆ ที่นั่นแหละ ไปหรือไม่?”
เฟิ่งจิ่วที่ยืนอยู่ในน้ำทะเลครุ่นคิด ถามว่า “นี่จะไม่สะดวกหรือไม่?” ชายชราเป็นผู้ฝึกวรยุทธ์ อีกทั้งยังอยู่ในระดับปราชญ์เซียนแล้ว เห็นได้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา แต่เหตุใดพฤติกรรมจึงได้ดูแปลกๆ เช่นนี้?
ไม่ถามประวัติความเป็นมาของเธอ และไม่สนว่าเธอจะเป็นคนดีหรือคนเลว กลับบอกว่าจะพาเธอไปที่บ้านของเขา? เนินเขาฝั่งนั้น ดูเหมือนจะมีเขตอาคมหรือค่ายกลที่บังตาอะไรสักอย่างอยู่ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางที่เธอจะไม่เห็นบ้านเรือนเหล่านั้นตอนผ่านน่านฟ้าบริเวณนั้นมา
ตอนนี้ ชายชรากลับบอกว่าจะพาเธอไป ดูอย่างไรก็รู้สึกแปลกอยู่ดี
“ไม่หรอกๆ ข้าอยู่ตัวคนเดียว” ชายชรายิ้มตาหยี
เฟิ่งจิ่วครุ่นคิด ก่อนจะเดินกลับมา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นข้าก็ขอรบกวนด้วยก็แล้วกัน” เธอเดินกลับมาเช็ดเท้าทั้งสองข้างให้สะอาด จากนั้นก็ใส่รองเท่าหนัง และสวมเสื้อนอก ก่อนจะเดินตามชายชราไปที่เนินเขาทางนั้น
เป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆ ที่แห่งนั้นมีค่ายกลและเขตอาคมอยู่จริงๆ เธอเดินตามชายชราผ่าเขตอาคมและค่ายกลเหล่านั้นไป จนมาถึงข้างใน เพียงแต่ พอเห็นข้างใน เฟิ่งจิ่วอดตะลึงงันไม่ได้
ข้างในนี้มีบ้านเรือนอยู่สิบกว่าหลังคาเรือน แต่รอบๆ บ้านเรือนเหล่านี้กลับปลูกผักผลไม้ไว้ ยังมีเด็กบางกลุ่มวิ่งเล่นอยู่บนถนนเล็กๆ บ้างก็กำลังเด็ดผลไม้กิน พอเห็นชายชราพาเธอเข้ามากลับไม่มีใครแปลกใจ เพียงยิ้มทักทายชายชราเหมือนปกติ
………………………………….
ตอนที่ 2558 ค่ายกลคือมายา
ทุกอย่างเป็นไปอย่างธรรมชาติ แต่ท่ามกลางความเป็นธรรมชาติและดูปกตินี้ เธอกลับรู้สึกรางๆ ว่ามีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง เพียงแต่ อะไรกันแน่ที่ผิดปกติ เธอกลับบอกไม่ถูก
“น่าแปลก เหตุใดพวกเขาจึงสวมใส่เสื้อผ้ากลับด้านกันหมด?” เฟิ่งจิ่วเห็นว่าผู้คนที่เจอตลอดทาง ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ล้วนใส่เสื้อผ้ากลับด้านกันหมด
“อ้อ นี่เป็นความเคยชินของที่นี่ แต่ละถิ่นก็มีธรรมเนียมที่แตกต่างกันอย่างไรเล่า! หึๆๆ” ชายชราลูบหนวดหัวเราะ เดินมาหยุดใต้ต้นไม้จากนั้นก็เด็ดผลไม้สองสามลูกยื่นให้เฟิ่งจิ่ว “มาๆ รับไว้ กินรองท้องก่อน”
เฟิ่งจิ่วเห็นว่าผลไม้ในมือเพิ่งเด็ดมาสดๆ ใหม่ๆ หนำซ้ำเวลานี้ท้องก็หิวแล้ว จึงเอาผลไม้มาเช็ดเล็กน้อยแล้วกัดเข้าไปหนึ่งคำ สัมผัสในปากทั้งหอมหวานและกรอบอร่อย โดยเฉพาะเนื้อแน่นฉ่ำน้ำช่วยดับกระหายได้อย่างดี ทว่า เมื่อเธอเงยหน้ามองชายชราเพื่อจะเอ่ยขอบคุณ กลับเห็นว่าชายชราที่เคยยืนอยู่ตรงหน้าหายไปอย่างไร้ร่องรอยตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้แล้ว
“ท่านลุง?”
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนขานเรียก กวาดสายตามองไปรอบๆ แต่ทุกอย่างก็ยังคงเงียบ ผู้ใหญ่และเด็กพวกนั้นบ้างก็ง่วนกับงานตรงหน้า เด็กน้อยที่ปีนป่ายเล่นกันอย่างสนุกสนานก็ยังคงเล่นกันต่อไป
เธอหรี่ตาสังเกตรอบๆ ขณะพึมพำเบาๆ ว่า “ภาพมายาหรือ?”
ดูท่าวันนี้เธอเจอยอดฝีมือเสียแล้ว ชายชราคนนั้นบุคลิกดูสุขุมอ่อนโยน ไร้กลิ่นคาวเลือด แต่นึกไม่ถึงว่าจะเป็นยอดฝีมือที่ซ่อนคมไว้ในฝัก ตอนนี้กลับล่อเธอให้มาติดอยู่ในภาพมายานี้เสียแล้ว
ในเมื่อเป็นภาพมายาย ย่อมต้องมีวิธีทำลายมัน เพียงแต่ คนพวกนี้มันอย่างไรกัน? หากเป็นภาพมายาแล้วเหตุใดจึงมีคนพวกนี้ปรากฏตัวขึ้นมา?
เธอที่ติดอยู่ในภาพมายากำลังคิดหาวิธีทำลายภาพมายา ขณะเดียวกันที่ข้างนอก ชายชราที่ถือไม้เท้าไว้ในมือกำลังยกกระจกขึ้นดูอยู่ และในกระจกบานนั้น ก็มีเงาร่างของเฟิ่งจิ่วสะท้อนอยู่…
ด้านในนั้น เฟิ่งจิ่วถูกหญิงวัยกลางคนสองคนดึงไปที่ทางเดินเล็กๆ “ไปๆๆ บ้านข้ามีผลไม้และสุรากับเนื้อย่าง ข้าพาเจ้าไปกิน”
“นั่นสิ ที่นี่อยากได้อะไรล้วนมี มา พวกเราพาเจ้าไปกิน”
เฟิ่งจิ่วถูกหญิงสาวสองคนลากเดินไปบนถนนเล็กๆ กินอาหารและดื่มสุราในบ้านของสองคนนั้นไปไม่น้อย ทุกครั้งที่เธอจะบอกลา ก็จะมีเหตุผลและสุราที่ไม่อาจปฏิเสธยื่นมาให้
เธอกินดื่มอยู่ที่นี่ จนกระทั่งฟุบลงไปบนโต๊ะราวกับทนความเมามายไม่ไหว ทว่า หญิงสาวสองคนนั้นกลับยิ้มประคองเธอเข้าไปในห้อง พาเธอไปพักผ่อนเสร็จแล้วก็ถอยออกไป
พอทั้งสองคนออกไป เฟิ่งจิ่วลืมตาขึ้น ที่แห่งนี้สมจริงขนาดนี้ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับเข้าไปอยู่ในชนบทแห่งหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น คนที่นี่ก็ไม่มีเจตนาร้าย เป็นเพียงคนในชนบทปกติทั่วไป สถานที่เช่นนี้ กลับเป็นลวงที่เกิดขึ้นจากมายางั้นหรือ?
เธอเอนกายครุ่นคิดเงียบๆ อยู่บนเตียง เนิ่นนานก็ยังหาคำตอบไม่เจอ
ชายชราคนนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่? เหตุใดต้องล่อเธอเข้ามาในสถานที่เช่นนี้ด้วย? สามารถทำเช่นนี้ได้โดยที่เธอไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย ช่างยอดเยี่ยมเสียจริงๆ
เธอนอนหลับอยู่บนเตียง จนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มมืด เธอจึงเพิ่งลุกขึ้นอย่างได้สติ จากนั้นก็สำรวจที่แห่งนี้ไปทั่ว เมื่อเธอเดินออกมาได้ระยะขอบเขตหนึ่ง ก็จะเห็นสิ่งของที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่กลับมีอยู่จริงๆ เธอก็จะรู้สึกแปลกทุกครั้ง
เหตุใดค่ายกลและเขตอาคมนี่จึงได้ประหลาดเช่นนี้? เธอคิดไม่ออกเลยจริงๆ โดยเฉพาะเมื่อเธอเดินไปทั่วบริเวณนี้แล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นค่ายกลที่ถูกร่ายไว้ ก็ยิ่งรู้สึกงุ่นง่านใจ
………………………………….