เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2559 ผู้คุ้มครอง / ตอนที่ 2560 ลงทะเล
ตอนที่ 2559 ผู้คุ้มครอง
“ทำไมเป็นเช่นนี้ได้? ไม่ใช่ค่ายกลมายาหรอกหรือ? นี่มันเป็นไปไม่ได้”
เธอเดินไปตามเส้นทางที่ชายชราพาเธอเข้ามา แต่กลับค้นพบว่าอย่างไรก็หาจุดสิ้นสุดไม่เจอ ที่แห่งนี้ราวกับเป็นวงกลมที่เมื่อเดินวนครบหนึ่งรอบแล้วก็จะกลับมาที่เดิม
ด้วยความเชี่ยวชาญที่เธอมีต่อค่ายและเขตอาคม ไม่มีทางที่จะหาทางออกไปไม่ได้ เพียงแต่ที่นี่จะต้องมีอะไรที่ผิดปกติอย่างแน่นอน เหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่เธอมองข้ามไป
“ไม่ได้การ ข้าต้องคิดให้ดี”
เธอเดินช้าๆ ไปตามหน้าห้องเล็กๆ สิบกว่าห้องนี้ เดินไปทีละก้าวๆ กระทั่งมาถึงที่ข้างๆ น้ำบ่อแห่งหนึ่ง
“ตรงไหนกันแน่ที่ข้ามองข้ามไป? ตรงไหนกันแน่ที่ผิดปกติ?” เธอพึมพำเบาๆ ขณะที่สายตาจับจ้องไปที่พระจันทร์ในน้ำบ่อด้วยความบังเอิญ เพราะกำลังใช้สมอง แม้สายตาจะจับจ้องไปที่พระจันทร์ แต่กลับครุ่นคิดถึงปัญหาต่างๆ โดยมองพระจันทร์เฉยๆ
ทว่าพลันใดนั้น ประกายสว่างวาบพาดผ่านเข้ามาในหัว เธอพุ่งตัวไปข้างหน้า เมื่อจ้องมองพระจันทร์ในน้ำนั่น ก็อดเบิกตากว้างด้วยความตะลึงไม่ได้
“กลับด้าน? เหตุใดจึงกลับด้าน?” เธอเงยหน้าขึ้นโดยสัญชาตญาณ เป็นดังคาด เธอเห็นพระจันทร์กลางท้องฟ้ากลับด้านอยู่จริงๆ แล้วความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว
“ที่แท้ก็อย่างนี้เอง…”
ไม่น่าเล่า ไม่น่าคนพวกนี้ถึงได้ใส่เสื้อผ้ากลับด้าน ไม่น่าที่แห่งนี้ถึงได้ให้ความรู้สึกแปลกๆ กับเธอ ที่แท้เพราะที่นี่กลับด้านนี่เอง!
หมายความว่า เธอน่าจะไม่ได้อยู่ในค่ายกลมายา แต่อยู่ในกระจก!
มีเพียงอยู่ในกระจก สรรพสิ่งทุกอย่างจึงจะกลับด้าน! ในเมื่อหาเหตุผลเจอแล้ว เช่นนั้น จะออกจากที่นี่ก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว!
เธอหัวเราะในลำคอ ใช้สองมือเท้าคางนั่งลงที่ข้างน้ำบ่อ เปล่งวาจาที่แฝงกลิ่นอายพลังวิญญาณออกไป “ท่านลุง ท่านจะปล่อยข้าออกไปเอง? หรือจะให้ข้าทำลายกระจกเน่าๆ ของท่านดี?”
“เอ๊ะ? เจ้ารู้ว่าเป็นกระจก?” จู่ๆ เสียงอันประหลาดใจของชายชราก็ดังขึ้น
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ “นอกจากระจก ยังมีอะไรที่กลับด้านอีกเล่า? หากข้าเดาไม่ผิด ข้าน่าอยู่ในกระจกที่เป็นอาวุธพิเศษชิ้นหนึ่งกระมัง?”
“แม่นางน้อยช่างฉลาดนัก นี่เพิ่งจะผ่านไปนานเท่าไรเอง? กลับไขปริศนาคันฉ่องจันทร์มายาของข้าได้แล้ว”
ชายชรายิ้มตาหยีขณะเอ่ย น้ำเสียงเป็นปกติ ราวกับกำลังพูดคุยหยอกเล่นกับเฟิ่งจิ่วอยู่ก็ไม่ปาน เขาไม่ได้ปล่อยเฟิ่งจิ่วออกไปตามที่เธอบอก แต่กลับยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ในเมื่อเจ้ารู้แล้ว อย่างนั้นเจ้าก็ออกมาเองก็แล้วกัน! หากหาทางออกไม่เจอ อย่างนั้นเดาว่าเจ้าคงต้องอยู่ในนั้นไปอีกพักหนึ่งเลยละ”
เฟิ่งจิ่วได้ยินอย่างนั้นก็ไม่ได้แปลกใจเลยแม้แต่น้อย เธอเพียงยิ้มๆ และยังคงนั่งอยู่ข้างน้ำบ่อพลางถามว่า “ท่านลุง ทำไมท่านต้องล่อข้าเข้ามาในนี้? เข้ามานานขนาดนี้ ท้องของข้าก็ยังคงว่างเปล่าเหมือนเดิม”
“หึๆๆ คนที่มาถึงทะเลหมื่นมายาได้จะใช่คนธรรมดาเสียที่ไหนเล่า? ในเมื่อมาถึงที่นี่ ย่อมต้องผ่านด่านตาเฒ่าเช่นข้าไปก่อน” เสียงกลั้วหัวเราะของชายชราดังกระทบโสตประสาทของเฟิ่งจิ่ว ได้ยินเพียงเขาถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ “แม่นางน้อย เจ้ามาจากที่ไหนหรือ? ชื่ออะไร? แล้วหาที่นี่เจอได้อย่างไร?”
ทะเลหมื่นมายา? เฟิ่งจิ่วพึมพำชื่อนี้ในใจ แผนที่ที่ผู้เฒ่าเทียนจีมอบให้วาดไว้เพียงว่าที่นี่มีทะเล แต่กลับไม่ได้บอกไว้ว่าที่นี่ชื่ออะไร แต่ฟังจากที่ชายชราพูด หรือว่าเขาก็คือคนที่เฝ้ารักษาทะเลผืนนี้อยู่?
“แม่นางน้อย? แม่นางน้อย? เอ๋ เจ้าไม่พูดอะไรข้าก็จะไปนอนก่อนแล้ว” ชายชราเอ่ยจบก็อ้าปากหาว จากนั้นก็วางกระจกในมือไว้ด้านหนึ่ง
………………………………….
ตอนที่ 2560 ลงทะเล
ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก เฟิ่งจิ่วเองก็เงียบเช่นกัน เธอนั่งอยู่ข้างน้ำบ่อ มองสำรวจที่นี่อย่างละเอียดหนึ่งรอบ เสาะหาหนทางที่จะออกไปจากที่นี่
เธอแหงนหน้ามองจันทร์เสี้ยวที่ลอยเด่นอยู่เหนือฟ้า สุดท้ายก็หันกลับมามองที่ปากน้ำบ่อ ประกายไหววูบพาดผ่านดวงตาไป
ที่แท้ก็อย่างนี้เอง!
เธอพลันสะท้านไปทั้งใจ ในที่สุดก็เข้าใจแล้ว เฟิ่งจิ่วลุกพรวด มองดูประกายเหนือผิวน้ำที่ระยิบระยับ จันทร์เสี้ยวส่องสะท้อนกลับด้าน เธอเม้มปากยิ้ม จากนั้นก็กระโดดลงไป
ชายชราที่หลับตานอนอยู่พลันตื่นขึ้นมา ชะโงกมอง ก็เห็นกระจกที่วางอยู่ด้านหนึ่งมีประกายวาบผ่าน ไม่นาน หญิงสาวในชุดสีแดงก็ออกมาจากในนั้น
“อ้าว? ออกมาแล้วหรือ?” เขาคาดไม่ถึง นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าแม่นางน้อยคนนี้ยังอายุน้อยก็ออกมาจากในนั้นได้เร็วขนาดนี้แล้ว ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
“ท่านลุง ตอนนี้คุยกับข้าดีๆ ได้แล้วกระมัง?” เฟิ่งจิ่วนั่งลงข้างๆ จ้องชายชราขณะถามคำถามนี้
“คุยอะไร? ข้าแค่จะดูว่าเจ้ามีปัญญาออกจากทะเลได้หรือไม่ ไม่มีอะไรจะคุยกับเจ้าหรอก” ชายชราเอนกายนอนลงบนพื้นทราบ ยกเท้าไขว้ห้างแล้วหลับตา “ข้าจะนอนแล้ว เจ้าอย่ารบกวนข้า”
เฟิ่งจิ่วชะงักงัน ถามว่า “ท่านจะถามว่าข้ามาจากที่ไหน? ชื่ออะไรไม่ใช่หรือ?”
“เฮ้อ ช่างเถอะ ตอนนี้ไม่อยากถามแล้ว” ชายชราตอบ ก่อนจะหลับต่ออย่างไม่สนใจเฟิ่งจิ่ว
เฟิ่งจิ่วมุมปากกระตุก รู้สึกว่าชายชราผู้นี้ไม่เล่นตามกฎกติกา
เธอเงยหน้ามองท้องฟ้า พบว่ายังอีกนานกว่าฟ้าจะสาง! ด้วยเหตุนี้จึงเอาเสื้อออกจากห้วงมิติมาปูบนพื้น จากนั้นก็เอาผ้าห่มกันลมมาคลุมตนเองไว้แล้วพักผ่อน
ใช้ผืนฟ้าเป็นผ้าห่ม ใช้แผ่นดินเป็นเตียงนอน อีกทั้งยังหันหน้าไปทางทะเลผืนใหญ่ หันหลังไปทางขุนเขา ได้นอนพักที่นี่นับว่าให้ความรู้สึกที่แตกต่างมาก มองดูดวงดาวอันพร่างพราวบนผืนฟ้า รู้สึกว่าตนเองนั้นช่างเล็กกระจิดริดเหลือเกิน เธอฟังเสียงคลื่นกระทบชายฝั่ง ฟังเสียงสายตากลางคืนกรีดพัด ก่อนจะหลับไปอย่างช้าๆ…
เช้าวันต่อมาขณะที่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง เฟิ่งจิ่วตื่นแล้ว เธอนั่งกอดเข่าทั้งสองข้างอยู่ริมทะเล มองดูดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆ โผล่พ้นผิวน้ำทะเล อดหรี่ตาลงไม่ได้
ดูพระอาทิตย์ตกข้างชายหาดนี่ให้ความรู้สึกที่ต่างกันมากจริงๆ
มองดูพระอาทิตย์ลอยขึ้นทางทิศตะวันออก แสงสว่างสาดส่องลงบนผิวทะเล ส่องประกายระยิบระยับแพรวพราว งดงามอย่างมาก เธอลุกขึ้น บิดขี้เกียจ จากนั้นก็จับจ้องไปยังทะเลผืนใหญ่ตรงหน้าอีกครั้ง
จนถึงตอนนี้ เธอยังอยากกินอาหารทะเลมื้อใหญ่สักมื้อ แล้วก็อยากถือโอกาสสำรวจดูว่าทะเลผืนนี้มีสัตว์ประหลาดอะไรอยู่กันแน่
ด้วยเหตุนี้ เธอถอดรองเท้าหนัง ก่อนจะถอดเสื้อคลุมวางไว้ด้วยกันที่ด้านหนึ่ง ปลายเท้าเขย่งขึ้น กระโดดเข้าไปในทะเล เสียงตู้มนั่น ปลุกชายชราให้ตื่นจากหลับใหล
ชายชราที่ลุกนั่งพรวดจ้องหยดน้ำที่กระเซ็นอยู่เหนือผิวทะเล จากนั้นก็หันไปมองรองเท้าหนังและเสื้อตัวนอกที่วางไว้ด้านหนึ่ง เขาอดส่ายหน้าพร้อมกับลูบหนวดไม่ได้ “ช่างใจกล้าจริงๆ ยังกล้าลงไปใต้ทะเลอีก! ได้ ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะจับอะไรกลับมาได้บ้าง” เขาเอนกายลงแล้วหรี่ตาลงต่อ แต่ครั้งนี้กลับไม่ได้นอนหลับสนิท เพราะเขามุ่งสมาธิไปที่การเคลื่อนไหวที่ผิวน้ำทะเลไปด้วย
ขณะเดียวกัน เฟิ่งจิ่วที่ลงทะเลไปแล้วกำลังลืมตามองดูอยู่ใต้น้ำทะเล รู้สึกเพียงว่าลืมตาในน้ำแล้วแสบตาเล็กน้อย อีกอย่าง สิ่งที่เธอนึกไม่ถึงก็คือน้ำทะเลยิ่งลึกก็ยิ่งหนาว เหมือนที่ชายชราพูดจริงๆ แม้จะลึกจนมองไม่เห็นก้นบึ้งก็ยังไม่มีกุ้งหอยปูปลาปรากฏตัวแม้แต่ตัวเดียว
ดำน้ำเป็นเวลานาน กระทั่งรู้สึกว่ากลั้นหายใจต่อไม่ไหวแล้ว เธอจึงค่อยว่ายขึ้นไปข้างบน ก่อนที่จะโผล่พรวดขึ้นเหนือผิวน้ำ
………………………………….