เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2563 แลกเปลี่ยน / ตอนที่ 2564 อยู่ห่างๆ ข้าหน่อย
ตอนที่ 2563 แลกเปลี่ยน
สัตว์ร้ายทั้งสองรับคำ ก่อนจะสาวเท้าเดินไปที่กิ่งไม้ แต่พวกมันได้ทำเพียงคาบกลับมาทีละกิ่ง ทั้งสองเดินกลับไปกลับมาระหว่างป่าและชายหาดครั้งแล้วครั้งเล่า
ส่วนเฟิ่งจิ่วนั้นเก็บก้อนหินแถวๆ นั้นมาล้อมเป็นเตาไฟแบบง่ายๆ หลังจากนำกิ่งไม้มาจุดไฟก็เอาหม้อใหญ่ใบหนึ่งออกมาจากห้วงมิติและใส่น้ำที่มาจากห้วงมิติเช่นกัน จากนั้นก็เอาปูที่จับไว้ในถุงฟ้าดินลงไปต้ม พลางจัดการปลาและกุ้งที่เหลือไปด้วย
หลังจากต้มปูเสร็จ เธอก็ฆ่าเจ้าหมึกยักษ์ จากนั้นก็ใช้แผ่นเหล็กมาย่างหนวดของมัน โรยเครื่องเทศลงไปเล็กน้อย กลิ่นหอมฉุยลอยกระจายไปตามสายลมทะเลทันที
ชายชราเมื่อได้กลิ่นหอม ก็อดลืมตาขึ้นมาข้างหนึ่งไม่ได้ เขามองดูเธอเอาหนวดหมึกแต่ละเส้นวางย่างไว้บนแผ่นเหล็กด้วยความแปลกใจ กลิ่นหอมๆ นั่น ทำให้ท้องของเขาส่งเสียงร้องโครกครากอย่างไม่อาจควบคุม
เฟิ่งจิ่วได้ยินก็ช้อนตาขึ้นมองแวบหนึ่งอย่างยิ้มๆ เห็นกลืนเมฆากับเจ้าเสือขาวกลับมาแล้ว จึงเอ่ยกับพวกมันว่า “เอาละ พอแล้ว รออยู่ตรงนี้นะ! เดี๋ยวก็ได้กินแล้ว”
เธอวางอาหารที่ย่างเสร็จแล้วไว้ในจานใหญ่ให้กลืนเมฆากับเจ้าเสือน้อยกิน ส่วนตนเองก็กินหนวดหมึกเส้นหนึ่งไปด้วย จากนั้นก็กินปูหนึ่งตัว
“สถานที่ดี อาหารทะเลสดใหม่มาก” เธอดื่มดำกับอาหารอันเลิศรส กินไปพลาง คอยดูหนวดหมึกย่างบนแผ่นเหล็กไปพลาง เห็นกลืนเมฆากับเจ้าเสือน้อยกินค่อนข้างเร็ว เธอจึงยกหมึกยักษ์ตัวนั้นให้พวกมันสองตัวกินทั้งหมด
ชายชราที่ได้กลิ่นหอมหวนได้แต่กลืนน้ำลาย เห็นเฟิ่งจิ่วไม่เรียกเขาไปกินจริงๆ จึงอดบ่นในใจไม่ได้ ‘แม่นางน้อยคนนี้ช่างไม่น่ารักเสียเลย ทำไมไม่รู้จักให้ความเคารพผู้อาวุโสบ้างเล่า?’
เขาอยากไปทางนั้น แต่ก็รู้สึกว่าศักดิ์ศรีค้ำคอ แต่หากไม่ไป กลิ่นหอมนั่นก็ทำให้เขาอดกลืนน้ำลายไม่ได้อีก สุดท้าย เขาลุกขึ้น ปั้นหน้ายิ้มแห้งๆ เดินเข้าไป “แม่นางน้อย เจ้าย่างอะไรหรือ? ทำไมหอมเช่นนี้? แต่ก่อนข้าไม่เคยเห็นวิธีการทำอาหารเช่นนี้เลย! นี่โรยเครื่องเทศอะไรไว้หรือ?”
“สูตรลับประจำตระกูล” เฟิ่งจิ่วตอบ จงใจดันเนื้อชิ้นโตไปตรงหน้ากลืนเมฆา “กลืนเมฆา รีบกิน เย็นแล้วจะไม่อร่อย”
ชายชรากลืนน้ำลาย สูดกลิ่นหอมของเนื้อเต็มปอด ก่อนจะเอ่ยอย่างยิ้มแห้งๆ ว่า “แม่นางน้อย ข้าผิดไปแล้ว ข้าน่าจะช่วยเจ้าแท้ๆ เจ้าดูว่าแบ่งให้ข้ากินบ้างได้หรือไม่? ข้าเองก็ไม่เคยกินของพวกนี้ อยากลองกินนัก”
เฟิ่งจิ่วหยุดการเคลื่อนไหวที่มือ หันไปมองเขาเล็กน้อย ก่อนถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ “ท่านคิดจะกินเปล่าๆ?”
“หา? กะ กินเปล่าๆ?” ชายชราหน้าแดง นึกในใจว่าเขาเป็นถึงใครกัน? จะกินของคนอื่นเปล่าๆ ได้เสียที่ไหน? ด้วยเหตุนี้ เขารีบเอ่ยขึ้นมาว่า “ไม่กินของเจ้าเปล่าๆ หรอก ข้าให้เงินเจ้า”
“ไม่เอา” เฟิ่งจิ่วส่ายหน้า ปฏิเสธออกไปตรงๆ “ข้าไม่อยากได้เงิน”
“อย่างนั้นเจ้าอยากได้อะไร?” ชายชราถาม แต่กลับเห็นเธอยิ้มๆ ไม่พูดอะไรอีก เขามองดูเธอเอากุ้งขนาดสามสี่จินมาผ่ากลางแล้วย่างอยู่เหนือไฟ ซ้ำยังโรยเครื่องเทศลงไปบนเนื้อกุ้งอีก กลิ่นหอมที่แปลกใหม่และพิเศษนั่นกระจายออกมา เขาอดหวั่นไหวไม่ได้
“ใช่แล้ว ข้ามีของดีมากมาย ไม่สู้ข้าเอาให้เจ้าดีหรือไม่?” ขณะเอ่ย เขาควานหาของบนตัว ไม่นานก็ล้วงเอาเรือเล็กลำหนึ่งออกมา
“เจ้าจะออกทะเล อย่างไรก็ต้องใช้เรือกระมัง! ข้าจะบอกเจ้าให้ ของประเภทเรือบินไม่มีประโยชน์หรอก ใช้ได้แค่เรือของข้าเท่านั้น” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าย่ามใจ
………………………………….
ตอนที่ 2564 อยู่ห่างๆ ข้าหน่อย
เฟิ่งจิ่วจ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นมือไปรับมา “ก็ได้! นั่งรอครู่หนึ่ง กุ้งตัวใหญ่นี่ย่างให้ท่าน”
ได้ยินเช่นนั้น ชายชราดีใจ “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าไม่ใช่แม่นางน้อยที่แล้งน้ำใจ”
เฟิ่งจิ่วยิ้ม ยื่นหนวดหมึกที่ย่างเสร็จแล้วให้เขา รวมถึงปูที่ต้มเสร็จแล้วด้วย ชายชรากินอย่างเอร็ดอร่อย ดวงตากลับเอาแต่จ้องมองกุ้งย่างตัวใหญ่ กระทั่งเฟิ่งจิ่วยื่นกุ้งมาใส่จานของเขา เขาจึงฉีกยิ้มกว้าง
“เพิ่งเคยเห็นวิธีการทำอาหารเช่นนี้เป็นครั้งแรก แม่นางน้อย ฝีมือของเจ้าช่างไม่เลวเลยจริงๆ!” เขากินไปพลาง ชื่นชมไปพลาง ก่อนจะถามว่า “แม่นางน้อย แล้วทำไมเจ้าต้องออกทะเลด้วย? เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนมากมายที่ออกไปแล้วไม่ได้กลับมาอีก ทะเลผืนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนอยากจะออกไปท่องก็ท่องได้”
เฟิ่งจิ่วเก็บกลืนเมฆากับเจ้าเสือน้อยที่กินอิ่มแล้วเข้าไปในห้วงมิติ ก่อนจะจัดการเม่นทะเล เธอพูดคุยกับชายชราไปพลาง ง่วนกับงานในมือไปพลาง ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็ยื่นเม่นทะเลที่จัดการเสร็จแล้วให้ชายชรา
“เอ้า ลองชิมนี่ดู นี่ของดีเชียวนะ บำรุงกำลังวังชา”
“นี่ยังดิบอยู่ กินได้หรือ?” ชายชรามองเฟิ่งจิ่วด้วยสีหน้าตะลึง
“กินได้”
ชายชราลองอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง สัมผัสที่ลิ้มรสได้นั้นสดใหม่และหอมหวาน ด้วยเหตุนี้จึงกินเม่นทะเลพวกนั้นจนหมด เพียงแต่หลังจากกินเม่นทะเลพวกนั้นหมดแล้ว เขาพลันนึกขึ้นมาได้ “ข้าเพิ่งกินของสุก ตอนนี้ก็กินของดิบอีก ท้องจะเสียหรือไม่?”
“หึๆ” เฟิ่งจิ่วหัวเราะในลำคอ “อันนี้ เดาว่าอาจจะ น่าจะไม่กระมัง!” แม้จะพูดเช่นนี้ แต่สีหน้ากลับไปคนละทาง
ชายชราเห็นอย่างนั้นก็ทำท่าจะพูดอะไร แต่สีหน้าของเขากลับเปลี่ยนจากเขียวเป็นขาว ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมากุมท้อง “ไม่ได้การๆ พูดถึงก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมาเลย ข้าต้องไปทำธุระสักหน่อย” เอ่ยจบ เขาก็วิ่งหนีบขาเข้าไปในป่า
เฟิ่งจิ่วหัวเราะเบาๆ หยิบเรือเล็กลำนั้นขึ้นมาพินิจดู เห็นว่าเป็นอาวุธเซียนที่หายากชิ้นหนึ่งจริงๆ จึงเก็บเอาไว้ ตั้งใจว่าจะพักสักหน่อยแล้วค่อยออกทะเล
ทว่าขณะที่เธอกำลังเอนกายพักผ่อนอยู่บนพื้นทราย ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ถึงดวงตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองเธอ เธอรีบลืมตาขึ้นมา ก็เห็นผู้ฝึกตนคนหนึ่งขี่กระบี่บินเข้ามา เขาทิ้งตัวลงจากกลางอากาศ และยืนมองเธออยู่ไม่ไกล
สายตาที่อีกฝ่ายมองเธอ ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจนัก โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นจ้องมาที่เท้าอันเปลือยเปล่าของเธอ ทำให้สีหน้าของเธอพลันเย็นชาลงมาทันที
“ท่านช่างไร้มารยาทนัก!” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนบนพื้นทราย
“แม่นางเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่เพียงลำพัง?”
ผู้ฝึกตนคนนั้นสาวเดินเข้ามาช้าๆ ดวงตายังคงจับจ้องมาที่เฟิ่งจิ่ว เพียงแต่คราวนี้เขาจ้องดวงหน้าของเธอ ก่อนจะเลื่อนสายตาลงไปที่ลำคอยาวระหงของเธอ แววตาเหิมเกริมไร้มารยาท คล้ายไม่เห็นเธออยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
ก็ไม่แปลก เวลานี้เฟิ่งจิ่วเก็บซ่อนกลิ่นอายพลังเอาไว้ คนทั่วไปมองระดับวรยุทธ์ของเธอไม่ออก คนคนนี้มีวรยุทธ์อยู่แค่ระดับปราชญ์เซียนก็กล้าเหิมเกริมกับเธอเช่นนี้ นั่นเพราะมองวรยุทธ์ของเธอไม่ออก
เฟิ่งจิ่วหันตัวเดินไปทางรองเท้าที่วางไว้ด้านหนึ่ง ขณะกำลังจะสวมใส่รองเท้า กลับเห็นผู้ฝึกตนคนนั้นโฉบกายมายืนตรงหน้าเธอ“แม่นาง ได้ยินมาว่าที่นี่มีผู้คุ้มครองทะเลอยู่ ไม่ทราบว่าแม่นางเห็นบ้างหรือไม่?”
เธอขมวดคิ้ว มองคนตรงหน้า ก่อนตะคอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อยู่ห่างๆ ข้าหน่อย!” เอ่ยจบ ก็สะบัดแขนเสื้อ กระแสพลังขุมหนึ่งถูกซัดออกไป
………………………………….