เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2565 จากลา / ตอนที่ 2566 ท้องฟ้าราตรี
ตอนที่ 2565 จากลา
ผู้ฝึกตนคนนั้นไม่ได้ตั้งตัว เซถอยหลังไปหลายก้าวกว่าจะหยัดยืนอย่างมั่นคงได้ เขาหรี่ตามองหญิงสาวหน้าตางดงามตรงหน้าที่ปั้นหน้าเย็นชา ก่อนจะยิ้มอย่างประหลาดใจ “แม่นางเก่งกาจนัก”
เฟิ่งจิ่วตวัดมองเขาอย่างเย็นชา ละสายตากลับมา ปัดทรายใต้เท้าให้สะอาด ก่อนจะสวมรองเท้าหนัง
อย่างไรผู้ฝึกตนคนนั้นก็เป็นผู้ผ่านโลกมาก่อน ด้วยวรยุทธ์ระดับปราชญ์เซียนขั้นสูงสุดของเขา ย่อมไม่กระโดดใส่คนงามอย่างไร้สติเหมือนผีลามก โดยเฉพาะหลังจากที่อีกฝ่ายสะบัดแขนเสื้อมาอย่างนั้น เขาก็ยิ่งระวังตัวขึ้นอีกหลายส่วน
หากจะบอกว่าก่อนหน้านี้ยังมีใจคิดจะเกี้ยวหญิงงามอยู่หลายส่วน อย่างนั้นตอนนี้ ความคิดนั้นก็ถูกกดข่มไว้แล้ว เขาต้องมองหญิงงามในชุดสีแดงตรงหน้านี้ใหม่อีกครั้งเสียแล้ว
คนคนนี้ซ่อนวรยุทธ์ไว้อย่างนั้นหรือ?
ครั้นความคิดนี้ผุดขึ้นมา เขารู้สึกเหลือเชื่อ ผู้หญิงคนนี้ยังอายุไม่มาก อายุกระดูกก็เท่านี้ หรือผู้หญิงที่ยังเด็กขนาดนี้จะมีวรยุทธ์ที่น่าทึ่งแล้ว? เขากลับไม่อยากเชื่ออย่างนั้น
เพียงแต่เพราะเหตุการณ์เมื่อครู่ ทำให้ตอนนี้เขาไม่คิดจะทำอะไรเธออีก
เฟิ่งจิ่วสวมรองเท้าเสร็จก็เดินไปที่ริมทะเล พลิกมือเล็กน้อย เรือน้อยลำนั้นปรากฏกลางฝ่ามือ เธอใช้เข็มเงินจิ้มนิ้วมือแล้วหยดเลือดใส่เข้าไป จากนั้นก็โยนเรือน้อยลงไปในทะเล
เห็นเพียงเรือน้อยมีขนาดใหญ่ขึ้นในพริบตา ลอยอยู่เหนือผิวทะเลต้านทานคลื่นที่ซัดสาดเข้ามา ขณะที่เธอเขย่งปลายเท้าจะกระโดดขึ้นไปบนเรือน้อย เสียงร้อนรนของชายชราดังมา
“แม่นางน้อยๆ นี่เจ้าจะไปแล้วหรือ?” ชายชราเดินสาวเท้าเร็วๆ ออกมาจากในป่า มองเฟิ่งจิ่วที่ยืนอยู่ริมทะเล และเรือน้อยที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอาลัยอาวรณ์
หากนางไป เขาก็ยากจะมีโอกาสได้กินของอร่อยพวกนั้นอีก
“ท่านลุง ข้าจะไปแล้ว ของพวกนั้นยกให้ท่านก็แล้วกัน! รักษาตัวด้วย ลาก่อน!” เธอประสานมือคารวะ เขย่งปลายเท้ากระโดดขึ้นไปบนเรือน้อย
ผู้ฝึกตนที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นอย่างนั้นก็นัยน์ตาไหวระริก สายตาจับจ้องไปที่เรือน้อย เขาหันกลับมามองชายชราแวบหนึ่ง “ท่านก็คือผู้คุ้มครองทะเล?”
ชายชราเหลือบมองผู้ฝึกตนแวบหนึ่ง แม้แต่พูดก็ยังขี้คร้านจะพูดด้วย เขาหันไปมาทางเตาไฟ จ้องมองอาหารเหล่านั้น สลับกับมองเงาร่างที่ห่างออกไปแล้ว ในใจมีความรู้สึกที่บอกไม่ถูกผุดขึ้นมา
เขาเฝ้าคุ้มครองทะเลผืนนี้อยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว ยังไม่เคยมีใครทำอาหารให้เขากินสักครั้ง มีเพียงแม่นางน้อยคนนี้คนเดียว
นึกมาถึงตรงนี้ เขาหันไปมองเรือน้อยและเงาร่างสีแดงที่ค่อยๆ ไกลออกไป ก่อนจะขยับดวงจิต ส่งสารจากระยะไกลไปทันใด
“แม่นางน้อย เกาะเซียนเฝิงไหลอยู่ในทะเลแถบนี้แหละ เพียงแต่การปรากฏตัวของมันกลับเหมือนภาพลวงตา ล่องลอยไม่เหมือนอยู่ในโลกมนุษย์ จากที่ข้ารู้มา เกาะเฝิงไหลนี้จะปรากฏตัวทุกครึ่งเดือน ห่างจากครั้งล่าสุดที่ปรากฏตัวยังมีเวลาอีกหลายวัน เจ้าต้องคำนวณให้ดี นอกจากนี้สัตว์ประหลาดในทะเลแถบนี้จะโจมตีเรือเล็ก เจ้าต้องระวังตัวด้วย”
ได้ยินเสียงที่ส่งมาจากระยะไกล เฟิ่งจิ่วชะงักเล็กน้อย เธอยืนอยู่บนเรือน้อยหันกลับไปมองที่ฝั่ง เห็นชายชรายืนจ้องมองมาทางเธอ จึงอดเผยยิ้มไม่ได้
เธอโบกมือให้ชายชรา ตะโกนบอกว่า “ท่านลุง รอข้ากลับมาจะทำของอร่อยให้กินอีก”
ได้ยินอย่างนั้น ชายชราอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้
ผู้ฝึกตนที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งเห็นอย่างนั้นก็รีบสาวเดินไปที่ริมทะเล รวบรวมพลังหมายจะกระโดดตามเรือน้อยของเฟิ่งจิ่วไป…
………………………………….
ตอนที่ 2566 ท้องฟ้าราตรี
ทว่าชายชราที่เห็นเหตุการณ์เพียงแค่นเสียงในลำคอ เขาขว้างของสิ่งหนึ่งออกไป ของสิ่งนั้นสะท้อนแสงแยงตาภายใต้แสงอาทิตย์ ผู้ฝึกตนคนนั้นราวกับสัมผัสได้ รีบหันกลับไป กลับเห็นเพียงประกายแสงแยงตานั่นมีแรงดึงดูดอันน่าประหลาดกระจายออกมา พริบตาต่อมา ตัวเขาเสียหลักราวกับถูกดูดเข้าไปในวังน้ำวน
เฟิ่งจิ่วมองดูเหตุการณ์จากที่ไกลๆ เห็นชายชราโบกมือให้เธอ เธอเผยยิ้ม ก่อนจะหันตัวไปนั่งลงบนเรือน้อย ส่วนผู้ฝึกตนคนนั้นน่ะหรือ? ไม่ใช่เรื่องที่เธอควรสนใจแล้วละ
เรือน้อยล่องลอยอยู่เหนือผิวน้ำทะเล ภายใต้การขับเคลื่อนของกลิ่นอายพลังวิญญาณ มันล่องเข้าไปยังส่วนลึกของทะเล กระทั่งเมื่อหันหลังไปแล้วมองไม่เห็นทิวทัศน์บนชายฝั่ง เฟิ่งจิ่วจึงเดินเข้าไปในห้องพักของเรือน้อย ถอดเสื้อผ้าผู้หญิงสีแดงบนตัวออก รัดหน้าอก แล้วเปลี่ยนไปใส่เสื้อผ้าผู้ชายสีแดง
เธอที่เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่แล้ว ลบคราบหญิงงามล้ำเลิศออกไป แทนที่ด้วยกลิ่นอายหยิ่งผยองและมีเสน่ห์ เธอเดินออกจากห้องพักเรือ มองผิวน้ำทะเลโดยรอบ สายตาไหวระริก
เมฆหมอกแผ่กระจาย รอบด้านมองไม่เห็นฝั่ง มีเพียงน้ำทะเลที่ซัดเข้ามาพร้อมกับคลื่นคอยโยกเรือให้โคลงเคลง มองดูหยดน้ำที่สาดกระเซ็นเพราะถูกคลื่นซัด สมองกลับคิดถึงเรื่องเกาะเซียนเฝิงไหล
สถานที่ที่เธอไม่รู้จักแห่งนั้น เธอรู้สึกฉงนฉงายและคาดหวังว่าที่แห่งนั้นจะเป็นสถานที่แบบใด?
เธอคิดอย่างเหม่อลอยเล็กน้อย กระทั่งเรือน้อยเหมือนชนเข้ากับอะไรบางอย่าง น้ำกระเซ็นเข้ามา ทำให้เรือน้อยเปียก เธอจึงได้สติและรีบหันไปมองรอบๆ เรือน้อย
รอบๆ ยังคงปกติดี น้ำทะเลสีใสมองเห็นได้อย่างชัดเจน แสงระยิบระยับส่องสะท้อนตามริ้วน้ำ เหมือนไม่มีอะไรอยู่ข้างเรือเลย ทว่าผ่านไปครู่หนึ่ง เรือน้อยก็ถูกชนอีกครั้ง ครั้งนี้ เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจน มันอยู่ใต้ท้องเรือ
เรือน้อยลำนี้เป็นอาวุธเซียน เธอไม่ได้กลัวอยู่แล้วว่าจะถูกกระแทกจนพัง เพียงแต่สัตว์ประหลาดที่กล้ามาชนเรือน้อยของเธอจะเป็นสัตว์ประหลาดแบบใดกันนะ?
เจ้าสิ่งนั้นซ่อนตัวอยู่ใต้ท้องเรือของเธอ แม้เธอจะอยากเห็นก็มองไม่เห็น ด้วยเหตุนี้จึงหยิบกระบี่คมพยับออกมา กลิ่นอายพลังวิญญาณพลุ่งพล่าน กระบี่คมพยับพุ่งลงไปในน้ำ ทะลุผ่านใต้ท้องเรือน้อย
เธอขี่กระบี่บินด้วยพลังวิญญาณ หลังจากที่กระบี่คมพยับลอดใต้ท้องเรือ ก็รู้สึกได้ว่าสัตว์ประหลาดที่กระแทกเรือน้อยได้หนีไปแล้ว เรือน้อยกลับมาสงบเหมือนเดิม เธอเองก็ไม่ได้ไล่ตามไป เพียงเก็บกระบี่คมพยับ แล้วนั่งสังเกตการณ์อยู่บนหัวเรือ
เมื่อถึงส่วนลึกของทะเล เธอปล่อยให้เรือน้อยล่องลอยไปตามกระแสคลื่น ไม่ใช้พลังวิญญาณอีก
เธอเอนกายนอนฟังเสียงคลื่นอยู่บนหัวเรือ หิวก็หาของในห้วงมิติออกมากิน กระหายเมื่อใดก็เอาสุราและน้ำในห้วงมิติออกมาดื่ม นับว่าผ่อนคลายไม่น้อย
ใช้เวลาบนผิวน้ำทะเลผ่านไปหนึ่งวัน นอกจากลมทะเลเค็มๆ และสัตว์ประหลาดที่โผล่มากระแทกเรือเล็กน้อย ก็ไม่มีอะไรอื่นอีก มองดูเวลาหนึ่งวันล่วงเลยไป ตะวันคล้อยไปทางทิศตะวันตก เธอใช้แขนหนุนแทนหมอนชมทิวทัศน์อันงดงามนั่น กระทั่งท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง รอบข้างมืดมิดไปทั้งผืน ความรู้สึกก็เริ่มไม่เหมือนเดิม
“นอนอยู่กลางทะเลที่ไร้ขอบเขต ปล่อยตัวให้ลอยไปตามคลื่นเช่นนี้ กลับรู้สึกเหมือนถูกโลกทอดทิ้งอยู่เหมือนกัน”
เธอพึมพำเบาๆ เพราะมืดเกินไป เธอไม่ค่อยชอบนัก จึงเอาไข่มุกราตรีออกมาจากห้วงมิติ ชั่วพริบตาเดียว ราวกับมีดาวดวงหนึ่งหล่นลงมาจากฟากฟ้ามาสู่ผิวทะเล ประกายแสงเจิดจ้าแยงตา ดุจตะเกียงนำทางท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิดนี้
“โครม!”
ทันใดนั้น เสียงกระแทกดังสนั่น ทำให้เธอที่นอนอยู่บนหัวเรือเกือบพลัดตกลงไป
………………………………….