เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2571 กฎแห่งโลกและสวรรค์ / ตอนที่ 2572 ใครรังแกใคร
ตอนที่ 2571 กฎแห่งโลกและสวรรค์
“ที่นี่ ไม่ว่าใครก็สามารถท้าทายหรือประลองกำลังกับผู้ฝึกตนได้ โดยตัดสินจากการรับเทียบท้า ในมือของเจ้าก็คือเทียบท้าจากนายท่านของข้า ในเมื่อรับเทียบไปแล้ว ก็ไม่สาม มารถเปลี่ยนใจได้อีก”
คนข้างๆ ที่ดูเหตุการณ์อยู่ ต่างก็หันไปมองเฟิ่งจิ่ว นั่นเทียบท้าเชียวนะ! เขากลับรับไว้ง่ายๆ อย่างนั้น คราวนี้แม้จะไม่อยากสู้ก็ไม่ได้แล้ว
“เทียบท้า?” เฟิ่งจิ่วเหลือบมองของในมือแวบหนึ่ง ก่อนหลุดหัวเราะ “น่าเบื่อ!”
เธอเงื้อมือ โยนของสิ่งนั้นกลับไป หันตัวทำท่าจะออกเดินอีกครั้ง แต่ทันใดนั้น บนท้องฟ้ากลับมีชั้นเมฆก่อตัว ขณะที่เสียงฟ้าแลบดัง กลิ่นอายพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งขุมหนึ่งก็ร รวมตัวกันกลายเป็นคำว่า ‘สู้’ ทาบลงมาจากบนฟากฟ้า ก่อนจะกลายเป็นเขตอาคมและขังเธอไว้ข้างใน
“ปึง!”
เขตอาคมปรากฏ เสียงปึงดังสนั่น กลิ่นอายพลังวิญญาณที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าไหลเวียนอยู่รอบๆ เขตอาคม กระแสพลังอันแข็งแกร่งซัดออกไป ทำให้ผู้คนรอบข้างต่างเซถอยหลังไปหลายก้าว
การปรากฏของเขตอาคมนี้ ทำให้เฟิ่งจิ่วและเจ้าเมืองน้อยถูกขังไว้ข้างในนั้น และเหล่าทหารที่ตอนแรกอยู่ในเขตอาคมด้วย ก็ถูกพลังในเขตอาคมดีดออกไป ด้านในเขตอาคมเหลือเพียง งพวกเขาสองคนเท่านั้น
“ซี๊ด! ปรากฏแล้วจริงๆ ด้วย! บอกแล้วว่าถึงเขาจะไม่อยากสู้ก็ทำไม่ได้”
“นั่นสิ ใครใช้ให้เขารับเทียบท้าไว้เล่า! ต้องรู้ว่าเจ้าเมืองน้อยใช้ไม้นี้รังแกคนที่เพิ่งมาใหม่มาไม่น้อยแล้ว”
“ก็ถือว่าเป็นโชคร้ายของเขา เพิ่งมาถึงที่นี่ก็เจอเจ้าเมืองน้อยแล้ว ซ้ำยังถูกหมายหัวอีก ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าเจ้าเมืองน้อยชอบเอาผู้ชายหน้าตาโดดเด่นเช่นนี้ไปเป็นทาสและทหา ารรับองครักษ์ของเขา? ถูกเขาหมายหัว เจ้าหนุ่มนั่นหนีไม่พ้นแน่”
ฟังเสียงกระซิบกระซาบของคนพวกนั้น เฟิ่งจิ่วนัยน์ตาไหวระริก เงยหน้ามองเขตอาคมที่จู่ๆ ก็ปรากฏกะทันหัน จากนั้นก็หันไปมองชายที่อยู่ในเขตอาคมเหมือนกัน ก่อนถามว่า “เขตอาคมนี มาได้อย่างไรกัน?”
“เกาะเซียนเฝิงไหลเป็นแผ่นดินที่แยกออกมา และในแผ่นดินนี้ มีกฎแห่งโลกและสวรรค์อยู่ เขตอาคมนี้ก็คือกฎแห่งโลกสวรรค์ที่เกิดขึ้นหลังจากที่ข้าส่งเทียบท้าให้เจ้า และเจ้าก็ รับเทียบท้าของข้าไว้แล้ว”
เสียงของชายหนุ่มเหมือนไม่เดือดเนื้อร้อนใจนัก เขาเดินเข้าใกล้เฟิ่งจิ่ว พลางลูบแส้ในมือ ก่อนอธิบายเสริมว่า “แต่เจ้าไม่ต้องกังวล ไม่ได้มีเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายแล้วจึงจะทำลาย เขตอาคมได้ ขอเพียงตัดสินแพ้ชนะได้เขตอาคมก็จะหายไป มีกฏแห่งโลกและสวรรค์อยู่ การต่อสู้ครั้งนี้จะดำเนินอย่างยุติธรรมแน่นอน”
เฟิ่งจิ่วที่พอจะเข้าใจรางๆ จ้องชายหนุ่มด้วยสีหน้าแปลกๆ “ถ้าอย่างนั้น แสดงว่าข้ารับเทียบท้าของเจ้าแล้ว จะไม่สู้ก็ไม่ได้แล้ว?”
“ถูกต้องแล้ว” ชายหนุ่มเหมือนอารมณ์ดีมาก ราวกับการต่อสู้ครั้งนี้อย่างไรเขาก็ชนะ
“อย่างนั้นแสดงว่า ก่อนจะสู้กัน ทั้งสองฝ่ายควรบอกเงื่อนไขของตนเองก่อนใช่หรือไม่?” เธอถามอีกครั้ง สีหน้าเหมือนสับสนงุนงง
“ถูกต้อง” ชายหนุ่มตอบอย่างอารมณ์ดี
“หากข้าแพ้ เจ้าจะให้ข้าไปเป็นทาสของเจ้า?” เธอยักคิ้ว จ้องชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบห้าปี หน้าตาเจ้าเล่ห์ชั่วร้ายตรงหน้า
“อืม” เขาจ้องดวงหน้างดงามของเฟิ่งจิ่ว ก่อนจะรับคำ
“อย่างนั้นหากข้าชนะเล่า? ข้าจะให้เจ้ามาเป็นทาสของข้าก็ได้ ใช่หรือไม่?”
ชายหนุ่มได้ยินอย่างนั้นหลุดหัวเราะออกมาทันที “หึ!” เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเหลือบมองเฟิ่งจิ่ว หน้าตาดูแคลนอย่างมาก “เจ้าคิดว่าเจ้าจะเอาชนะข้าได้หรือ?”
………………………………….
ตอนที่ 2572 ใครรังแกใคร
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ “ไม่ข้าข้าจะเอาชนะเจ้าได้หรือไม่ ในเมื่อจะสู้กัน เงื่อนไขเหล่านี้ย่อมต้องพูดกันให้กระจ่างก่อน ไม่ใช่หรือ? อีกอย่าง กฎแห่งโลกและสวรรค์นี่ข้าก็ไม่ค่อยเข้า าใจนัก จู่ๆ จะให้ข้าสู้กับเจ้าอย่างสับสนงุนงงเช่นนี้ แม้เจ้าจะชนะ ก็คงไม่เต็มภาคภูมินักกระมัง?”
“ระดับวรยุทธ์อย่างเจ้าน่ะหรือ ที่ข้าชนะแล้วจะรู้สึกไม่เต็มภาคภูมิ?”
หลิงเทียนอวี่หัวเราะหยัน สะบัดแขนเสื้อ โยนหนังสือเล่มหนึ่งออกไป “เอาไปอ่านเถอะ! นี่ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับกฏแห่งโลกและสวรรค์บนเกาะเซียนเฝิงไหล ข้าจะเอาชนะเจ้า ก็ต้องท ทำให้เจ้ายอมแพ้อย่างราบคาบ!”
เฟิ่งจิ่วรับหนังสือเล่มนั้นไป ยามเห็นอักษรคำว่ากฎแห่งโลกและสวรรค์ สายตาไหวระริกเล็กน้อย เธอพลิกอ่านทีละหน้าๆ จดจำเนื้อหาบนหนังสือไว้จนขึ้นใจ เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งก ก้านธูป เธอปิดหนังสือในมือ หลับตาลง ทบทวนสิ่งที่อ่านไปในสมองอีกครั้ง เนิ่นนาน จึงเพิ่งลืมตาขึ้นมา
หลิงเทียนอวี่เห็นอย่างนั้นก็นัยน์ตาไหวระริก ถามด้วยความสงสัยเล็กน้อย “เจ้าอ่านหนังสืออย่างนี้ จำได้หรือ?”
“ก็พอประมาณ!” เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ ก่อนจะโยนหนังสือเล่มนั้นกลับไปให้เขา กล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นก็ควรเขียนอักษรเป็นหลักฐาน ในกฎแห่งโลกและสวรรค์นี่ก็มีเขียนบอ อกไว้ไม่ใช่หรือ?”
สิ้นเสียง เธอยกมือขึ้น ถ่ายเทกลิ่นอายพลังวิญญาณใส่ในนิ้วมือ เขียนอักษรกลางอากาศในเขตอาคม
เห็นเพียงเมื่อนิ้วมือของเธอขยับ อักษรแต่ละตัวที่แฝงด้วยกลิ่นอายพลังวิญญาณก็ปรากฏกลางอากาศ เนื้อหาส่วนใหญ่เขียนถึงเรื่องการประลอง ผู้แพ้ต้องกลายเป็นทาศของผู้ชนะ สุดท้าย เธอเขียนชื่อแซ่ของตนเอง และรีดเลือดออกมาหนึ่งหยด
หลิงเทียนอวี่เห็นเช่นนี้ก็อดลังเลไม่ได้ คนคนนี้กลับเขียนอักษรเป็นหลักฐานอย่างไม่บ่ายเบี่ยงแม้แต่น้อยเช่นนี้เชียวหรือ? หรือไม่กลัวจะแพ้เขาเลยสักนิด? ชั่วขณะหนึ่ง สายตา ของเขาจับจ้องพิจารณาไปที่ตัวเฟิ่งจิ่วในชุดสีแดงอีกครั้ง เห็นอีกฝ่ายมีวรยุทธ์อยู่แค่ระดับปราชญ์เซียน ส่วนเขานั้นเป็นปราชญ์เซียนขั้นสูงสุดแล้ว จึงข่มความลังเลในใจ แล้วพ พ่นหายใจอย่างโล่งอกออกมา
เขาทำตามเฟิ่งจิ่ว เขียนชื่อของตนเองลงในส่วนท้าย รวมถึงรีดเลือดออกมาหนึ่งหยด เมื่อเลือดหยดนั้นของเขาถูกรีดออกมา หลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรที่อยู่กลางอากาศม้วนตัวขึ้นไปข ข้างบนด้วยตนเอง ราวกับมีคนม้วนเก็บมัน
“ตอนเพิ่งมาถึงที่นี่ ที่จริงข้าก็ไม่ได้คิดจะหาทาสรับใช้หรอกนะ แต่ในเมื่อมาหาถึงที่ อย่างนั้นข้าก็จะฝืนใจรับไว้ก็แล้วกัน!” เฟิ่งจิ่วเผยยิ้มไร้พิษภัยออกมา ทว่ารอยยิ้มนี ในสายตาของหลิงเทียนอวี่ กลับทำให้หัวใจของเขาหนักอึ้งจมดิ่ง
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” เขาขมวดคิ้ว สัมผัสได้ว่ากลิ่นอายบนตัวของคนตรงหน้าเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ทำให้เขามองไม่ออก
ตอนที่เจอกันครั้งแรก จำต้องยอมรับว่าคนคนนี้สวมชุดสีแดงสะดุดตา ดวงหน้าโดดเด่นนั่นทำให้เขาเกิดความคิดอยากเก็บเขามาใต้ปีก และเขาก็ทำตามที่ใจต้องการ ฉวยโอกาสที่เด็กหนุ่ มไม่ทันตั้งตัวท้าเขา
เดิมทีนึกว่านี่เป็นการต่อสู้ที่จะต้องชนะอย่างแน่นอน เดิมทีนึกว่าอีกฝ่ายจะต้องมีท่าทีลนลานหวาดกลัว ทว่าตั้งแต่กฎแห่งโลกและสวรรค์ปรากฏ ตั้งแต่เขตอาคมขังทั้งสองไว้ข้าง งใน ก็ไม่เห็นว่าคนคนนี้จะมีสีหน้าลนลานหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
กลับเป็นเขาที่เริ่มรู้สึกตื่นตกใจเหมือนกำลังขุดหลุมฝังตนเอง
“คนคนนี้คงไม่ได้ตกใจจนโง่ไปแล้วกระมัง? ทำไมถึงได้พูดอะไรกลับกันหมด?”
“พวกเจ้าไม่คิดว่าคนที่ชื่อเฟิ่งจิ่วไม่ได้กำลังพูดกลับกัน แต่กำลังประกาศความมั่นใจบ้างหรือ?”