เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2579 จวนเจ้าเมือง / ตอนที่ 2580 แก้ได้
ตอนที่ 2579 จวนเจ้าเมือง
เฟิ่งจิ่วนั่งดื่มชาอยู่ในห้องโถง ปล่อยให้เหล่าองครักษ์และสาวรับใช้จ้องมองอยู่อย่างนั้น ประจวบเหมาะกับได้เวลากินข้าว และเธอก็ยังไม่ได้กินพอดี เวลานี้รู้สึกหิว จึงเอ่ยกั บองครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งว่า “ทำอะไรมาให้ข้ากินหน่อย ข้าหิวแล้ว”
เธอสั่งอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับอยู่ในบ้านของตนเอง ไม่ได้รู้สึกถ่อมตัวหรือเกรงใจเลยแม้แต่น้อย กลับเป็นองครักษ์คนนั้นที่ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรับคำแล้วถอยออกไป
เธอนั่งดื่มชารออยู่อย่างนั้น ดื่มหมดไปสองถ้วย ก็ยังไม่เห็นเงาร่างของเจ้าเมือง เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายจงใจปล่อยใหเธอรออยู่ตรงนี้เพื่อแสดงอำนาจข่มขวัญ
แต่ทว่าเฟิ่งจิ่วที่ดื่มชาไปสองถ้วยแล้วกลับเริ่มกินของว่างที่ยกเข้ามาต่อ เจ้าเมืองยังไม่ทันมาถึง เจ้าเมืองน้อยนั่นกลับมาถึงก่อนแล้ว
ทันทีที่เข้าห้องโถง แล้วเห็นว่าในห้องโถงมีแค่ชายชุดแดงกำลังนั่งกินของว่างอยู่คนเดียว เขาถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เจ้าไปแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดยังต้องกลับมา?”
เฟิ่งจิ่วชำเลืองมองเขาแวบหนึ่ง “ใครว่าข้ากลับมา? เป็นพ่อเจ้าต่างหากที่เชิญข้ามา” เอ่ยจบ ก็หยักยกมุมปาก เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา “ตอนนี้เจ้าเป็นทาสของข้า ทำไมเล่า? ทาส เจอเจ้านายไม่ต้องคารวะตามธรรมเนียมหรือ?”
หลิงเทียนอวี่ได้ยินก็หน้าเปลี่ยนสี เขาผงะถอยหลังจ้องเฟิ่งจิ่วอย่างหวาดระแวง “ที่นี่เป็นบ้านของข้า! เจ้าอย่าได้เกินไปมากนัก!”
“เกินไปหรือ? ข้าไม่เห็นรู้สึกอย่างนั้นเลย!” เธอยิ้มๆ หยิบของว่างชิ้นหนึ่งขึ้นมากิน พลางเอ่ยว่า “มา รินเหล้าให้ข้า”
แทบจะในขณะที่สิ้นเสียงสั่งของเฟิ่งจิ่ว หลิงเทียนอวี่เดินเข้ามาโดยควบคุมตนเองไม่ได้ ขณะที่ใจเขาเกิดความรู้สึกต่อต้าน ตรงหว่างคิ้วก็ราวกับมีหนอนนับพันนับหมื่นตัวกำลังช ชอนไชกัดกิน ทรมานจนแทบเสียสติ
“มัวยืนอึ้งอะไร? ยกสุรามา!” เขาตะคอกใส่องครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านข้างด้วยเสียงเย็นๆ
องครักษ์คนนั้นรีบสั่งให้คนยกสุรามา หลังจากยกเข้ามา หลิงเทียนอวี่รินสุราให้เฟิ่งจิ่วด้วยตนเอง ราวกับเด็กรับใช้ที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ
เจ้าเมืองที่ได้ยินเรื่องรีบสาวเท้ายาวๆ มาที่ห้องโถงใหญ่ ยามเห็นเหตุการณ์ในห้อง เขาแทบหมดสติเพราะความโมโห เขาสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะก้าวเข้าไป สายตาคมปราบแฝงแววพิจารณาจับจ จ้องไปที่ชายชุดแดงผู้มีอิริยาบถผ่อนคลายมีเสน่ห์
นี่ก็คือคนที่เอาชนะลูกชายของเขา?
สายตาพิจารณากวาดมองผ่านเฟิ่งจิ่ว เห็นว่าคนคนนี้กลับมีพลังถึงระดับจักรพรรดิเซียน ทว่าเก็บซ่อนพลังเอาไว้ ไม่ธรรมดาจริงๆ ดูแล้วการที่ลูกชายของเขาพ่ายแพ้ก็ไม่ใช่เรื่องแปล ลก
ขณะที่เขากำลังจ้องเฟิ่งจิ่วอย่างพิจารณา เฟิ่งจิ่วเองก็จ้องเขาเช่นกัน เพียงชำเลืองมองด้วยหางตา เห็นอีกฝ่ายมีบุคลิกของผู้แข็งแกร่งและบารมีของผู้ปกครอง อีกทั้งหลังจากเข ข้ามาในนี้แล้วก็ไม่ได้เก็บซ่อนกลิ่นอาย เห็นได้ชัดว่าตั้งใจข่มขวัญเธอ เพียงแต่เธอคือเฟิ่งจิ่ว ไม่ใช่ใครที่ไหน ภายใต้บารมีอันน่าเกรงขามของอีกฝ่าย เธอยังคงเหมือนเดิม สีหน้า เรียบเฉยไร้การเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น
“ท่านนี้ก็คือคุณชายเฟิ่งจิ่ว?” เจ้าเมืองสาวเท้าเดินเข้ามา ขณะเดียวกันก็ถามขึ้น
“ใช่แล้ว” เฟิ่งจิ่วคารวะ เอ่ยว่า “ไม่ทราบเจ้าเมืองเชิญข้ามา มีเรื่องใดงั้นหรือ?”
เหอะ! รู้อยู่แล้วยังถามอีก!
หลิงเทียนอวี่ที่อยู่ด้านหนึ่งลอบค่อนแคะในใจ ความแค้นในใจท่วมท้น แต่กลับทำได้เพียงข่มโทสะไว้ไม่กล้าระบายออกมา ใครใช้ให้เขาแพ้เฟิ่งจิ่วเล่า? แม้จะเจ็บใจอีกแค่ไหน เวลานี ก็ทำได้เพียงยื่นรินสุราให้เขาอยู่ตรงนี้
เจ้าเมืองได้ยินคำถามของเฟิ่งจิ่วก็อดชะงักงันไม่ได้ ก่อนจะยิ้มตอบว่า “คืออย่างนี้ ข้าหวังว่าคุณชายเฟิ่งจะแก้พันธสัญญาทาสของลูกชายข้าเสีย”
………………………………….
ตอนที่ 2580 แก้ได้
“ให้ข้าแก้พันธสัญญาทาส? ที่แท้ เจ้าเมืองก็รู้แล้วว่าเขาได้กลายเป็นทาสของข้าแล้ว?” เฟิ่งจิ่วเหลือบมองเจ้าเมืองด้วยรอยยิ้มหยันน้อยๆ
เจ้าเมืองที่ได้ยินอย่างนั้น หันไปมองลูกชายที่กำลังก้มหน้าแวบหนึ่ง เขาอึ้งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดกับเฟิ่งจิ่วว่า “เรื่องในวันนี้ เป็นลูกชายข้าที่เหลวไหล คุณชายเฟิ่งได้ โปรดอย่าถือสาเขา อย่างไรเขาก็เป็นลูกชายของข้า หากเรื่องที่ตกเป็นทาสของคุณชายแพร่งพรายออกไป ข้าจะไม่กลายเป็นตัวตลกในสายตาของคนข้างนอกหรือ? ฉะนั้นคุณชายเฟิ่งได้โปรดใจก กว้างด้วย ขอเพียงคุณชายเฟิ่งแก้พันธสัญญาทาสของเขา ข้าจะชดเชยให้ท่านแน่”
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ “เจ้าเมืองจะทำให้ข้าเชื่อใจท่านได้อย่างไร หากข้าแก้พันธสัญญาทาสให้แล้วจะไม่ถูกฆ่า?”
เจ้าเมืองสีหน้าไหวระริกเล็กน้อย เขาจ้องเฟิ่งจิ่วอย่างลึกซึ้ง เอ่ยขึ้นว่า “คุณชายเฟิ่งโปรดวางใจ ขอเพียงแก้พันธสัญญาทาสให้ลูกชายข้า ข้ารับประกัน เรื่องนี้จะจบแต่เพียงเท่า านี้ จะไม่ทำให้คุณชายเฟิ่งลำบากใจเลยแม้แต่น้อย”
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ ก่อนจะส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่ ไม่พอ หากทำอย่างนี้ข้าไม่แก้พันธสัญญาทาสให้เขาหรอกนะ” เธอยิ้มๆ ลุกขึ้นกล่าวว่า “ที่นี่มีกฎแห่งโลกและสวรรค์ จะให้ข้าแก้พันธสัญ ญญาทาสนั้นได้ ขอเพียงเจ้าเมืองและเจ้าเมืองน้อยรับปากว่าหลังแก้พันธสัญญาแล้วจะไม่หาเรื่องข้า อย่างนั้นข้าจะแก้ให้ก็ได้”
เธอเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนชำเลืองมองหลิงเทียนอวี่ที่อยู่ด้านหนึ่ง และเอ่ยต่อว่า “แต่ก่อนหน้านั้น ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากขอให้ท่านเจ้าเมืองไขความกระจ่างหน่อย”
เจ้าเมืองขมวดคิ้วเล็กน้อย มองเฟิ่งจิ่วครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ถามขึ้นว่า “คุณชายเฟิ่งอยากรู้เรื่องอะไร? เชิญถามได้”
เฟิ่งจิ่วลุกขึ้น สาวเดินไปตรงหน้าเขาช้าๆ พูดขึ้นว่า “ข้าอยากรู้ว่า บันไดสู่แดนเซียนแห่งเกาะเซียนเฝิงไหลอยู่ที่ใด?”
เจ้าเมืองอึ้งค้าง สีหน้าตะลึงงันไปทันที “อะไรนะ? บันไดสู่แดนเซียน?”
สายตาของเขาไหวระริก จ้องเฟิ่งจิ่วอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะถามว่า “เหตุใดคุณชายเฟิ่งจึงอยากตามหาบันไดสู่แดนเซียน?”
“เจ้าเมืองเพียงบอกข้ามาว่า จะหาบันไดสู่แดนเซียนได้ที่ไหนก็พอ” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงแช่มช้า
เจ้าเมืองยิ้มๆ “ที่จริง บันไดสู่แดนเซียนเล่าลือกันว่าอยู่บนเกาะเซียนเฝิงไหลไม่ผิด แต่คนที่นี่แทบไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนยิ้มเอ่ยต่อว่า “ได้ยินมาว่า บันไดสู่แดนเซียนเป็นสะพานที่สามารถไปสู่ดินแดนแห่งหนึ่งได้ และเป็นสถานที่ทดสอบพลังแห่งหนึ่งด้วย เพียงแต่ข้าอยู่ที่นี มานานขนาดนี้ กลับไม่เห็นเคยบันไดสู่แดนเซียนมาก่อน ยิ่งไม่รู้ว่าบันไดสู่แดนเซียนอยู่ที่ใดในเกาะเซียนเฝิงไหล”
“แม้แต่เจ้าเมืองก็ไม่รู้ว่าบันไดสู่แดนเซียนอยู่ที่ใด?” เธอค่อนข้างไม่อยากเชื่อ
“หึๆ ไม่ใช่ข้าไม่อยากบอกคุณชายเฟิ่ง แต่ข้าไม่รู้จริงๆ ข้าเพียงเคยได้ยินมาว่าบันไดสู่แดนเซียนสามารถพาไปยังดินแดนแห่งหนึ่งได้ และรู้มาว่าบนบันไดสู่แดนเซียนมีบททดสอบพลั งที่หนักหน่วง หากไม่ระวังวรยุทธ์ทั้งหมดอาจสูญสิ้นได้ในพริบตา”
เขามองเฟิ่งจิ่ว สายตาแฝงแววประหลาดใจ “ได้ยินมาว่าคุณชายเฟิ่งเพิ่งมาถึงในเมือง เหตุใดจึงรู้เรื่องบันไดสู่แดนเซียน? หรือมียอดฝีมือชี้แนะ? หากเป็นเช่นนั้นจริง อย่างนั้นยอดฝีม มือผู้นี้ไม่ได้บอกคุณชายเฟิ่งหรือว่าบันไดสู่แดนเซียนอยู่ที่ใด?”
สีหน้าของเขาไม่เหมือนกำลังพูดโกหก เฟิ่งจิ่วอดครุ่นิดไม่ได้ ‘หรือแม้แต่เขาก็ไม่รู้ว่าบันไดสู่แดนเซียนอยู่ที่ใด? แม้แต่เจ้าเมืองของที่นี่ยังไม่รู้ว่าบันไดสู่แดนเซียนนั่น นอยู่ไหน อย่างนั้นผู้เฒ่าเทียนจีรู้ได้อย่างไร? หนำซ้ำยังให้เธอมาตามหาบันไดสู่แดนเซียนอีก ตอนนี้สืบหาไปทั่วก็ยังไม่มีใครรู้ว่าที่แห่งนั้นอยู่ที่ไหน? แล้วเธอจะไปตามหาจา ากที่ไหนอีกเล่า?’