เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2587 สามหาว / ตอนที่ 2588 สะกดรอยตาม
ตอนที่ 2587 สามหาว
เธอนั่งอยู่ข้างชั้นวางตำรา อาศัยแสงสว่างจากไข่มุกราตรีพลิกตำราอ่านไปทีละหน้าๆ เมื่อเวลาผ่านไป ท้องฟ้าเริ่มมืด ตำราในมือก็ค่อยๆ ถูกพลิกไปจนเกือบถึงหน้าสุดท้ายแล้ว
“บันไดสู่แดนเซียน? อยู่นี่จริงๆ ด้วย!”
เธอเผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้า เพราะเจอข้อมูลที่ต้องการแล้ว แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาดึกสงัด เฟิ่งจิ่วก็ไม่รู้สึกง่วงแม้แต่น้อย
“บันไดสู่แดนเซียน หรือถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า บันไดสู่สวรรค์ มีทั้งหมดเก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าขั้น อีกฟากหนึ่งของบันไดนำทางสู่แผ่นดินอันลึกลับผืนหนึ่ง ทว่า หากจะขึ้นบันไดสู่แดนเซียน ผู้ฝึกตนต้องมีวรยุทธ์ระดับจักรพรรดิเซียนจึงจะขึ้นได้ ผู้ที่มีวรยุทธ์ไม่ถึงระดับจักรพรรดิเซียนฝีเท้าไม่อาจสัมผัสขั้นบันไดได้ มิหนำซ้ำดวงจิตจะถูกพลังจากเขตหวงห้ามทำร้าย สถานเบาอาจสูญเสียวรยุทธ์ สถานหนักอาจตายคาที่ทันที…”
เฟิ่งจิ่วอ่านเบาๆ ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจ “จักรพรรดิเซียนจึงจะขึ้นได้? หรือตาเฒ่าเทียนจีรู้ว่าเราทะลวงขั้นถึงระดับจักรพรรดิเซียนแล้วถึงได้ให้มาที่นี่? น่าแปลกจริงๆ ไม่รู้ว่าตาเฒ่าเทียนจีนั่นเคยขึ้นบันไดสู่แดนเซียนมาแล้วหรือยัง?”
เฟิ่งจิ่วพลิกหน้าต่อไป พบว่าหน้านี้บันทึกเกี่ยวกับตำแหน่งของบันไดสู่แดนเซียน รวมถึงแผนที่แบบง่ายๆ
“ใจกลางเกาะของเกาะเซียนเฝิงไหล? แผนที่นี่…” นิ้วมือของเธอไล้ผ่านหน้าตำราช้าๆ จากสัญลักษณ์ที่ถูกบันทึกไว้ เฟิ่งจิ่วหาตำแหน่งของเมืองทั้งสี่จนเจอ แล้วก็ค้นพบว่าเมืองทั้งสี่ตั้งอยู่แค่บริเวณขอบๆ ของเกาะเซียนเฝิงไหลเท่านั้น
“อย่างนั้น ใจกลางเกาะที่ว่านี้ก็อยู่ตรงนี้น่ะสิ?”
นิ้วมือของเธอหยุดอยู่ตรงสัญลักษณ์กลมๆ ที่อยู่ตรงกลาง เธอจำแผนที่นี้ไว้อย่างละเอียด จากนั้นก็พลิกหน้าต่อไป แล้วก็ค้นพบว่าหน้าสุดท้ายบันทึกชื่อของคนที่เคยขึ้นบันไดสู่แดนเซียน
เธอปิดตำราในมือ วาดมือร่ายพลังวิญญาณบนปกหนังสือเพื่อประทับตรากลับคืน ก่อนจะนำกลับไปวางที่เดิมพร้อมกับตำราเล่มอื่น
นึกไม่ถึงว่าเวลาแค่วันเดียวก็หาเจอแล้ว หากไม่ใช่นึกขึ้นมาได้ว่าชายชราคนนั้นเคยยืนเช็ดตำราอยู่บนเก้าอี้ เธอคงไม่คิดจะมาดูตำราบนชั้นวางชั้นนี้
แต่ในเมื่อมีโอกาสได้เข้ามาในหอตำราแห่งนี้แล้ว ข้างในนี้มีตำราล้ำค่าตั้งมากมาย หากไม่ถือโอกาสนี้อ่านให้เต็มที่ กลับเป็นเรื่องน่าเสียดาย
นึกมาถึงตรงนี้ เธอเดินขึ้นไปที่ชั้นสอง หยิบตำราฝึกวิทยายุทธ์ที่ถูกประทับตรามาเปิดอ่าน…
เวลาสามวัน เพียงพริบตาก็ผ่านไปแล้ว ยามเช้าตรู่ เฟิ่งจิ่วเดินออกมาจากหอตำรา ขณะที่ด้านนอก ขณะที่เจ้าเมืองรวมถึงหลิงเทียนอวี่รออยู่ข้างนอก ครั้นเห็นเฟิ่งจิ่วออกมา เจ้าเมืองหลิงยิ้มๆ เดินเข้ามารับหน้า
“คุณ…คุณชายเฟิ่ง ไม่ทราบเจอข้อมูลที่ต้องการแล้วหรือไม่?” เจ้าเมืองเฟิ่งเกือบหลุดปากเรียกเธอว่าคุณหนูเฟิ่ง แต่พอนึกได้ว่าเฟิ่งจิ่วไม่ได้เปิดเผยตนเอง เขาจึงเปลี่ยนคำเรียกขานเป็นคุณชายแทน
สังเกตได้ว่าน้ำเสียงเขาสะดุดหายไปเล็กน้อย เฟิ่งจิ่วเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “หาเจอส่วนหนึ่ง” เฟิ่งจิ่วกวาดตามองผ่านหลิงเทียนอวี่ จากนั้นเอ่ยกับเจ้าเมืองว่า “หลายวันมานี้รบกวนแล้ว ข้าขอลาเลยก็แล้วกัน”
เจ้าเมืองหลิงรีบพูดขึ้น “คุณชายเฟิ่งอุตส่าห์มีโอกาสมาทั้งที ตอนนี้ในเมื่อหาข้อมูลที่ต้องการเจอแล้ว เหตุใดไม่อยู่พักในจวนอีกสองสามวันเล่า? จะได้เปิดโอกาสให้ข้าแสดงไมตรีของเจ้าบ้านได้อย่างเต็มที่”
หลิงเทียนอวี่ที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งชำเลืองมองเฟิ่งจิ่วด้วยสีหน้าบึ้งตึง ก่อนจะหันไปพูดกับพ่อของเขา “ท่านพ่อ เขาจะไปอยู่แล้ว ท่านจะรั้งทำไม? ยิ่งไปกว่านั้น ข้าไม่ถูกชะตาคนผู้นี้นัก เขาไปแล้วก็ดี ตาไม่เห็น ใจก็สงบ”
“สามหาว!”
เจ้าเมืองตวาดเสียงเกรี้ยว ถลึงตามองลูกชายอย่างไม่ได้ดั่งใจ “ไสหับกลับไปฝึกวรยุทธ์ของเจ้าเสีย!”
………………………………….
ตอนที่ 2588 สะกดรอยตาม
เฟิ่งจิ่วยิ้มอย่างไม่ถือสา “ท่านเจ้าเมืองไม่จำเป็นต้องโกรธ ข้าควรไปได้แล้วจริงๆ” เธอประสานมือคารวะ ก่อนจะสาวเดินออกไปข้างนอก
“โธ่ คุณชายเฟิ่ง คุณชายเฟิ่งท่านรอเดี๋ยว ข้าส่งท่าน…” เจ้าเมืองหลิงถลึงตาใส่ลูกชาย ก่อนจะรีบสาวเดินตามไป
หลิงเทียนอวี่ไม่เข้าใจการกระทำของผู้เป็นพ่อแม้แต่น้อย ไม่เข้าใจว่าท่านพ่อที่มีมาตรฐานสูงมาเสมอ เหตุใดจึงได้ถูกใจเจ้าหมอนั่นนัก ซ้ำยังประคองเขาเป็นแขกคนสำคัญ แม้แต่หอตำราก็ยังอนุญาตให้เข้าไปได้
นอกประตูใหญ่ของจวนเจ้าเมือง เฟิ่งจิ่วหันกลับมา ยิ้มเอ่ยว่า “ท่านเจ้าเมือง ไม่ต้องส่งแล้ว บอกลากันตรงนี้เถอะ”
“ได้ ภายหน้าหากมีโอกาสเชิญคุณชายเฟิ่งมาเป็นแขกที่จวนอีกครั้ง เมื่อถึงตอนนั้นต้องพักสักหลายวันด้วยเล่า” เจ้าเมืองว่า
เฟิ่งจิ่วยิ้มรับ “แน่นอน” เอ่ยจบก็หันตัวเดินจากไป
มองดูเฟิ่งจิ่วเดินจากไป กระทั่งเงาร่างหายลับไปจากครรลองสายตา เจ้าเมืองหลิงถอนหายใจ ส่ายหน้าหันตัวจะเดินกลับเข้าไป ใครจะรู้ ครั้นหันกลับไปก็เห็นลูกชายยืนมองเขาจากตรงนั้น
“ท่านพ่อ เหตุใดท่านต้องปฏิบัติต่อเจ้านั่นเป็นพิเศษด้วย? ท่านพ่อถูกใจอะไรในตัวเขากันแน่?” หลิงเทียนอวี่ถาม จ้องหน้าพ่อของเขาเขม็ง ไม่ยอมปล่อยให้สีหน้าเล็ดลอดสายตาไปได้แม้แต่น้อย
ถูกลูกชายของตนเองถามอย่างนี้โดยไม่ทันตั้งตัว เจ้าเมืองหลิงจ้องเขาอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนตอบว่า “เจ้าคิดว่าข้าเหมือนเจ้าหรือ? เห็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีก็อยากจะเก็บไว้ข้างกายไว้เรียกใช้? ข้าปฏิบัติกับเขาเป็นพิเศษ ย่อมต้องมีเหตุผลของข้า เจ้าแค่จำคำพูดของพ่อที่พูดกับเจ้าไว้ให้ดีก็พอ อย่างอื่นไม่ต้องคิดมาก”
เห็นพ่อของเขาทำท่าจะเดินเข้าไป หลิงเทียนอวี่รั้งไว้ จ้องหน้านิ่งๆ พูดขึ้นว่า “ท่านพ่อ ข้ารู้ว่าท่านต้องมีอะไรปิดบังข้าอยู่แน่นอน หากท่านไม่บอกข้า อย่างนั้นข้าก็ทำได้เพียงต้องไปถามเจ้านั่นให้กระจ่าง”
เจ้าเมืองหลิงหน้าเปลี่ยนสี ก่อนจะจ้องเขาอย่างเดือดดาล “เจ้ากล้าหรือ!”
“ท่านพ่อคิดว่าข้าไม่กล้าหรือ? ท่านก็บอกเอง ปกติข้าทำเรื่องเหลวไหลไว้ไม่น้อย เพิ่มมาอีกสักเรื่องจะเป็นไรไป” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หระ ท่าทางเหมือนไม่สะทกสะท้าน
“เจ้า เจ้า!”
เจ้าเมืองหลิงโกรธจนหน้าเขียว เขาจ้องหน้าลูกชายอยู่นานก็พูดอะไรไม่ออก ผ่านไปไม่นานก็ถอนหายใจ ข่มไฟโทสะในใจ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เจ้าตามข้ามาที่ห้องหนังสือ!”
หลิงเทียนอวี่ได้ยินอย่างนั้นก็เดินตามเขาไป
เฟิ่งจิ่วออกจากจวนเจ้าเมืองมาก็เดินเล่นในตลาดรอบหนึ่ง เธอซื้อของบางอย่าง และกินอาหารง่ายๆ ที่หัวมุมถนน ก่อนจะมาถึงโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง
เพียงแต่ครั้นเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าทางเข้าโรงเตี๊ยมเธอชะงักหยุดเล็กน้อย เอียงหัวชำเลืองมองไปข้างหลังแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไป
มีคนกำลังสะกดรอยตามเธอ เธอรู้ตัวตั้งแต่ออกจากจวนเจ้าเมืองแล้ว เธอเพิ่งเคยมาที่นี่ นอกจากมีเรื่องกับหลิงเทียนอวี่ ก็ยังไม่เคยมีความแค้นกับใคร หรือคนที่สะกดรอยตามนั่นเป็นคนที่หลิงเทียนอวี่ส่งมา?
ดูจากท่าทีและคำพูดของเจ้าเมืองหลิง ไม่น่าจะเป็นเขาที่ส่งคนมาสะกดรอยตามเธอ อย่างนั้น เป็นไปได้มากว่าเป็นฝีมือของหลิงเทียนอวี่ ลูกชายของเจ้าเมืองหลิง
เธอหยักยกมุมปาก เผยรอยยิ้มออกมา พวกเขาลั่นคำสัตย์ต่อหน้าฟ้าดินแล้ว หากก่อเรื่องอะไรจริงๆ ขึ้นมา เดาว่าแม้เธอจะไม่ทำอะไร กฎแห่งโลกและสวรรค์ก็ต้องลงโทษพวกเขาอยู่ดี
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงไม่กังวลว่าคนที่แอบสะกดรอยตามเธออย่างลับๆ จะทำอะไร
“เถ้าแก่ ขอห้องพักห้องหนึ่ง” เฟิ่งจิ่วที่เข้าไปในโรงเตี๊ยมบอกเถ้าแก่
………………………………….