เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2591 ไม่รู้ดีชั่ว / ตอนที่ 2592 ลักพาตัวแปลงโฉม
ตอนที่ 2591 ไม่รู้ดีชั่ว
ในห้อง อสูรกลืนเมฆาที่นอนหมอบอยู่ลุกขึ้นมา ใช้อุ้งมือตะปบเฟิ่งจิ่วเบาๆ “นายท่าน ข้างนอกมีคนเรียกท่าน”
เฟิ่งจิ่วตื่นตั้งแต่ได้ยินเสียงข้างนอกนั่นแล้ว เธอลืมตาอ้าปากหาวกว้างๆ ก่อนจะลุกจากเตียง เก็บอสูรกลืนเมฆาใส่ห้วงมิติเสร็จก็จัดระเบียบเสื้อผ้า จากนั้นก็เดินออกไป
ประตูห้องเปิดออก สิ่งที่มองเห็นคือใบหน้าของหลิงเทียนอวี่ เฟิ่งจิ่วมองเขาด้วยแววตาเกียจคร้านระคนง่วงนอน ถามเขาว่า “หาข้ามีเรื่องอะไร?” เธอยืนพิงขอบประตู ยืนกอดอกด้วยท่าทางเฉื่อยชาอยู่ตรงนั้น
หลิงเทียนอวี่มองใบหน้างดงามที่อยู่ใกล้แค่ตรงหน้า มองดูดวงหน้าง่วงงุนและความเกียจคร้านที่สะท้อนออกมาจากการเคลื่อนไหวอันเฉื่อยชานั่น สายตาไหวระริกเล็กน้อย จ้องมองอย่างเหม่อลอย ลืมพูดจาไปชั่วขณะ
จั่วอีที่ตามมาข้างๆ เห็นนายท่านจ้องชายหนุ่มคนหนึ่งจนเหม่อลอย จึงแอบยื่นมือไปดึงเสื้อเขา และกระซิบเรียกเบาๆ “นายท่าน”
“อะไร!” หลิงเทียนอวี่ถลึงตาจ้องเขาอย่างไม่สบอารมณ์ เห็นเขาส่งสายตาไปที่เฟิ่งจิ่วที่อยู่ตรงหน้า หลิงเทียนอวี่จึงได้สติกลับมา
“อะแฮ่ม!”
เขากระแอมเบาๆ มองเฟิ่งจิ่วที่ยืนอยู่หน้าประตูท่าทางเหมือนไม่คิดจะเชิญเขาเข้าไปข้างใน ก่อนจะเอ่ยว่า “ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า” เอ่ยจบ เขาก็ทำท่าจะก้าวเข้าไปในห้อง ใครจะรู้ เฟิ่งจิ่วที่ยืนพิงขอบประตูอยู่กลับดึงเขาไว้
“มีอะไรก็พูดกันตรงนี้”
หลิงเทียนอวี่หงุดหงิดเล็กน้อย “เข้าไปพูดกันข้างใน!”
เฟิ่งจิ่วถอยหลังหนึ่งก้าว ทำท่าจะปิดประตู ส่วนหลิงเทียนอวี่ที่เห็นอย่างนั้นก็รีบเอื้อมมือออกไปขวางไว้ จากนั้นก็พูดขึ้นด้วยความโกรธ “เจ้าอย่าได้ทำตัวไม่รู้ดีชั่ว! ข้ามาเพราะมีเรื่องจะบอกเจ้า!”
“ว่ามาเถอะ!”
เห็นเฟิ่งจิ่วยืนขวางอยู่หน้าประตู หลิงเทียนอวี่สูดหายใจลึกๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ข้ามาบอกเจ้าว่า เจ้าถูกคนจับตาดูอยู่ ข้างนอกมีผู้ฝึกตนกลุ่มหนึ่งเฝ้าอยู่ทั้งวัน หนึ่งในนั้นมีระดับวรยุทธ์ที่แม้แต่ข้าก็มองไม่ออก”
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ชำเลืองมองเฟิ่งจิ่ว เห็นเธอยักคิ้วมองเขาอย่างประหลาดใจเล็กน้อย แล้วเขาก็กล่าวต่อว่า “เจ้าอย่าได้คิดมากไป ข้ายังไม่ถูกชะตากับเจ้าอยู่ดี แต่ท่านพ่อของข้ากำชับไว้ว่าห้ามข้ามาหาเรื่องเจ้าอีก ที่ข้ามาบอกเจ้าก็เพราะอยากให้เจ้ารู้ คนพวกนั้นไม่ใช่คนของข้า เจ้าจะได้ไม่ต้องสงสัยมาถึงตัวข้า”
“อ้อ? ที่แท้ก็ไม่ใช่คนที่เจ้ามาหรือ!” เธอพยักหน้า สีหน้าเหมือนกระจ่างแจ้ง
เขาถลึงตาจ้องเธอด้วยความโกรธระคนอับอาย “เจ้ารู้แต่แรกแล้ว? เจ้าสงสัยว่าเป็นฝีมือข้า?”
เฟิ่งจิ่วหยักยิ้มมุมปากเล็กน้อย เอ่ยว่า “ข้ารู้ตั้งแต่ออกจากบ้านของเจ้าแล้วว่าถูกคนจับตาดูอยู่ ข้าอยู่ที่นี่ยังไม่เคยมีเรื่องกับคนอื่น ย่อมต้องสงสัยเจ้าเป็นคนแรกอยู่แล้ว น่าแปลกตรงไหนกันเล่า!”
เอ่ยจบ เธอยิ้มๆ “แต่ว่าตอนนี้รู้ว่าเจ้าไม่ได้ส่งคนมาจับตาดูข้า อย่างนั้นข้าก็ต้องครุ่นคิดสักหน่อย ว่ายังมีใครอีกที่จะจับตาดูข้า เอาละ อย่างนั้นแค่นี้ก็แล้วกัน!”
เอ่ยจบ ประตูห้องถูกปิดเสียงดังปัง หลิงเทียนอวี่ถูกทิ้งให้ยืนอยู่หน้าห้อง
หลิงเทียนอวี่เห็นประตูห้องถูกปิดต่อหน้าต่อตา สีหน้าพลันเขียวคล้ำ เขากำหมัด ข่มไฟโทสะที่ลุกพล่านในใจ สูดหายใจลึกๆ ก่อนจะสบถออกมา “ไม่รู้ดีชั่ว!”
เห็นนายท่านของเขาหันตัวกลับไปอย่างเดือดดาล จั่วอีรีบตามไป ยุ่งวุ่นวายอยู่ทั้งวัน เขายังไม่เข้าใจเลยว่านายท่านกำลังทำอะไรอยู่กันแน่? ถึงจะมีคนจับตาดูเฟิ่งจิ่วอยู่ นั่นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขานี่นา!
เฟิ่งจิ่วที่อยู่ในห้องเทน้ำแก้วหนึ่งมาดื่ม พลางนึกถึงคำพูดเมื่อครู่ของหลิงเทียนอวี่…
………………………………….
ตอนที่ 2592 ลักพาตัวแปลงโฉม
ไม่ใช่คนที่เขาส่งมา? อย่างนั้น จะเป็นใครกันนะ?
เธอครุ่นคิดเงียบๆ เริ่มมีเค้าโครงของคนที่สงสัยขึ้นมารางๆ คนที่มาเพราะเม็ดบัวเขียวก่อกำเนิด? แต่ว่าเกาะเซียนเฝิงไหลปรากฏตัวบนทะเลผืนนั้นทุกครึ่งเดือนไม่ใช่หรือ? หากเป็นคนพวกนั้น พวกเขามาที่นี่ได้อย่างไร? หรือว่าพวกเขาเป็นคนที่นี่อยู่แล้ว?
หลังจากดื่มน้ำสองแก้ว เธอเปิดประตูห้อง ตะโกนเรียกไปข้างนอก “เสี่ยวเอ้อร์ ขึ้นมานี่หน่อย”
“ได้ขอรับ!” เสี่ยวเอ้อร์ที่อยู่ชั้นล่างรับคำ สาวเท้าเร็วๆ ขึ้นมาหยุดอยู่หน้าห้องของเฟิ่งจิ่ว “คุณชาย มีอะไรจะสั่งหรือขอรับ?”
“เตรียมอาหารให้ข้าหน่อย แถวๆ นี้มีอาหารอะไรขึ้นชื่อซื้อกลับมาให้ข้าหน่อย” ขณะเอ่ย เธอยื่นศิลาดาราให้เขา
“ได้ ข้าน้อยจะรีบไปจัดการเดี๋ยวนี้” เสี่ยวเอ้อร์รับศิลาดาราและลงไปชั้นล่างด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เขาบอกเถ้าแก่ให้คนเตรียมอาหารมาให้ จากนั้นก็ออกไปซื้อของข้างนอก
ห้องครัวส่งอาหารขึ้นมาให้ เสี่ยวเอ้อร์ที่ออกไปซื้ออาหารข้างนอกก็กลับมาแล้วเช่นกัน เขาเข้าห้องแล้วเดินมาหยุดข้างโต๊ะ ยิ้มตาหยีแล้วเอ่ยกับเฟิ่งจิ่วว่า “คุณชาย นี่คือไก่ย่างจากหอร้อยรส แล้วยังมีหนังหมูนมกรอบ และขนมอบสีรุ้งจากหอเมฆาหอม กับขนมอบหัวไชเท้าแดงจากหัวมุมถนนตะวันออก…”
เขาหยิบของในแหวนห้วงมิติที่ซื้อกลับมาวางบนโต๊ะทีละอย่างๆ พลางแนะนำให้เฟิ่งจิ่วฟังไปด้วย จนกระทั่งของถูกวางเต็มโต๊ะ จึงค่อยเอ่ยว่า “คุณชาย ยังเหลือศิลาหินอีกสองก้อน” เขายื่นคืนให้เฟิ่งจิ่ว
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ “ที่เหลือตบรางวัลให้เจ้า ออกไปเถอะ! ไม่มีคำสั่งของข้าก็ไม่ต้องขึ้นมา”
“ขอรับ ขอบคุณคุณชายมาก” เสี่ยวเอ้อร์รับคำด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะถอยออกจากห้องไป และปิดประตูห้องให้ด้วย
มองดูอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะ เธอเก็บของที่สามารถเก็บได้ใส่ห้วงมิติทั้งหมด เหลือไว้กินแค่บางส่วน หลังจากที่กินดื่มจนอิ่ม เธอเปิดหน้าต่างด้านหลังให้มีช่องเล็กๆ เห็นว่าข้างหลังยังมีคนเฝ้าจับตาดูอยู่ ด้วยเหตุนี้ จึงเรียกเสี่ยวเอ้อร์ขึ้นมาอีกครั้ง
“คุณชาย ยังมีอะไรจะสั่งอีกหรือ”
เฟิ่งจิ่วมองเสี่ยวเอ้อร์ยิ้มๆ “ไม่มีอะไร ข้าแค่จะยืมใส่เสื้อผ้าของเจ้าหน่อย”
สิ้นเสียง เฟิ่งจิ่วยกมือสกัดจุดลมปราณของเขา ภายใต้สายตาตกใจและหวาดกลัวของเสี่ยวเอ้อร์ เฟิ่งจิ่วถอดเสื้อผ้าของเขาออกมาใส่ จากนั้นก็ดจัดแจงอย่างง่ายๆ ก่อนจะเอ่ยกับเสี่ยวเอ้อร์ที่ถูกตรึงให้อยู่กับที่ว่า “เงินค่าห้องที่เหลือข้าวางไว้บนโต๊ะแล้ว เจ้าเอาไปให้เถ้าแก่ด้วย ส่วนจุดลมปราณที่ถูกสกัดของเจ้า ผ่านไปสองชั่วยามก็จะคลายเอง”
เสี่ยวเอ้อร์ยืนนิ่งขยับไม่ได้ พูดก็ก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้น มองดูคุณชายชุดแดงคนนั้นสวมใส่เสื้อผ้าของเขาแล้วออกจากห้องไป เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก
โชคดี แค่ถอดเสื้อผ้าของเขาไป เขานึกว่าจะฆ่าคนปิดปากหรือแย่งทรัพย์สินบนตัวเขาไป!
เมื่อท้องฟ้าข้างนอกเริ่มมืด สองชั่วยามต่อมา พอเสี่ยวเอ้อร์ที่ใส่แต่เสื้อตัวในเดินออกจากห้องด้วยสีหน้างอง้ำ ผู้ฝึกตนที่อยู่ข้างนอกพากันลุกพรวดขึ้นมา
มีสองสามคนที่รีบพุ่งตัวเข้ามา คนหนึ่งรั้งตัวเสี่ยวเอ้อร์ไว้ คนหนึ่งขึ้นชั้นสองไปตรวจสอบ
“เฮ้ย พวกเจ้าทำอะไร? ปล่อยนะ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!” เสี่ยวเอ้อร์ตะโกนด้วยความแตกตื่น พลางร้องว่า “เถ้าแก่ เถ้าแก่ช่วยข้าด้วย!”
“หุบปาก!” ผู้ฝึกตนที่กำคอเสื้อของเสี่ยวเอ้อร์ตะคอกด้วยสีหน้าเข้มๆ เขากระชากคอเสื้อของเสี่ยวเอ้อร์ ยกร่างของเขาจนเท้าลอยเหนือพื้น ถามด้วยเสียงเย็นๆ ว่า “คนในห้องนั่นอยู่ที่ไหน!”
เสี่ยวเอ้อร์หน้าซีด แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ขะ เขาเปลี่ยนใส่เสื้อผ้าของข้าปะ ไปแล้ว”
………………………………….