เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2619 ปลีกตัวหนี / ตอนที่ 2620 ไปงานเลี้ยง
ตอนที่ 2619 ปลีกตัวหนี
ทั้งสามคนชะงักงัน ราวกับไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่าอย่างไร กระทั่งเห็นเขาใช้ขี้เทียนห่อยาเม็ดนั้น ทำเป็นยาลูกกลอนห่อขี้เทียนต่อหน้าพวกเขา ทั้งสามจึงเพิ่งถึงบางอ้อ
ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะใช้วิธีการเช่นนี้มาเก็บรักษายาเอาไว้ จำต้องบอกว่า วิธีการเก่าแก่เช่นนี้เป็นวิธีการที่เก็บรักษาได้ดีที่สุดจริงๆ ไม่เพียงสามารถก กักเก็บกลิ่นของยาไว้ได้ ไม่ทำให้กลิ่นหอมระเหยหายไป ยังทำให้เก็บรักษายาได้นานยิ่งขึ้นอีกด้วย
นักตรวจสอบทั้งสองมองดูวิธีการของเฟิ่งจิ่ว ลอบตกตะลึงในใจ พวกเขาเป็นนักตรวจสอบ ย่อมรู้เหมือนกันว่าวิธีการเก็บรักษาด้วยการใช้ขี้เทียนห่อเช่นนี้เป็นขั้นตอนที่ยากขนาดไหน การ เก็บรักษาด้วยวิธีการหลอมขี้เทียนที่ดูเหมือนง่าย แต่แท้จริงแล้วแสนยาก กลับสมบูรณ์แบบได้อย่างง่ายดายด้วยฝีมือของชายหนุ่มตรงหน้า
ตอนแรกที่ได้ยินเขาบอกว่าเขาเป็นคนกลั่นยาเม็ดนี้ขึ้นมาเองพวกเขายังไม่อยากเชื่อ แต่นาทีนี้ เมื่อได้เห็นวิธีการเก็บรักษายา พวกเขารู้ทันทีว่าภูตหมอผู้นี้เป็นคนกลั่นยาร ระดับเจ็ดขึ้นมาด้วยตนเอง
เฟิ่งจิ่ววางยาที่ถูกผนึกด้วยขี้เทียนเรียบร้อยแล้วลงในจานหยกขาว ก่อนจะหันไปเอ่ยกับผู้ดูแลหลินว่า “ไปจัดการขั้นตอนต่างๆ ให้เรียบร้อยเถอะ!”
“ได้ ภูตหมอโปรดนั่งรอสักครู่ ข้าไปไม่นาน” ผู้ดูแลหลินเอ่ย หันตัวเดินออกไปข้างนอก ผ่านไปไม่นาน เขาถือของย้อนกลับมาอีกครั้ง เขาจัดการขั้นตอนต่างๆ เกี่ยวกับการรับยาเม็ดนั้น นไว้เรียบร้อยแล้ว
เฟิ่งจิ่วลุกขึ้นแล้วจากไป ผู้ดูแลหลินส่งเขาด้วยตนเอง กระทั่งเงาร่างของเขาหายลับไปท่ามกลางท้องฟ้ายามราตรี จึงค่อยหันตัวเดินกลับไป
เฟิ่งจิ่วที่ออกจากหอแลกสมบัติแห่งนั้นรู้ว่าข้างหลังมีคนตามมา เธอเอายาเม็ดนั้นออกมา คนจากหอแลกสมบัติจะต้องหาทางสืบรู้ให้ได้ว่าเธอเป็นใคร
แต่ว่าเธอเป็นคนที่สะกดรอยตามได้ง่ายขนาดนั้นหรือ?
หลังจากที่ทะยานผ่านถนนหลายสายท่ามกลางความมืด ขณะผ่านทางโค้งที่ไม่มีคนอยู่ เฟิ่งจิ่วฉวยโอกาสหายตัวเข้าไปในห้วงมิติ
พอเธอหายตัวเข้าไปในห้วงมิติ ผู้ฝึกตนชุดดำสี่คนก็ไล่ตามมาทางนี้ ครั้นค้นพบว่าเงาร่างสีแดงที่ไล่ตามมาตลอดทางหายไปแล้ว พวกเขาตะลึงงัน
“คนเล่า? ทำไมไม่เห็นแล้ว?”
“แม้แต่ดวงจิตก็หายไปด้วย”
พวกเขาคุยกัน มองหน้ากันแวบหนึ่ง ก่อนจะออกตามหาละแวกใกล้เคียงอีกครั้ง กระทั่งมั่นใจว่าตามหาคนคนนั้นไม่เจอ จึงค่อยกลับ…
ณ หอแลกสมบัติ
“อะไรนะ? คลาดกันอย่างนั้นหรือ?” ผู้ดูแลหลินแปลกใจ “วรยุทธ์ของเขาไม่ได้สูงเลยนะ! ด้วยวรยุทธ์ของพวกเจ้าเหตุใดจึงคลาดกันได้?”
“น่าจะรู้ตัวว่าพวกข้าตามไป อีกอย่าง ตอนนั้นพวกข้าสะกดรอยตามด้วยการเพ่งจับไปที่ดวงจิตของเขา เพียงแต่ ต่อมาแม้แต่ดวงจิตของเขาก็หายไปด้วย พวกข้าเดาว่าวรยุทธ์ของเขาน่าจะ ไม่ใช่อย่างที่ผู้ดูแลหลินเห็น”
ผู้ดูแลหลินนัยน์ตาหดเล็ก “ไม่ใช่อย่างที่ข้าเห็นงั้นหรือ? จะเป็นไปได้อย่างไร!” เขาไม่อยากจะเชื่อ นักเล่นแร่แปรธาตุที่มีพรสวรรค์น่าทึ่งจนถึงขั้นกลั่นยาระดับเจ็ดขึ้นมาได้ จะยัง งเป็นผู้มีพรสวรรค์ด้านการฝึกวรยุทธ์ด้วย
“ผู้ดูแล ต้องการให้ส่งคนออกไปตามหาในเมืองหรือไม่?” หนึ่งในนั้นถาม
ผู้ดูแลหลินได้สติ โบกมือเอ่ยว่า “ไม่ต้องแล้ว พวกเจ้าออกไปก่อนเถอะ!” ในเมื่อคลาดกันแล้ว ก็แสดงว่าถูกจับได้แล้ว หากยังดื้อดึงสะกดรอยตามอีก เกรงว่าจะทำให้เขาโกรธเคือง ถึงอย ย่างไรเสีย อีกเจ็ดวันเขาก็จะมาอีกครั้ง เมื่อถึงตอนนั้นค่อยถามเอาก็ได้
อีกอย่าง บันไดสู่แดนเซียน ในเมื่อเขาอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับบันไดสู่แดนเซียน อย่างนั้นจะต้องเป็นคนที่อยากขึ้นบันไดสู่แดนเซียนแน่นอน เมื่อเป็นอย่างนี้ทุกอย่างก็ง่ายขึ้น
ตอนนี้ เขารีบรายงานเรื่องนี้ให้นายท่านรู้ดีกว่า
ในอีกด้านหนึ่ง เฟิ่งจิ่วที่กลับมาถึงจวนอาบน้ำอาบท่าเพื่อกำจัดกลิ่นสุราออกจากตัวก่อน จากนั้นก็ใส่เสื้อด้านในเดินไปล้มตัวลงบนเตียง
………………………………….
ตอนที่ 2620 ไปงานเลี้ยง
ขณะกำลังจะนอน ก็ได้ยินเสียงของเซี่ยอวี้ถังดังเข้ามา
“เฟิ่งจิ่ว เจ้ายังไม่นอนกระมัง? ข้าเข้าไปแล้วนะ”
เซี่ยอวี้ถังพูดจบก็ยื่นมือไปผลักประตู แต่ใครจะรู้ว่าประตูกลับเปิดไม่ออก เขาอดถลึงตาไม่ได้ “นี่เจ้าลงกลอนประตูหรือ? อยู่เรือนเดียวกับข้า เวลานอนเจ้ายังลงกลอนประตูอีก? เจ้ ากลัวโจรหรือว่าอย่างไรกัน!”
เฟิ่งจิ่วที่เอนกายนอนอยู่บนเตียงขี้คร้านจะสนใจเขา อย่างไรประตูก็ลงกลอนไว้ เขาคงไม่ปีนเข้ามาทางหน้าต่างอยู่แล้ว ด้วยนิสัยของเซี่ยอวี้ถัง เขาไม่มีวันทำเรื่องเสื่อมเสียเกียรต ติอย่างการปีนห้องคนอื่นแน่นอน
“เจ้าลงกลอนประตูเพราะรู้ว่าข้าจะมาใช่หรือไม่? ข้ารู้ว่าเจ้ายังไม่นอน เจ้าว่าคืนนี้ทั้งคืนเจ้าไปไหนมา? ไม่เห็นเงาตั้งแต่หัวค่ำแล้ว หากพ่อบ้านไม่บอกว่าเจ้าออกไปข้างนอก ข้ายังไม ม่รู้ว่าคนอย่างเจ้าจะออกไปข้างนอกเป็นกับเขาด้วย”
เซี่ยอวี้ถังตะโกนโวยวายอย่างไม่พอใจอยู่ข้างนอก ไม่เห็นเฟิ่งจิ่วออกมา เขาก็ยิ่งเดือดดาล “ข้าอุตส่าห์รอเจ้าที่ลานสวนด้านหน้าเสียนาน เจ้ากลับแอบเลี่ยงข้ากลับมาที่เรือน? หากไม ม่ใช่บ่าวรับใช้ในจวนบอกข้า ข้ายังไม่รู้ว่าเจ้ากลับมาแล้ว เจ้าว่ามีเด็กรับใช้ที่ไหนทำตัวเช่นเจ้ากัน?”
ได้ยินเสียงพร่ำบ่นข้างนอก เฟิ่งจิ่วยกมือร่ายเขตอาคมกั้นเสียงก่อนจะหลับตานอน ส่วนเซี่ยอวี้ถังก็พูดเองเออเองอยู่ข้างนอกจนคอแห้ง สุดท้ายจึงค่อยสะบัดเสียงแล้วกลับห้องไป
วันต่อมา ตอนที่เฟิ่งจิ่วออกจากห้อง ก็เห็นเซี่ยอวี้ถังยืนถลึงตาจ้องเธออยู่หน้าห้อง เธอจึงถามว่า “เช้าขนาดนี้เชียวหรือ? รอข้ามีเรื่องอะไรอย่างนั้นรึ?”
ทว่าเมื่อเธอพูดจบ เซี่ยอวี้ถังพลันตะลึงงันไป ชี้หน้าเฟิ่งจิ่วด้วยความอึ้งงัน “จะ เจ้าพูดได้แล้วหรือ?”
“ใช่น่ะสิ! เมื่อวานข้าออกไปเดินรอบเมือง ซื้อยารักษาอาการเจ็บคอมาได้เม็ดหนึ่ง วันนี้จึงดีขึ้นมากแล้ว” เธอลูบลำคอขณะเอ่ยอย่างครุ่นคิด
เซี่ยอวี้ถังที่ได้ฟังอย่างนั้น ตอนแรกที่ยังเดือดดาลสุดขีดเวลานี้กลับลืมโกรธไปเสียสนิท ได้แต่จ้องเฟิ่งจิ่ว และเอ่ยอย่างประหลาดใจว่า “ทำไมเสียงของเจ้าฟังดูแปลกๆ? ไม่เหมือนกับ เสียงของข้าเลย”
“แปลกหรือ? ข้ารู้สึกว่าใช้ได้นะ”
เวลานี้ เซี่ยอวี้ถังนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนตนเองยืนรอหน้าห้องของเขานานมาก พูดอยู่นานมากแต่กลับไร้เสียงตอบรับจากเฟิ่งจิ่ว จึงอดถามด้วยความโกรธไม่ได้ “เมื่อคืนทำไมเจ้าไม่พูด ดเล่า? ข้ารออยู่ข้างนอกตั้งนาน เจ้าไม่ส่งเสียงกลับมาสักนิด”
“หา? เมื่อคืนท่านยืนพูดอยู่หน้าห้องของข้าหรือ? ข้าไม่รู้เรื่องเลยนะ!” เธอทำหน้าเหมือนไม่รู้เรื่องรู้ราว “ข้ากลับมากินยาแล้วก็นอนหลับเลย ไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น”
เซี่ยอวี้ถังได้ฟังคำตอบก็รู้สึกเหมือนไม่ร็จะระบายความโกรธที่ไหน เขาสูดหายใจลึกๆ ถลึงตาจ้องเฟิ่งจิ่ว จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อจากไป
เฟิ่งจิ่วมองเขาอย่างไม่เข้าใจ ลูบท้องตนเอง ก่อนจะเดินไปทางห้องครัว
ที่นี่ เธออยู่อย่างอิสระ ไม่ต้องไปเดินเตร่อยู่ต่อหน้าคนของตระกูลเซี่ยบ่อยๆ อยากทำอะไรก็ทำ แม้จะบอกว่าต้องดูแลบ่าวรับใช้ในจวนนี้ แต่บ่าวรับใช้ก็ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ละค คนล้วนรักษากฎเกณฑ์เป็นอย่างดี เธอจึงว่างและมีความสุขมาก
วันนี้ เธออยู่ในจวนก็ไม่ได้ทำอะไร เพียงเดินเล่นไปทั่ว บางครั้งก็แลกเปลี่ยนประลองกำลังกับสองพี่น้องเซี่ยอวี้ถังและเซี่ยซือซือ กระทั่งถึงวันที่ต้องไปงานเลี้ยงของตระกูลหร่วน เธอจึงค่อนข้างยุ่งขึ้นมาบ้างแล้ว
เตรียมรถม้าตั้งแต่เช้ามืด วันนี้เธอรับหน้าที่เป็นคนขับรถม้า หลังจัดระเบียบข้าวของเรียบร้อย ก็ขับรถม้ามารอพวกเขาอยู่หน้าประตู
“เสี่ยวจิ่ว เจ้าว่าวันนี้ข้าใส่เสื้อผ้าสวยหรือไม่? นี่เป็นเสื้อผ้าชุดใหม่” เซี่ยซือซือเห็นเฟิ่งจิ่วก็รีบวิ่งเข้ามาหา ถามด้วยสีหน้าเบิกบานใจ
“สวยมาก” เฟิ่งจิ่วตอบคำ ก่อนหันไปมองหญิงงามที่ตามหลังมา