เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2625 บุกเข้าไปส่งเดช / ตอนที่ 2626 เด็กสาว
ตอนที่ 2625 บุกเข้าไปส่งเดช
“เอ๊ะ? ทำไมเดินออกไปไม่ได้แล้วเล่า?” เซี่ยอวี้ถังหยุดเดิน เดินวนสองรอบก็ย้อนกลับมาที่เดิม อดหันหลังด้วยความตกใจไม่ได้ “คงไม่ได้เข้ามาในที่ที่ไม่ควรเข้าแล้วหรอกกระมัง?”
“ที่นี่วางค่ายกลเอาไว้” เฟิ่งจิ่วพูดขึ้น ปล่อยดวงจิตออกไป รู้สึกได้ว่าแถวๆ นี้ไม่มีองครักษ์ลับคอยเฝ้าคุ้มกันเลย ขณะกำลังจะเอ่ยปาก ก็ได้ยินเสียงพิณอันไพเราะดังมาจากข้างหน้ า
“ใครกำลังดีดพิณ? เจ้าได้ยินเสียงพิณหรือไม่?” เซี่ยอวี้ถังหันไปถามเฟิ่งจิ่ว สาวเท้าทำท่าจะเดินตามเสียงพิณ แต่กลับเฟิ่งจิ่วรั้งไว้
“เจ้าดึงข้าไว้ทำไม?” เขาหันกลับมาถลึงใส่เฟิ่งจิ่วอย่างไม่พอใจ
“นี่เป็นบ้านของคนอื่นเขา อย่าบุกเข้าไปส่งเดช” เจ้าหนูนี่ไม่รู้จักรักตัวกลัวตายเสียเลย ไม่รู้เลยหรือว่าความสงสัยฆ่าคนได้?
“ข้าไม่ได้บุกเข้าไปส่งเดชนี่!”
เขาแย้ง “เจ้าดู พวกเราก็บังเอิญพลัดหลงเข้ามาแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็อาจไม่ระวังเดินไปจนถึงข้างหน้า นี่ก็ไม่ใช่ว่าจงใจบุกเข้าไปส่งเดช” เขายิ้มเหมือนขโมยตัวน้อย “ไปเถอะๆ! ! ไหนๆ ก็เข้ามาแล้ว ไปแอบดูสักหน่อยก็ดี ดูว่าใครกำลังดีดพิณ”
เฟิ่งจิ่วถอนหายใจอย่างเอือมระอา “เจ้าเดินไปทั่วเช่นนี้ หากไปเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นเข้า จะทำให้เกิดปัญหาได้นะ ไปกับข้าเถอะ! พวกเราไปหาแม่ของเจ้ากัน” เธอดึงเขา ใครจะรู้เจ้าหนู นี่กลับหลบมือของเธอแล้ววิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“แค่ดูจะเป็นไรไป? อีกอย่าง ที่นี่จะเกิดปัญหาอะไรได้ มีเสียงพิณ จะต้องมีที่ที่คนอยู่แน่ๆ พอดีจะได้ถามเขาว่าพวกเราจะออกจากค่ายกลนี้อย่างไร” เซี่ยอวี้ถังสาวเท้าเร็วๆ เดินตาม เสียงพิณไปข้างหน้า เพียงแต่ ยังคงเดินออกจากค่ายกลไม่ได้อยู่ดี
เฟิ่งจิ่วเห็นอย่างนั้นก็ได้แต่ส่ายหัว ทำได้เพียงคอยเดินติดตามข้างกายเขา หลังจากเดินวนอยู่หลายรอบ เห็นว่าเขาทำท่าจะเดินไปอีกทาง เธอจึงรั้งเขา บอกว่า “ทางนั้นเหมือนจะเ เคยไปแล้วเมื่อกี้ ลองทางนี้ก็แล้วกัน!”
“เคยไปแล้วหรือ?” เขาทำท่าเหมือนสงสัยมาก
“อืม เคยไปแล้ว” เฟิ่งจิ่วบอก ก่อนจะเดินไปอีกทาง
เห็นอย่างนั้น เซี่ยอวี้ถังจึงเดินตามเฟิ่งจิ่วไป ผ่านไปไม่นาน ขณะที่พวกเขาสองคนเดินออกมาจากค่ายกล เซี่ยอวี้ถังมองเฟิ่งจิ่วด้วยความตกตะลึง “เจ้าก็โชคดีเกินไปแล้วกระมัง? เดินมั่ วๆ ก็ออกจากค่ายกลมาได้แล้ว?”
เฟิ่งจิ่วลอบกลอกตา ไม่สนใจเขา แต่หันมองรอบๆ แวบหนึ่ง เห็นศาลาหลังหนึ่งอยู่ในป่าไผ่ด้านหน้าจากที่ไกลๆ และดูเหมือนในศาลาหลังนั้นจะมีเด็กสาวคนหนึ่งกำลังดีดพิณอยู่
“เป็นผู้หญิง เหตุใดจึงมาอยู่ในสถานที่เช่นนี้ได้?” เซี่ยอวี้ถังเปรย เฟิ่งจิ่วยังไม่ทันตอบเขาก็สาวเท้ายาวๆ ออกเดินไปก่อนแล้ว พลางตะโกนขึ้นว่า “แม่นาง ขอถามหน่อย! ค่ายกลนี้จ จะเดินออกไปได้อย่างไร?”
เด็กสาวที่กำลังดีดพิณได้ยินเสียงนี้ราวกับสะดุ้งตกใจ นางไม่แม้กระทั่งจะหันมามองก็ลนลานวิ่งเข้าไปในป่าแล้ว เพราะวิ่งเร็วเกินไป จึงสะดุดก้อนหินบนพื้นล้มลงไปหนึ่งครั้ง แต่น นางก็คลานขึ้นมาแล้ววิ่งหนีต่ออย่างไม่สนความเจ็บปวด
เซี่ยอวี้ถังยืนอึ้งอยู่ไม่ไกล มองเด็กสาววิ่งเข้าไปในป่าอย่างตะลึงค้าง ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาหันมามองเฟิ่งจิ่ว “ข้าหน้าตาน่าตกใจมากหรือ? ทำไมข้าแค่พูดผู้หญิงคนนั้นก็ตกใจจนว วิ่งหนีไปแล้ว?”
เฟิ่งจิ่วทอดมองเข้าไปในป่า มองเพียงแวบเดียวก็ละสายตากลับมา ตอบว่า “คิดว่าคงไม่ค่อยได้พบใครบ่อย พวกเราปรากฏตัวเช่นนี้ก็ถือว่าไร้มารยาทแล้ว ไปกันเถอะ!”
“ไป? ไปไหนเล่า? เจ้ารู้หรือว่าจะออกไปอย่างไร?” เซี่ยอวี้ถังมองเฟิ่งจิ่วตาขวาง ก่อนพูดว่า “เมื่อกี้ที่เข้ามาได้ก็เพราะเจ้าโชคดีหรอก ตอนนี้จะเข้าไปอีก เดาว่าเดินจนฟ้ามืดก็คงอ ออกไปไม่ได้”
เฟิ่งจิ่วมุมปากกระตุก ได้แต่มองเขาอย่างหมดคำจะเอ่ย ลอบคิดในใจ ฮูหยินคนงามคนนั้นเหตุใดจึงได้ให้กำเนิดลูกชายที่โง่ขนาดนี้?
………………………………….
ตอนที่ 2626 เด็กสาว
“ตามข้ามาเถอะ! รับรองไม่มีทางผิด พวกเราออกไปไม่ได้ ผู้หญิงคนเมื่อกี้จะต้องรู้แน่ว่าจะออกไปได้อย่างไร อีกอย่าง ข้าเป็นเจ้านาย เจ้าควรฟังข้าให้มาก” เซี่ยอวี้ถังอธิบาย พลางสา าวเท้าไปข้างหน้า และถามด้วยความสงสัย “แต่ว่าเหล่าคุณชายและคุณหนูในตระกูลหร่วนล้วนรวมตัวกันอยู่ที่งานเลี้ยงด้านหน้า เหตุใดนางจึงไม่ไปกันนะ?”
เฟิ่งจิ่วขี้คร้านจะตอบคำ จึงได้แต่เดินตามเขาไป ที่แห่งนี้เธอใช้ดวงจิตสำรวจดูแล้ว มีเด็กสาวคนเมื่อกี้แค่คนเดียว ไม่มีใครอื่นแล้ว ในเมื่อเขาอยากไปดู อย่างนั้นก็ตามใจเขาแล้ว วกัน!
ทั้งสองเดินเข้าไปในส่วนลึกของป่าไผ่ กระทั่งมาถึงเรือนไผ่หลังหนึ่ง เฟิ่งจิ่วใช้ดวงจิตกวาดสำรวจ จึงรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นวิ่งเข้าไปหลบอยู่ในป่าไผ่ ลอบประหลาดใจเล็กน้อย ที่นี่คื อตระกูลหร่วน ผู้หญิงคนนี้ก็น่าจะเป็นคนของตระกูลหร่วน เหตุใดเมื่อเห็นพวกเขาแล้วจึงตกใจจนต้องวิ่งมาซ่อนตัวเช่นนี้?
ขณะกำลังครุ่นคิด ก็เห็นเซี่ยอวี้ถังเดินเข้าไปเคาะประตูก่อนแล้ว “มีคนอยู่หรือไม่? แม่นาง? แม่นาง?”
เฟิ่งจิ่วที่ยืนอยู่ข้างหลังเห็นอย่างนั้นจึงเดินไปนั่งลงข้างโต๊ะหินที่อยู่นอกเรือนไผ่ เธอใช้มือข้างหนึ่งเท้าแก้มพลางสังเกตสภาพแวดล้อมรอบๆ ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงเล็กๆ ตอบกลับ บมา
“พะ พวกเจ้าเป็นใคร? พวกเจ้าจะทำอะไร?”
ครั้นได้ยินเสียง เซี่ยอวี้ถังฉีกยิ้มกว้าง ตอบว่า “พวกเราเป็นคนจากตระกูลเซี่ย วันนี้เป็นงานเลี้ยงวันเกิดของนายหญิงใหญ่ตระกูลหร่วน เชิญแขกจากตระกูลสูงต่างๆ มามากมาย ข้ากับ เด็กรับใช้ของข้าไม่ระวังเดินหลงเข้ามาในค่ายกล ตอนนี้ออกไปไม่ได้ ค่ายกลนั่นเจ้าน่าจะรู้ว่าออกไปอย่างไรกระมัง? เจ้าบอกพวกเราหน่อยเถอะว่าต้องออกไปอย่างไร!”
เฟิ่งจิ่วได้ยินก็ยิ้มๆ ค่ายกลนั่นดูเหมือนง่าย ที่จริงซับซ้อนมาก เห็นได้ชัดว่าต้องการแยกป่าไผ่แห่งนี้จากโลกภายนอก ยิ่งไปกว่านั้น รอบๆ ค่ายกลก็ไม่มีองครักษ์คอยเฝ้าคุ้มกันเลย สักคน เห็นได้ชัดคนที่วางค่ายกลไว้รู้ว่า แม้จะมีคนเดินหลงเข้ามาค่ายกลแต่ก็เข้ามาในป่าไผ่ไม่ได้อยู่ดี
ส่วนเด็กสาวที่อาศัยอยู่ที่นี่ ดูท่าทางอายุประมาณสิบกว่าปี เดาว่าคงแก้ค่ายกลนั่นไม่ได้เช่นกัน
“ขะ ข้าไม่รู้” เด็กสาวตอบกลับมาเบาๆ สัมผัสได้ถึงความเศร้าในน้ำเสียงรางๆ
เซี่ยอวี้ถังตะลึง “ไม่รู้?” เขาหันไปมองเฟิ่งจิ่วด้วยสัญชาตญาณ “นางไม่รู้ แล้วจะทำอย่างไรดี?”
เฟิ่งจิ่วเผยยิ้ม ตอบว่า “ท่านเป็นคุณชาย เรื่องนี้จะทำอย่างไรข้าก็ควรฟังเจ้า”
เซี่ยอวี้ถังชะงักงัน ก่อนจะยิ้มแห้งๆ “เมื่อกี้ข้าก็แค่พูดเล่น อีกอย่างนะ อยู่ในบ้านข้าเจ้าก็ไม่ใช่บ่าวแต่อย่างใด แค่ตอนอยู่ต่อหน้าคนนอกต้องบอกว่าเจ้าเป็นเด็กรับใช้ แม้เจ้าจะ ะไปจากบ้านข้าเมื่อใด พวกเราก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้อยู่ดี ใช่หรือไม่?”
เขาเดินมานั่งลงข้างโต๊ะด้วย มองเฟิ่งจิ่ว ก่อนกล่าวว่า “พวกเราก็ออกมานานแล้ว หากยังไม่กลับไปอีก ท่านแม่ของข้าต้องตามตัวไม่เจอแน่”
“งั้นหรือ!”
เธอมองเขาอย่างเฉื่อยชา ก่อนพูดว่า “แต่ข้าก็ทำอะไรไม่ได้นี่นา! ค่ายกลนั่นข้าเองก็ไม่ได้เข้าใจมาก เดินเข้ามาได้ก็เพราะโชคดีล้วนๆ หากเดินกลับเข้าไปอีกครั้ง เดาว่าเดิน จนมืดก็คงออกไปไม่ได้อยู่ดี!”
เซี่ยอวี้ถังมุมปากกระตุก ทำไมคำพูดนี้ฟังดูคุ้นหูนักนะ!
ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ตรงนี้ ประตูเรือนไผ่ค่อยๆ แง้มเปิดออกเป็นช่องเล็กๆ เด็กสาวคนนั้นมองลอดออกมาข้างนอก จ้องพวกเขาสองคนอย่างระมัดระวัง บวกกับความสงสัยใคร่รู้
เฟิ่งจิ่วหันไปเห็น เด็กสาวสะดุ้งตกใจเหมือนกระต่ายสีขาวตัวน้อย รีบปิดประตูที่แง้มเปิดเป็นช่องเล็กๆ ดังปังแล้วซ่อนตัวเข้าไปข้างในอีกครั้ง ทำเอาเธออดเผยยิ้มไม่ได้