เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2627 โรคร้าย / ตอนที่ 2628 ไม่ใช่คนดี
ตอนที่ 2627 โรคร้าย
เหมือนกระต่ายตื่นตูมจริงๆ ด้วย แต่เหมือนเด็กผู้หญิงคนนั้นจะใส่ผ้าโปร่งปิดหน้าไว้ด้วย?
เซี่ยอวี้ถังเห็นดังนั้นก็ลุกขึ้น สาวเท้ายาวๆ เดินไปทางประตู “แม่นาง เจ้าจะออกมาคุยกับพวกข้าหรือไม่? เจ้าเป็นใครรึ? ถูกคนจับขังไว้ที่นี่ใช่หรือไม่? พวกข้าไม่ใช่คนเลว เจ้าจะออกมาไหม?”
ฟังเสียงจากข้างนอก เด็กสาวในเรือนลังเลเล็กน้อย ในที่สุดก็เปิดประตูเดินออกมา นางมองเซี่ยอวี้ถังที่อยู่ตรงหน้า จากนั้นก็หันไปมองเฟิ่งจิ่ว ครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะหันตัวเดินเข้าไปในเรือน ผ่านไปไม่นาน ก็เอาขนมว่างจานหนึ่งออกมา
“ให้พวกเจ้ากิน”
นางเอ่ยเสียงเบา ท่าทางเกร็งๆ ไม่กล้ามองพวกเขาตรงๆ เอาแต่ก้มหน้าก้มตา แต่กลับเต็มไปด้วยความจริงใจ
“เมื่อกี้ตอนอยู่ข้างหน้าพวกข้ากินไปไม่น้อย…” เซี่ยอวี้ถังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องหลักทำนองคลองธรรมนัก คิดแต่เพียงว่าพวกเขาเพิ่งกินเพิ่งดื่มไปจนรู้สึกอิ่มท้อง กลับนึกไม่ถึงเขายังพูดไม่ทันจบ เฟิ่งจิ่วที่เดินมาเมื่อไรไม่รู้กลับรับขนมจานนั้นไปก่อน
“ขอบคุณ” เฟิ่งจิ่วเอ่ย รับจานเดินไปที่โต๊ะ ก่อนพูดขึ้นว่า “มานั่งด้วยกันเถอะ!”
เด็กสาวพลันเงยหน้ามองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง ดวงตาเป็นประกาย นางพยักหน้าด้วยความดีใจ “อืม” จากนั้นก็เดินตามเฟิ่งจิ่วมานั่งที่โต๊ะ
“เจ้าชื่ออะไรหรือ?” เฟิ่งจิ่วถาม ก่อนหยิบขนมว่างชิ้นหนึ่งใส่ปาก
“ขะ ข้าชื่อหร่วนหรูอวิ๋น” นางก้มหน้า สองมือที่อยู่ใต้โต๊ะกำลังขยี้ชายเสื้อของตนเองด้วยความประหม่า
“เจ้าเป็นคนของตระกูลหร่วนหรือ? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่คนเดียว?” ถึงอย่างไรก็ออกไปไม่ได้ เซี่ยอวี้ถังจึงไม่รีบร้อน ถือโอกาสถามด้วยความอยากรู้เสียเลย
ด้วยประการฉะนี้ หลังจากที่ถามมาตอบไปอยู่พักหนึ่ง เซี่ยอวี้ถังก็ถามจนรู้สาเหตุที่อยู่ที่นี่รวมไปถึงฐานะของนางจนหายข้องใจ ที่แท้เด็กสาวก็เป็นคุณหนูสี่ของตระกูลหร่วน หรือก็คือลูกสาวคนเล็กของนายหญิงใหญ่ตระกูลหร่วนนั่นเอง เพียงแต่ เพราะมีตำหนิบนใบหน้าตั้งแต่เด็ก รักษาอย่างไรก็ไม่หาย จึงถูกขังอยู่ในนี้มาตลอด
“ไม่ใช่กระมัง? ถึงอย่างไรก็ถือเป็นลูกสาวของฮูหยินตระกูลหร่วน เหตุใดจึงขังเจ้าไว้ที่นี่ด้วยเหตุผลนี้?”
เซี่ยอวี้ถังตกตะลึง ท่านแม่ของพวกเขาดีกับพวกเขาสองพี่น้องมาก เขาเชื่อว่าแม้พวกเขาสองพี่น้องจะมีโรคร้ายอะไร นางก็จะไม่มีวันทอดทิ้งพวกเขาไปเป็นแน่ แต่เด็กสาวตรงหน้า เห็นได้ชัดว่าถูกตระกูลของนางทอดทิ้งเสียแล้ว
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็อยู่ที่นี่คนเดียวตั้งแต่ห้าขวบหรือ?” เฟิ่งจิ่วเองก็ตะลึงเช่นกัน ถึงกับขังเด็กที่อายุน้อยขนาดนั้นไว้ที่นี่คนเดียวเชียวหรือ?
อาจเพราะแต่ก่อนไม่เคยมีคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกันเข้ามา หรืออาจเพราะเฟิ่งจิ่วกับเซี่ยอวี้ถังทำให้นางรู้สึกได้ว่าพวกเขาไม่ใช่คนเลว ด้วยเหตุนี้นางจึงค่อยๆ เปิดใจ
“อืม ท่านพ่อกับท่านแม่บอกว่าหากให้คนนอกรู้ว่าข้าหน้าตาเป็นอย่างไร จะทำให้ตระกูลอับอาย ฉะนั้นจึงให้ข้าอยู่ที่นี่คนเดียว แต่พวกเขาส่งคนมาสอนหนังสือข้า สอนข้าดีดพิณด้วยนะ พี่ใหญ่ของข้าก็มาส่งของให้ข้าตลอดเช่นกัน”
“วรยุทธ์ของเจ้าก็ไม่เลว หนำซ้ำยังไม่ด้อยกว่าพี่สาวที่โตกว่าเจ้าด้วย พ่อแม่เจ้าไม่รู้เชียวหรือ?” เฟิ่งจิ่วเอ่ยประโยคนี้ออกไป หร่วนหรูอวิ๋นพลันสะดุ้ง เงยหน้ามองเธอโดยสัญชาตญาณ
เห็นปฏิกิริยาของนาง เฟิ่งจิ่วยักคิ้ว เซี่ยอวี้ถังกลับตะลึงงัน จ้องพิจารณาหร่วนหรูอวิ๋นตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะหันไปมองเฟิ่งจิ่ว “วรยุทธ์ของนางไม่เลวงั้นหรือ? ทำไมข้าดูไม่ออกเลย?”
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชา “วรยุทธ์ของนางสูงกว่าเจ้าด้วยซ้ำ”
เซี่ยอวี้ถังตะลึงงัน “ไม่ใช่กระมัง? วรยุทธ์สูงกว่าข้าอีกงั้นหรือ? ข้าไม่เชื่อ!”
………………………………….
ตอนที่ 2628 ไม่ใช่คนดี
หร่วนหรูอวิ๋นจ้องเฟิ่งจิ่ว ในดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจและสงสัย “ท่านอาจารย์บอกว่า ศักยภาพแฝงในการฝึกวรยุทธ์ของข้าแม้แต่ท่านพ่อก็ดูไม่ออก เหตุใดเจ้าจึงดูออกเล่า?”
เซี่ยอวี้ถังได้ยินเช่นนั้นก็อดเบิกตากว้างไม่ได้ หมายความว่าวรยุทธ์ของเด็กผู้หญิงคนนี้สูงกว่าเขาจริงๆ งั้นหรือ?
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ “ข้ารู้ได้อย่างไรไม่สำคัญ แต่ในเมื่ออาจารย์ของเจ้าต้องการให้เจ้าปิดบัง อย่างนั้นก็คงมีเหตุผลของเขา เจ้าวางใจ พวกข้าออกจากที่นี่ไปก็จะลืมที่นี่เสีย จะไม่พูดถึงเรื่องเจ้าแน่นอน”
“ปัญหาก็คือพวกเราออกไปไม่ได้” เซี่ยอวี้ถังค้านขึ้นมา อดถอนหายใจไม่ได้ รู้อย่างนี้ไม่วิ่งเพ่นพ่านแต่แรกก็ดี ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องติดอยู่ในนี้แล้ว
เฟิ่งจิ่วเหล่มองเขา ก่อนลุกขึ้นยืน “ข้าเป็นคนดวงดี บางทีอาจออกไปได้!”
เซี่ยอวี้ถังชะงักไปครู่หนึ่ง แต่กลับไม่พูดอะไรอีก เพียงลุกขึ้นแล้วเดินมายืนข้างเขา “อย่างนั้นก็ได้! ข้าเดินตามเจ้า บางทีเจ้าดวงดี อาจจะออกไปจากที่นี่ได้จริงๆ ก็ได้”
เห็นพวกเขาจะไปกันแล้ว หร่วนหรูอวิ๋นลนลานลุกขึ้นมา นึกไม่ถึงว่าฝ่ามือของนางที่ค้ำโต๊ะจะกดโดนผ้าโปร่งปิดหน้า ผ้าโปร่งบนใบหน้าร่วงตกลงไปบนพื้นขณะที่นางลุกขึ้นยืน โฉมหน้าที่ถูกบดบังก็ปรากฏให้เห็นด้วยประการฉะนี้
“อ๊าก! แม่เจ้า!”
เซี่ยอวี้ถังตกใจอย่างไม่ทันตั้งตัว กรีดร้องออกมาและถอยหลังโดยสัญชาตญาณ เท่านั้นไม่พอ ยังยกมือข้างหนึ่งตบหน้าอกตนเองอย่างขวัญเสีย ถลึงตาจ้องหน้าหร่วนหรูอวิ๋น “ทะ ทำไมหน้าเจ้าจึงเป็นเช่นนี้เล่า!”
หร่วนหรูอวิ๋นชะงัก ลนลานเก็บผ้าโปร่งขึ้นมาหมายจะใส่ปิดหน้าอีกครั้ง แต่กลับถูกเฟิ่งจิ่วที่ยืนอยู่ด้านหนึ่งดึงมือไว้
“จะ เจ้าจะทำอะไร?” นางชะงักค้าง ก้มหน้าก้มตาอย่างทำตัวไม่ถูก พลางยกมือขึ้นปิดบังใบหน้าของตนเอง
เฟิ่งจิ่วหรี่ตา จ้องดวงหน้าของนาง ประกายมืดหม่นพาดผ่านดวงตา “นี่ก็คือโรคร้ายที่เจ้าพูดถึงหรือ? เจ้ารู้หรือไม่ว่า นี่คือพิษ?” สายตาของเธอไม่ได้ละออกไปเลย แต่ยังคงจ้องหร่วนหรูอวิ๋นอยู่อย่างนั้น
ใบหน้าของนางไม่เหลือเค้าเดิมให้เห็น มีเพียงปานสีเขียวดำกระดำกระด่างอยู่ทั่วใบหน้า แต่สิ่งที่ทำให้เฟิ่งจิ่วประหลาดใจก็คือ ขณะที่เธอกำข้อมือของนางแล้วบังเอิญจับถูกชีพจรของอีกฝ่าย กลับค้นพบว่าดวงวิญญาณต้นของนางถูกคนผนึกเอาไว้ หนำซ้ำ นางยังเป็นร่างพลังหยินบริสุทธิ์ด้วย
หร่วนหรูอวิ๋นมองเฟิ่งจิ่วด้วยความตะลึง “อะ อะไรนะ? พิษ? เป็นไปได้อย่างไร? โรคนี้ของข้าเป็นโรคร้ายที่ไม่มีใครรักษาหาย ไม่ใช่พิษ”
“ใครบอกเจ้าว่าเป็นโรคร้าย?” เฟิ่งจิ่วยักคิ้ว
“หมอหรือนักปรุงยาที่ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าเชิญมาล้วนบอกว่าเป็นโรคร้าย ยังบอกว่าข้าถูกวิญญาณร้ายตามรังควาน สิ่งที่อยู่บนหน้าข้าคือปานผี รักษาไม่ได้”
นางเล่าให้ฟังอย่างเศร้าสร้อย เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปมองเฟิ่งจิ่ว “แต่ท่านอาจารย์ของข้าบอกว่า ขอเพียงข้าตั้งใจฝึกฝนวรยุทธ์ ขอเพียงข้าทะลวงขั้นถึงระดับหลอมแก่นพลังโรคร้ายนี้ก็จะหายไป เพียงแต่หลายวันก่อนข้าทะลวงขั้นถึงระดับหลอมแก่นพลังแล้ว หน้าของข้าก็ยังเป็นเหมือนเดิม บางทีใบหน้าของเขาคงไม่มีทางหายได้แล้ว”
เฟิ่งจิ่วหรี่ตา แววตาลึกล้ำ ไม่รู้กำลังคิดสิ่งใดอยู่
“เมื่อกี้เจ้าบอกว่า ตอนอายุห้าขวบจู่ๆ เจ้าก็เป็นโรคร้าย และอาจารย์ของเจ้าก็ปรากฏตัวตอนนั้น?” เธอถามหร่วนหรูอวิ๋น
“อืม”
นางมองเฟิ่งจิ่วอย่างไม่เข้าใจคำถามของเธอ ในมือกำผ้าโปร่งเอาไว้ ลังเลเล็กน้อย ก่อนถามขึ้นว่า “ผ้าโปร่ง ขะ ข้าใส่ได้แล้วหรือยัง?” นางไม่คุ้นเคยกับการแสดงใบหน้าอัปลักษณ์เช่นนี้ต่อหน้าคนอื่น นั่นจะทำให้นางทำตัวไม่ถูก และทำให้นางรู้สึกต่ำต้อยด้วย
เฟิ่งจิ่วมองนาง เนิ่นนานก็ถอนหายใจ เอ่ยขึ้นว่า “ข้าขอเตือนเจ้าให้ระวังตัวหน่อย อาจารย์ของเจ้าน่าจะไม่ใช่คนดีอะไร”
………………………………….