เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2629 เชื่อหรือไม่แล้วแต่เจ้า / ตอนที่ 2630 วางแผน
ตอนที่ 2629 เชื่อหรือไม่แล้วแต่เจ้า
“ท่านอาจารย์ของข้าเป็นคนดี ท่านอาจารย์ดีกับข้ามาก เขาเป็นคนดี!” นางพูดอย่างโกรธเคือง น้ำเสียงจึงสูงขึ้นเล็กน้อย นางไม่ชอบให้เฟิ่งจิ่วพูดไม่ดีเกี่ยวกับอาจารย์ของนางอย่างนี
เฟิ่งจิ่วส่ายหัว “ช่างเถอะ ข้าพูดไปเจ้าก็ไม่เชื่อ อย่างไรเจ้าก็ระวังตัวหน่อยแล้วกัน! พวกข้าไปแล้ว เจ้าเองก็ลืมพวกข้าไปให้หมดเถอะ! อย่าบอกคนอื่นว่าพวกข้าเคยเข้ามาที่นี่”
เธอหันไปมองเซี่ยอวี้ถังที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหนึ่ง “ยังไม่ไปอีก?”
เซี่ยอวี้ถังได้สติ รีบเดินไปยืนข้างเฟิ่งจิ่ว ก่อนหันไปมองหร่วนหรูอวิ๋น สุดท้ายก็บอกลา “คือว่า พวกเราไปก่อนนะ”
เห็นพวกเขากำลังจะไปแล้ว หร่วนหรูอวิ๋นน้ำตาคลอเบ้า รีบเดินมาหยุดตรงหน้าเฟิ่งจิ่ว “ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจพูดเสียงดังใส่เจ้า เพียงแต่ท่านอาจารย์ของข้าเป็นคนดีจริงๆ”
เฟิ่งจิ่วไม่อยากพูดอะไรมาก แต่เห็นนางพูดอย่างนี้ จึงหันไปเอ่ยกับเซี่ยอวี้ถังว่า “เจ้าไปรอข้าข้างหน้า”
“หา? ทำไมเล่า!”
เซี่ยอวี้ถังไม่อยากไป แต่พอเห็นสายตาที่ตวัดมองมาของเฟิ่งจิ่ว เขาก็หดหัว รีบสาวเท้าเดินไปรอข้างหน้าโดยสัญชาตญาณ พลางพึมพำอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “ดุอะไรของเขานะ? ไม่ดูตัวเองเลย ยว่ามีแบบอย่างของการเป็นเด็กรับใช้บ้างหรือไม่ ปกติยามอยู่ต่อหน้าท่านแม่ทำเป็นใสซื่อบริสุทธิ์ พออยู่ข้างนอก็เอาแต่ดุข้า ยังสั่งข้าอีก”
พอเขาเดินห่างออกไป เฟิ่งจิ่วจึงหันมามองหร่วนหรูอวิ๋น “วันนี้เจ้าได้เจอข้า นับว่าเจ้ากับข้ามีโชคชะตาต่อกัน ข้าจะบอกเจ้าก็แล้วกัน! ส่วนจะทำอย่างไรนั้น เจ้าตัดสินใจเอาเองก็แล ล้วกัน”
เฟิ่งจิ่วเงียบไปครู่หนึ่ง จ้องนางด้วยสายตาลึกซึ้ง “บนหน้าเจ้าคือพิษจริงๆ แต่เป็นพิษที่ไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิต แค่จะทำให้มีปานกระด่ำกระด่างขึ้นบนใบหน้า ที่จริงจะแก้พิษนั้น นง่ายดายมาก เพียงแค่ดื่มน้ำหัวใจไผ่พิษในร่างกายก็จะค่อยๆ หาย และทำให้ปานพิษบนหน้าเจ้าลดลงไปเอง”
เห็นแววตาตกตะลึงและสงสัยของเด็กสาว เฟิ่งจิ่วอธิบายต่อว่า “เจ้าจะลองทำตามที่ข้าบอกก็ได้ อีกอย่างดวงจิตของเจ้าถูกคนผนึกเอาไว้ ข้าสันนิษฐานได้จากเรื่องที่เจ้าเล่าให้ฟังเมื่อ อกี้ คนที่ผนึกดวงจิตของเจ้าไว้น่าจะเป็นคนที่เจ้าเรียกว่าอาจารย์ ส่วนเพราะเหตุใดต้องทำอย่างนี้ ข้ายังต้องบอกเจ้าให้กระจ่าง”
เธอหยักยกมุมปากเล็กน้อย เห็นความตกใจในแววตาของเด็กสาว “เจ้าเป็นร่างหยินบริสุทธิ์ที่มีหนึ่งในหมื่น ร่างหยินบริสุทธิ์คืออะไรนั้น ข้าคิดว่าเจ้าฝึกวรยุทธ์มาจนถึงระดับนี้แล้ว ว น่าจะพอรู้อยู่บ้าง”
สายลมเบาๆ พัดผ่าน ใบไผ่พลิ้วร่วงไปตามสายลม หนึ่งในนั้นร่วงลงมาบนหัวไหล่ของเฟิ่งจิ่ว
เธอเอียงหัวเล็กน้อย มองไปที่หัวไหล่ ยกมือปัดใบไผ่ออกเบาๆ ก่อนพูดต่ออีกว่า “หากอาจารย์ของเจ้าเป็นผู้หญิง อย่างนั้น การที่นางให้เจ้าฝึกวรยุทธ์จนถึงระดับหลอมแก่นพลัง เดา ว่าคงต้องการแย่งชิงร่างกายของเจ้า แต่หากอาจารย์ของเจ้าเป็นผู้ชาย หึๆ อย่างนั้น เดาว่าคงต้องการใช้ร่างกายของเจ้าเป็นเตาหลอมยาแล้วละ!”
เฟิ่งจิ่วมองนาง เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “เอาละ ข้าจะพูดแค่นี้ เชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่เจ้า ใช่แล้ว ข้าเป็นคนไม่ชอบเรื่องวุ่นวาย ข้าไม่อยากให้ใครพูดถึงข้าอีก” เอ่ยจบ เธอหันตัวเดินออกไป มาหยุดยืนข้างๆ เซี่ยอวี้ถังที่กำลังเตะก้อนหินบนพื้นอยู่
“ไปเถอะ! ดูกันว่าดวงของข้าใช้หมดแล้วหรือยัง…” เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ สาวเท้าเข้าไปในค่ายกล เซี่ยอวี้ถังรีบตามไปติดๆ
หร่วนหรูอวิ๋นที่ยืนอึ้งค้างอยู่ตรงนั้นได้แต่มองดูเงาร่างสีเขียวหายลับไปจากป่าไผ่ทั้งอย่างนั้น ผ่านไปเนิ่นนานก็ยังไม่อาจดึงสติให้กลับคืนมา คำพูดของเฟิ่งจิ่วดังก้องอยู่ใน นหัวของนาง หัวใจดวงน้อยๆ อดไม่ได้ที่จะเริ่มสั่นไหวขึ้นมา…
………………………………….
ตอนที่ 2630 วางแผน
ในค่ายกล หลังจากเดินวนอยู่สองรอบ ในที่สุดทั้งสองก็ออกมาได้
เซี่ยอวี้ถังจ้องเฟิ่งจิ่วด้วยสายตาแปลกๆ ก่อนถามว่า “เจ้ารู้ว่าค่ายกลนี้ต้องเดินออกมาอย่างไร?”
“ข้าก็แค่โชคดี เดินไปเดินมาก็ออกมาได้แล้ว” เฟิ่งจิ่วยิ้มตอบ ก่อนจะเดินต่อไป
“เจ้าอย่ามาโกหกข้า จะอาศัยโชคอย่างเดียวแล้วเดินเข้าเดินออกได้ง่ายๆ ได้อย่างไรกัน? เจ้าจะต้องรู้วิชาค่ายกลแน่ๆ”
เซี่ยอวี้ถังเดินตามพูดอยู่ข้างๆ พลางมองเฟิ่งจิ่ว หน้าตาท่าทางธรรมดาไร้จุดเด่น แม้จะเดินอยู่บนถนนใหญ่ก็เดาว่าคงไม่มีอะไรสะดุดตา แต่เหตุใดยิ่งรู้จัก ก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาไม่ธร รรมดากันนะ?
“โธ่เอ๋ย เมื่อกี้เจ้าพูดอะไรกับนาง? ทำไมข้าฟังด้วยไม่ได้เล่า?” เขาอยากรู้ ตกลงเฟิ่งจิ่วพูดอะไรกับหร่วนหรูอวิ๋นกันแน่
“พวกเราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือ? ออกจากค่ายกลแล้วให้ลืมทุกอย่างในนั้นเสีย ห้ามพูดถึงอีก” เธอชำเลืองมองเขาด้วยหางตา “หรือว่าคำพูดของลูกผู้ชายอย่างเจ้ามักไม่น่าเชื่อถืออย่างนี ตลอด?”
เซี่ยอวี้ถังได้ยินอย่างนั้นก็ยืดอก “จะเป็นไปได้อย่างไร! ข้าพูดคำไหนคำนั้นเสมอ!”
“อย่างนั้นก็ดี” เธอพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนกล่าวว่า “หากมีคนถาม ก็บอกว่านั่งส้วมอยู่แล้วกัน”
เซี่ยอวี้ถังมุมปากกระตุก แต่กลับไม่ถามคำถามนั้นอีก เพียงมองเฟิ่งจิ่วด้วยสายตาสอดส่อง “เฟิ่งจิ่ว เจ้าเป็นใครกันแน่? เจ้ามาที่บ้านข้าทำไม? เจ้าคงไม่ได้ถูกใครส่งตัวแฝงเข้ามาอยู่ ในบ้านข้าหรอกนะ?”
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองเขาอย่างหมดคำจะพูด “เจ้าพูดอะไรใช้ความคิดหน่อยได้หรือไม่? ใครเป็นคนชวนข้าให้ร่วมเดินทางมาด้วยตอนเจอกันระหว่างทาง? แล้วใครให้ข้าไปอยู่ตระกูลเซี่ย? อีกอย ย่าง บ้านเจ้ามีอะไรดีให้ข้าแฝงตัวเข้าไปอยู่ด้วยหรืออย่างไรกัน?”
“อย่างนั้นทำไมเจ้ายังอยู่ที่บ้านข้าต่ออีกเล่า? วรยุทธ์ของเจ้าน่าจะสูงกว่าข้ากระมัง! ยังมีอีก ข้าพบว่าเจ้ารู้อะไรหลายอย่างมาก เจ้าดูออกตั้งแต่แวบแรกได้อย่างไรว่านางถูกพิษ ษ? อีกอย่าง…” เขายังอยากถามต่อ แต่กลับถูกเฟิ่งจิ่วขัดคอ
“หยุด” เฟิ่งจิ่วยกมือห้าม
ทั้งสองเดินมาถึงภูเขาจำลองโดยไม่รู้ตัว เธอหยุดเดินในเวลานี้ จากนั้นก็มองเซี่ยอวี้ถัง “วางใจ ข้าไม่ได้ต้องการอะไรจากครอบครัวของเจ้า แค่ตอนนี้ไม่มีที่ไปจึงพักอยู่ที่บ้านของเจ้ าชั่วคราวเท่านั้น อีกพักหนึ่งข้าก็จะไปแล้ว”
เซี่ยอวี้ถังอึ้งงัน “เจ้ายังจะไปอยู่อีกหรือ?”
“เหลวไหล ที่นั่นไม่ใช่บ้านของข้าเสียหน่อย ข้ายังต้องอยู่ต่อเพื่อเป็นเด็กรับใช้จริงๆ อีกรึ?” เธอกลอกตาอย่างไม่ไว้หน้า ก่อนจะออกเดินต่อ บางทีอาจเพราะอยู่กับเขาไม่ได้ปิดบัง นิสัยจริงๆ ด้วยเหตุนี้คำพูดและการกระทำจึงแสดงออกอย่างตามสบาย
“เจ้าไม่ใช่เด็กรับใช้ เจ้าเป็นหัวหน้าผู้ดูแลในบ้านข้าต่างหาก! แค่วันนี้ต้องสวมบทเป็นเด็กรับใช้เท่านั้น” เซี่ยอวี้ถังแย้ง ก่อนมองเฟิ่งจิ่ว แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ที่จริง หากเจ้าไม่มีท ที่ไป อยู่ที่บ้านข้าตลอดไปก็ได้”
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ ไม่พูดอะไร เพียงมองไปข้างหน้า ครั้นเห็นเซี่ยซือซือก็ดึงเซี่ยอวี้ถัง
“เจ้าดู นั่นน้องสาวของเจ้าไม่ใช่หรือ? นางจะตามสาวรับใช้ไปไหน?”
“ตามไปดูหน่อย” เซี่ยอวี้ถังว่าก่อนสาวเท้าใหญ่ๆ ไปข้างหน้า
เฟิ่งจิ่วกับเซี่ยอวี้ถังเดินตามไปอย่างไม่รีบร้อน มองดูสาวรับใช้คนนั้นนำทางเซี่ยซือซือไปยังเรือนรับรองหลังหนึ่ง พวกเขายังได้ยินแว่วๆ เซี่ยซือซือถามว่า “ทำไมพี่ชายของข้าจึงมาที่ นี่ได้? เขามาทำอะไรที่นี่?”
ครั้นได้ยินอย่างนั้นทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนที่เซี่ยอวี้ถังจะเอ่ยขึ้นว่า “ข้าอยู่ตรงนี้แท้ๆ ทำไมสาวรับใช้คนนั้นต้องโกหกเสี่ยวซือ? ไม่ได้การ ข้าจะไปดูหน่อย” เอ่ยจบ เขาเห็นน้ องสาวเดินเข้าไปในเรือน สาวรับใช้คนนั้นมองซ้ายมองขวาทีหนึ่ง จากนั้นก็กลับออกไปก่อน