เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2633 ไร้ที่พึ่ง / ตอนที่ 2634 ดาวนำโชค
ตอนที่ 2633 ไร้ที่พึ่ง
“กรรซ์!”
“โฮก!”
ด้านล่าง สัตว์ร้ายสองตัวต่อสู้กันเองเพื่อแย่งชิงอาหารเลิศรส สัตว์ร้ายสองตัวแยกเขี้ยวกระโจนเข้าใส่กัน เซี่ยซือซือที่อยู่บนต้นไม่ตกใจกอดต้นไม้แน่น
นางมองดูสัตว์ร้ายสองตัวกัดทึ้งกันเอง เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็น การฉีกทึ้งเลือดเนื้อ รวมถึงใช้ฟันแหลมๆ กัดขย้ำนั่น ทำให้นางตกใจจนฟันกระทบกัน ร่างกายสั่นเทิ้ม สองขาอ่อนแรงจน ไม่สามารถสาวเท้าไปจากที่นี่ได้แม้แต่ก้าวเดียว
“ไม่ได้การ หากข้ายังอยู่ที่นี่ต่อ อีกเดี๋ยวหากสัตว์ร้ายตัวหนึ่งตายไปแล้ว ข้าก็ต้องตายเหมือนกันแน่ๆ” นางพึมพำ ดวงหน้าซีดขาวเล็กๆ นั่นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไร้ที่พึ่งพิง ง
“ข้าต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ข้ายังต้องกลับบ้านอยู่นะ!”
นางสูดหายใจลึกๆ เพื่อให้ตนเองสงบลง เพียงแต่แม้จะใจเย็นลงอีกแค่ไหน หัวใจดวงน้อยๆ ก็ยังคงสั่นสะท้าน ความหวาดกลัวที่ผุดออกมาจากก้นบึ้งหัวใจ ความรู้สึกไร้ที่พึ่งพิงยามตกอยู่ใ ในอันตราย และไม่มีใครสามารถช่วยนางได้นั้น ทำให้นางแตกตื่นลนลานไม่หาย
แต่นางก็รู้ดี เวลานี้ตนเองจำเป็นต้องไปจากที่นี่ ไม่อย่างนั้นอีกเดี๋ยวเป้าหมายต่อไปของสัตว์ร้ายข้างล่างนั่นต้องเป็นนางแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ นางพยายามข่มความหวาดกลัวในใจ ขับเคลื่อนกลิ่นอายพลังวิญญาณอบอุ่นมือและเท้าที่เย็นเฉียบเพราะความหวาดกลัวสุดขีด ครั้นรู้สึกได้ถึงไออุ่นที่กระจายออกมาจากจุดตันเถียนใ ในร่างกาย มือและเท้าก็ค่อยๆ กลับมามีความรู้สึกและมีเรี่ยวแรงมากขึ้น เวลานี้เอง นางนึกถึงสมบัติที่อยู่ในห้วงมิติขึ้นมาได้
“ใช่แล้ว อาวุธวิเศษบินได้ที่ท่านพ่อให้ไว้!”
ดวงตาของนางเป็นประกายขึ้นมา รีบควานหาอาวุธวิเศษบินได้ชิ้นนั้นในห้วงมิติ มันคือใบไม้บิน เมื่อนางขว้างใบไม้บินออกไปแล้วกระโดดขึ้นไปนั่ง ก็อดถอนหายใจโล่งอกไม่ได้
นางนั่งใบไม้บินหนีไปจากที่นี่ เพียงแต่หลังจากบินออกมาได้ระยะหนึ่ง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากเหนือหัว เซี่ยซือซือเงยหน้าโดยสัญชาตญาณ กลับเห็นนกปากแหลมขนาดยักษ์ตัวห หนึ่งกระพือปีกบินพุ่งเข้ามาหานาง
“กรี๊ด!”
นางกรีดร้อง ก่อนจะร่วงตกลงมาจากกลางอากาศพร้อมกับอาวุธบินของนาง…
เฟิ่งจิ่วกับเซี่ยอวี้ถังที่ตกลงมาจากหลุมวนได้ยินเสียงกรีดร้องนั่นเข้าพอดี เซี่ยอวี้ถังเสียหลักร่วงตกลงมาบนพื้น แต่เฟิ่งจิ่วที่ตามลงมากลับรวบรวมกลิ่นอายพลังวิญญาณ ทิ้งตัวลง งพื้นอย่างง่ายดาย ก่อนจะหันไปมองทางเสียงกรีดร้องนั้น
“รีบลุกขึ้นเร็ว! เสียงของน้องสาวเจ้า” เฟิ่งจิ่วว่า ก่อนจะพุ่งกายไปทางนั้น
เซี่ยอวี้ถังที่ยังตั้งสติไม่ได้ว่าตนเองตกลงมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรได้ยินอย่างนั้นก็รีบลุกขึ้นและพุ่งตามไป หลังจากวิ่งออกมาได้หลายจั้ง กลับเห็นสิ่งของที่สะท้อนแสงตกอยู่บน พื้น ครั้นเพ่งมอง กลับเป็นกระบี่ของน้องสาวของเขา!
เขารีบวิ่งเข้าไปเก็บกระบี่เล่มนั้นขึ้นมา หัวใจตึงเกร็ง รีบวิ่งตามฝีเท้าของเฟิ่งจิ่ว
เฟิ่งจิ่วที่อยู่ข้างหน้าเงาร่างโฉบไหว ฝีเท้าทะยานผ่านหญ้ารก ความเร็วของเธอทำให้เซี่ยอวี้ถังที่อยู่ข้างหลังตามไม่ทัน ครั้นเธอเห็นสัตว์ร้ายตัวหนึ่งถูกกัดตายอยู่ในระยะห่างออ อกไปประมาณหนึ่งร้อยหกสิบจั้ง นัยน์ตาหรี่เล็ก รีบเข้าไปดูทันที
เซี่ยอวี้ถังที่ตามหลังมาก็เห็นสัตว์ร้ายถูกกัดตายเช่นกัน สัตว์ร้ายที่ถูกฟันแหลมคมกัดทึ้งจนตาย เขาหน้าซีดเผือด ตะโกนด้วยความตกใจ “น้องสาว!” ก่อนจะสาวเท้าวิ่งไปข้างหน้าทันที
“ไม่ อย่าเข้ามานะ…”
เซี่ยซือซือล้มอยู่บนพื้น นางตกลงมาจากอาวุธวิเศษบินได้ ข้อเท้านางพลิกทำให้ลุกขึ้นยืนไม่ได้ เห็นนกปากแหลมที่ปากเปื้อนเลือดย่างกรายใกล้เข้ามาทีละก้าวๆ แววตาเต็มไปด้วยประกา ายกระหายเลือด นางร้องไห้โฮออกมา ในใจรู้สึกสิ้นหวัง
“ท่านแม่…ท่านพ่อ…พวกท่านอยู่ที่ใด? รีบมาช่วยข้าเร็ว ฮือ…ข้ายังไม่อยากตาย…”
นางร้องไห้อย่างปวดใจ ยามเห็นนกปากแหลมตัวนั้นอ้าปากพุ่งเข้ามา นางกรีดร้องตกใจ “กรี๊ด! ไม่นะ!”
………………………………….
ตอนที่ 2634 ดาวนำโชค
เซี่ยซือซือที่คิดว่าตนเองจะต้องตายแน่กอดหัวและหลับตาแน่น ทว่าผ่านไปครู่หนึ่ง ได้ยินเพียงเสียงกระแสพลังสายหนึ่งพุ่งแหวกอากาศเข้ามา ตามมาด้วยเสียงโครมที่ดังอยู่ข้างหน้าน นาง
นางชะงักงัน ลืมตาอย่างระมัดระวัง เห็นเพียงห่างจากนางไปประมาณหกจั้ง เฟิ่งจิ่วในชุดสีเขียวกำลังถือกระบี่เดินเข้ามาทีละก้าวๆ
เมื่อเห็นเขา นางรีบตะโกนด้วยความดีใจ “เฟิ่งจิ่ว เฟิ่งจิ่ว! ข้าอยู่นี่ ข้าอยู่ทางนี้!” นางข่มความเจ็บที่ข้อเท้าแล้วลุกขึ้นยืน วิ่งกะเผลกไปหาเขา จากนั้นก็พุ่งตัวเข้าไปในอ อ้อมกอดของเขา กอดเขาไว้แน่นๆ ด้วยมือทั้งสองข้าง
“ฮือๆ…ข้านึกว่าข้าจะต้องตายแล้ว ข้านึกว่าข้าจะถูกกินแล้ว ฮือ…น่ากลัวมาก สัตว์ร้ายพวกนั้นน่ากลัวมาก…”
หัวใจที่ตึงเครียดเพราะความแตกตื่นหวาดกลัวสุดขีดผ่อนคลายลงในที่สุดเมื่อได้เจอเฟิ่งจิ่ว ขณะที่กำลังสิ้นหวังก็เห็นคนที่คุ้นเคยเข้ามาช่วยชีวิตนางไว้ นางจึงถลาตัวเข้ามาร้องไห้ อยู่ในอ้อมอกของเขา ระบายความหวาดกลัวทั้งหมดในใจออกมาอย่างนั้น
“ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ” เฟิ่งจิ่วปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ยกมือตบหัวนางเบาๆ ลอบคิดว่าโชคดีที่ไม่ได้มาช้าไป ไม่อย่างนั้น ไม่อยากคิดเลยว่าจะได้เห็นภาพอย่างไร
“น้องสาว!”
เซี่ยอวี้ถังก็วิ่งมาถึงแล้วเช่นกัน เขาเห็นสัตว์ร้ายที่ตายไปตัวนั้น ก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ ก่อนรีบสาวเดินมาข้างกายทั้งสอง
“น้องสาว เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง? บาดเจ็บหรือไม่?” เขาถามอย่างเป็นห่วง
“ท่านพี่! ฮือ ท่านพี่ ข้ากลัวเหลือเกิน ข้ากลัวว่าจะต้องตายอยู่ที่นี่ ข้ากลัวจะไม่ได้เจอท่านกับพวกท่านแม่แล้ว” นางหันไปทางเขา วิ่งเข้าไปกอดเขาแน่นๆ
สัมผัสได้ว่าร่างกายของน้องสาวยังคงสั่นเทิ้ม เซี่ยอวี้ถังเจ็บปวดใจ พลางปลอบขวัญอย่างเก้ๆ กังๆ “ไม่เป็นไรแล้วๆ ไม่ต้องกลัว มีพี่อยู่ พี่จะปกป้องเจ้าเอง”
ผ่านไปครู่หนึ่ง เซี่ยซือซือที่สงบลงในที่สุดเช็ดน้ำตาจนให้แห้ง มองพวกเขาสองคนด้วยดวงตาแดงๆ “พวกท่านเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร? ที่นี่คือที่ไหนหรือ? พวกเราอยู่ในจวนตระกูลหร่ว วนแท้ๆ ทำไมถึงตกมาอยู่ในป่าลึกแห่งนี้ได้เล่า?”
“พวกข้ากำลังจะไปหาเจ้ากับท่านแม่ แต่เห็นสาวรับใช้คนหนึ่งพาเจ้าไปทางเรือนหลัง พวกข้าเลยตามมา หลังจากพาเจ้าเข้ามาก็เห็นสาวรับใช้คนนั้นกลับออกไปคนเดียว จึงรู้ว่าเกิดเรื่อง งขึ้นแล้วแน่ๆ พอเข้าไปตามหาเจ้าในเรือนหลังนั้นกลับหาไม่เจอ โชคดีที่มีเฟิ่งจิ่วอยู่ เขาหากลไกที่ซ่อนอยู่บนผนังเจอ ใครจะรู้พอกดกลไกนั่นแล้วจะมีหลุมวนปรากฏขึ้นมา พวกเขา ก็เลยตกลงมาอย่างที่เห็น”
เซี่ยอวี้ถังอธิบาย เขาหันไปมองเฟิ่งจิ่วด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ หากไม่ใช่เขา เดาว่าตอนนี้น้องสาวของเขาคงถูกสัตว์ร้ายกินไปแล้ว นึกถึงสัตว์ร้าย เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเจ้าตัว วที่นอนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่ได้
สังหารในดาบเดียว?
หัวใจของเขาสะท้านเล็กน้อย รีบสาวเท้าเข้าไปดู สังหารในดาบเดียวจริงๆ ด้วย! เพียงแต่ สัตว์ร้ายตัวนี้เป็นสัตว์ร้ายระดับอสูรศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุด เฟิ่งจิ่วกลับสามารถสังหารให้ตา ายในดาบเดียวได้งั้นหรือ?
เขาอดหันไปมองเฟิ่งจิ่วที่กำลังคุยกับน้องสาวของเขาไม่ได้ ลอบคิดในใจว่า ‘เฟิ่งจิ่ว เขาแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่? ทำไมเขาถึงได้รู้เรื่องราวมากมายขนาดนั้น?’
“มัวยืนอึ้งอะไรอยู่? ควักผนึกอสูรออกมาสิ!” เฟิ่งจิ่วเห็นเขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น จึงตะโกนบอกเขา
“หา? อ้อ” เซี่ยอวี้ถังได้สติ เอาดาบสั้นออกมาควักผนึกอสูร ก่อนจะเห็นเฟิ่งจิ่วที่เดินมาเมื่อไรไม่รู้แบมือมาข้างหน้า
“อะไร?” เขาถามอย่างงงงัน
“นั่นของข้า” เฟิ่งจิ่วรับเอาผนึกอสูรไปเก็บ