เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2641 เพิ่มสมรรถภาพทางร่างกาย / ตอนที่ 2642 เป็นห่วง
ตอนที่ 2641 เพิ่มสมรรถภาพทางร่างกาย
“ท่านพี่!”
เซี่ยซือซือวิ่งกะเผลกเข้ามา มองดูเลือดที่อาบไปทั้งตัวของเขา อดตาแดงขึ้นมาไม่ได้ “ท่านพี่ เจ็บหรือไม่? ข้าจะใส่ยาให้ท่าน” นางสะอึกสะอื้น พลางควานหายาในห้วงมิติ
มือที่กุมกระบี่ของเซี่ยอวี้ถังสั่นเทา เขามองเฟิ่งจิ่ง ร่างกายตึงเกร็ง “ขะ ข้าฆ่าสัตว์ร้ายพวกนั้นแล้ว”
“อืม ข้าเห็นแล้ว” เฟิ่งจิ่วว่า เอื้อมมือไปตบไหล่เขา “เจ้าทำได้ดีมาก”
เซี่ยอวี้ถังได้ยินอย่างนั้นร่างกายก็อ่อนแรงโดยสัญชาตญาณ เขาหอบหายใจเฮือกใหญ่ๆ
เซี่ยซือซือจะช่วยเขาใส่ยาทำแผล แต่เฟิ่งจิ่วรับยาไป เอ่ยว่า “เจ้าไปนั่งอยู่ข้างๆ เถอะ! ข้าทำเอง” เธอเข้าไปทำความสะอาดแผลให้เซี่ยอวี้ถัง ก่อนจะใส่ยาและพันแผลให้เรียบร้อย
หลังจากทำแผลเสร็จ เธอเดินไปทางสัตว์ร้ายสองตัว ควักเอาผนึกอสูรของพวกมันออกมายื่นให้เขา “นี่คือรางวัลจากการต่อสู้ของเจ้า”
เซี่ยอวี้ถังกำผนึกอสูรสองก้อนนั้นไว้ในมือ อดรู้สึกอึ้งไม่ได้ หลังจากร่างกายหายตึงเครียดก็รู้สึกได้ถึงอารมณ์อันพลุ่งพล่าน ราวกับเลือดในร่างกายกำลังเดือดพล่าน
นี่ก็คือรางวัลจากการต่อสู้ของเขา! ที่แท้ขอเพียงเอาชนะความกลัวในใจได้ เขาก็สามารถต่อสู้กับสัตว์ร้ายได้เหมือนกัน!
“เฟิ่งจิ่ว สัตว์ร้ายตายไปสองตัวอย่างนี้ ท่านพี่ของข้าก็บาดเจ็บ กลิ่นคาวเลือดฉุนมาก จะดึงดูดสัตว์ร้ายตัวอื่นเข้ามาหรือไม่?” พวกเราต้องไปจากที่นี่ก่อนใช่รึไม่?” เซี่ยซือซือถาม มอย่างกังวลใจ
ตอนนี้พี่ชายของนางบาดเจ็บ ส่วนขาของนางก็บาดเจ็บเดินได้ไม่ค่อยสะดวก เหลือเพียงเฟิ่งจิ่วคนเดียว หากมีสัตว์ร้ายตามกลิ่นคาวเลือดมาจริงๆ อย่างนั้น…
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ เธอมองเซี่ยอวี้ถังแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยกับเซี่ยซือซือว่า “พี่ชายของเจ้าสังหารสัตว์ร้ายสองตัว ไม่เพียงบาดเจ็บ ยังเผาผลาญพลังงานไปเยอะมาก นี่ก็เวลานี้แล้ว พักที่นี ก่อนก็แล้วกัน! ข้าจะได้เอาเนื้อของสัตว์ร้ายพวกนี้มาย่างให้พวกเจ้าเติมพลังด้วย”
“ยะ อย่างนั้นหากมีสัตว์ร้ายมาอีกจะทำอย่างไรเล่า?” นางถามอย่างเป็นห่วง
“วางใจเถอะ! ไม่มีหรอก” ขอเพียงเธอปลดปล่อยแรงกดดันเทวะโบราณในร่างกายออกไป ย่อมทำให้สัตว์ร้ายพวกนั้นไม่กล้าเข้าใกล้เอง
พวกเขาสองคนไม่พูดอะไรอีก แต่หัวใจยังคงตึงเครียดอยู่ตลอดเวลา กลิ่นคาวเลือดฉุนขนาดนี้ จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่ดึงดูดสัตว์ร้ายตัวอื่นเข้ามา?
เพราะความกังวลลึกๆ ข้างใน แม้จะพักอยู่ที่นี่ ทั้งสองก็ยังไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย คอยสังเกตความเคลื่อนไหวรอบๆ อยู่ตลอดเวลา
เฟิ่งจิ่วเก็บกิ่งไม้แถวๆ นั้นกลับมาก็เริ่มง่วนกับการทำอาหาร สองพี่น้องนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ เห็นท่าทางเฟิ่งจิ่วคล่องแคล่ว ราวกับเคยทำมาแล้วร้อยครั้ง ก็อดประหลาดใจไม่ได้
“แต่ก่อนเจ้าย่างเนื้อบ่อยหรือ?” เซี่ยอวี้ถังถาม
เฟิ่งจิ่วมองพวกเขาแวบหนึ่ง ก่อนยิ้มตอบว่า “อยู่ข้างนอกคนเดียวหากแม้แต่ทักษะการเอาชีวิตรอดอย่างนี้ก็ยังไม่มี แล้วจะรอดมาจนถึงป่านนี้ได้อย่างไรเล่า!”
สองพี่น้องเห็นเธอโบกมือเพียงครั้งเดียว เปลวเพลิงก็ลุกไหม้ขึ้นมา อดสายตาไหวระริกไม่ได้ ธาตุไฟอย่างนั้นหรือ? เฟิ่งจิ่วธาตุไฟ? ตลอดทางไม่เห็นนางใช้พลังธาตุไฟสักครั้งเลย
กลิ่นคาวเลือดที่นี่ฉุนมาก ทำให้สัตว์ร้ายที่อยู่ไม่ไกลกระสับกระส่าย พวกมันเข้าใกล้เงียบๆ แต่ทว่าเมื่อเข้ามาใกล้ได้ระยะหนึ่งกลับหยุดและไม่กล้าเข้ามาอีก เพียงส่งเสียงคำรามออกจา ากปาก แววตากระหายเลือดที่จ้องไปข้างหน้าแฝงไว้ด้วยความหวาดกลัว
ได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ร้ายที่ดังมาจากที่ไม่ไกลนัก สองพี่น้องตื่นตัวขึ้นมาทันที โดยเฉพาะเซี่ยอวี้ถัง เขาตึงเกร็งไปทั้งตัว ลุกพรวดขึ้นมาทันที
………………………………….
ตอนที่ 2642 เป็นห่วง
“สัตว์ร้าย!” เซี่ยอวี้ถังเอ่ยเสียงต่ำ มือข้างหนึ่งกระชับกระบี่จ้องไปข้างหน้า
เฟิ่งจิ่วที่กำลังย่างเนื้อเอ่ยโดยไม่หันมามอง “ที่นี่ล้วนมีแต่สัตว์ร้าย ได้ยินเสียงคำรามก็ไม่แปลก” เธอปาดเนื้อชิ้นหนึ่งออกมา ห่อด้วยใบไม้ที่เด็ดกลับมาก่อนยื่นให้เซี่ยอวี้ ถัง “รับไว้”
เซี่ยอวี้ถังรับเนื้อย่างไป จากนั้นเมื่อเห็นว่ารอบๆ มีแต่เสียงคำรามของสัตว์ร้าย แต่กลับไม่เห็นเงาร่างของสัตว์ร้าย จึงค่อยๆ วางใจลง “น้องสาว เจ้ากินก่อน” เขาส่งต่อเนื้อย่างที่ ได้รับมาให้เซี่ยซือซือ
“ท่านพี่ ท่านกินเถอะ! อีกเดี๋ยวข้าค่อยกิน” เซี่ยซือซือตอบ ได้กลิ่นหอมของเนื้อย่าง นางเดินกะเผลกมานั่งข้างเฟิ่งจิ่ว “ทำไมจึงย่างได้หอมเช่นนี้? แต่ก่อนข้าไม่เคยได้กลิ่นเนื้ อย่างที่หอมขนาดนี้มาก่อนเลย”
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ “แน่นอน เจ้าไม่ดูเล่าว่าฝีมือใครย่าง”
เซี่ยซือซือเองก็หัวเราะขึ้นมาด้วย “เฟิ่งจิ่ว เจ้าช่างเก่งนัก อยู่ในนี้เจ้าก็ยังไม่กลัว ยังทำอาหารให้พวกข้ากินอีก เจ้าเป็นคนดีจริงๆ”
เซี่ยอวี้ถังเดินเข้ามานั่งลงข้างกองไฟด้วย มองเฟิ่งจิ่วที่กำลังใช้มีดเล็กปาดเนื้อย่างยื่นให้น้องสาวของเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ในใจก็อดประหลาดใจไม่ได้เหมือนกัน
“นั่นสิ! ทำไมเจ้าไม่กลัวเลยเล่า? เจ้าไม่กลัวสัตว์ร้ายกินพวกเราหรือ?”
“กลัวสิ! แต่นี่ก็มีเจ้าอยู่ไม่ใช่หรือ?” เธอหันไปมองเขา รอยยิ้มเบ่งบานในดวงตา
เซี่ยอวี้ถังยังอยากจะพูดบางสิ่ง แต่พอได้ยินอย่างนั้นก็พูดไม่ออก มีเขาอยู่? ที่แท้เฟิ่งจิ่วก็คิดว่าเขามีพลังแข็งแกร่งมากพอที่จะปกป้องเขาได้?
มองดูใบหน้ายิ้มแย้มที่ไร้ซึ่งความหวาดกลัวของเฟิ่งจิ่ว เขามุมปากกระตุก อดลอบคิดในใจไม่ได้ ‘เขาไม่กลัว หรือไม่รู้จักกลัวกันแน่นะ’
เฟิ่งจิ่วปาดเนื้อย่างมากินหนึ่งชิ้น จากนั้นก็เอาสุราในห้วงมิติออกมาดื่มหนึ่งคำ หน้าตาดูพอใจอย่างมาก
“เจ้าดื่มเหล้าด้วยรึ? ข้าก็จะดื่มด้วย” เซี่ยอวี้ถังว่า เอื้อมมือออกไปจะคว้า เฟิ่งจิ่วกลับหลบก่อน
“คนเจ็บห้ามดื่มเหล้า” เฟิ่งจิ่วเหล่มองเขาอย่างยิ้มๆ
เซี่ยอวี้ถังก้มมองบาดแผลบนตัวตัวเอง ขยับปากทำท่าจะพูด แต่สุดท้ายก็ได้แค่พึมพำเบาๆ “ขี้เหนียว” เขากัดเนื้อย่างคำโตๆ หลังจากกลืนลงท้องไป กลับรู้สึกได้ว่ากลิ่นอายพลังวิญญาณ ณกำลังกระจายตัวและไหลเวียนไปทั่วร่าง
“เอ๊ะ?” แววตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “แต่ก่อนเคยกินเนื้อสัตว์ร้ายย่าง แต่เหมือนจะเป็นครั้งแรกที่กินแล้วรู้สึกอย่างนี้”
“รู้สึกอย่างไร?” เฟิ่งจิ่วฉีกเนื้อย่างกิน พลางถามขึ้น
“เหมือนกลิ่นอายพลังวิญญาณในเนื้อย่างกำลังกระจายอยู่ในร่างกาย”
“ปกตินี่ ปกติสัตว์ร้ายที่เจ้ากินระดับพลังไม่สูง แต่สัตว์ร้ายสองตัวที่เจ้าฆ่าในครั้งนี้ระดับพลังไม่ต่ำเลยนะ กลิ่นอายพลังวิญญาณของมันย่อมไม่ธรรมดา” เธอมองพวกเขาสองคนแวบหนึ ง ก่อนเอ่ยว่า “กินเยอะๆ หน่อย มีประโยชน์กับร่างกายของพวกเจ้า”
เซี่ยซือซือดวงตาเป็นประกาย “อืม! อย่างนั้นข้าเอาอีกชิ้น”
“ได้ ข้าปาดให้เจ้า” เธอยิ้มๆ ก่อนจะยื่นให้นางอีกหนึ่งชิ้น
“กินไม่หมดพวกเราห่อไปด้วยก็ได้ ยังมีอีกตัวที่ตายแล้วนั่น ถ้าอย่างไรก็เก็บไปด้วยเลยก็แล้วกัน! เอาไว้ในแหวนห้วงมิติของข้าก็ได้ ถึงตอนนั้นกลับไปแล้วทำให้พวกท่านแม่ลองชิมกั น” เซี่ยอวี้ถังว่า เพียงแต่พอพูดมาถึงตรงนี้ เสียงของเขาก็เบาลงอย่างไม่รู้ตัว สีหน้าก็ดูเศร้าสร้อยไปด้วย
เฟิ่งจิ่วเห็นอารมณ์ของเขาดำดิ่ง จึงถาม “เป็นอะไรไป?”
“ข้ากำลังคิดว่า ไม่รู้ว่าพวกเราจะรอดออกไปจากที่นี่ได้หรือไม่?” เขาพูดอย่างเศร้าๆ ในดวงตาสะท้อนแววกังวลใจ