เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2643 อย่าเอาเปรียบ / ตอนที่ 2644 หลงทาง
ตอนที่ 2643 อย่าเอาเปรียบ
“แน่นอนว่าต้องรอดออกไปจากที่นี่อยู่แล้ว”
เฟิ่งจิ่วกล่าว มองทั้งสองคน “อันตรายก็เป็นโอกาสอย่างหนึ่ง เหมือนครั้งนี้ หากเจ้าไม่ได้ลอง เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ้าสามารถสังหารสัตว์ร้ายสองตัวนั้นได้? ถึงจะเจอสัตว์ร้ายอีก เจ้าก็ฆ่ามันอีก เท่านั้นก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ?”
เฟิ่งจิ่วเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนยิ้มเอ่ยว่า “อีกอย่าง นี่เป็นโอกาสฝึกฝนที่หาได้ยาก พวกเจ้าก็ควรรักษามันไว้ให้ดี อีกอย่างข้าก็บอกแล้ว ไม่แน่อาจสามารถผูกพันธสัญญากับสัตว ว์คู่ชีวิตจากที่นี่กลับไปได้หนึ่งตัวด้วย”
ได้ยินคำพูดของเฟิ่งจิ่ว สองพี่น้องมองหน้ากัน “ได้หรือ?”
“ได้แน่นอน ขอเพียงพวกเจ้าอยาก ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้หรอก” เธอยิ้มให้กำลังใจ
สองพี่น้องไม่พูดอะไรอีก เพียงก้มหน้าก้มตากินเนื้อย่างคำโตกันต่อ
หลังกินอิ่ม พวกเขาพักผ่อนอีกครู่หนึ่ง แล้วก็เป็นอย่างที่เฟิ่งจิ่วพูด ไม่มีสัตว์ร้ายเข้ามาใกล้แม้แต่ตัวเดียว และไม่มีสัตว์ร้ายโผล่มาให้เห็นสักตัว แม้จะสงสัย แต่เรื่องที่คิด อย่างไรก็ไร้คำตอบ พวกเขาจึงไม่เสียเวลาคิดอีก
“ข้าจะเอาสัตว์ร้ายตัวนี้กลับไปด้วย ให้ท่านพ่อท่านแม่และท่านปู่รู้ว่าข้าเป็นคนฆ่ามัน” เซี่ยอวี้ถังว่า ก่อนจะเก็บศพสัตว์ร้ายตัวนั้นใส่แหวนห้วงมิติ
หลังจากพักผ่อน พวกเขาดับไฟแล้วออกเดินต่อ เพราะต้นไม้ใบหญ้าในป่าค่อนข้างรก จึงไม่สะดวกต่อการใช้อาวุธบินมากนัก ข้อเท้าของเซี่ยซือซือก็ยังไม่หายดี ทำได้เพียงให้เซี่ยอวี้ถังแบ บกขึ้นหลังเดินต่อไป เพียงแต่เขาเองก็บาดเจ็บอยู่ ยิ่งต้องแบกนางเดินฝ่าดงพงไพร จึงยิ่งกินแรงกว่าเดิม
เฟิ่งจิ่วเห็นจึงถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง? ไหวหรือไม่?”
“ไหวอยู่แล้ว!” เซี่ยอวี้ถังตอบอย่างหนักแน่น แบกน้องสาวของเขาเดินไปทีละก้าวๆ เหงื่อบนหน้าผากไหลเป็นทาง หยดลงบนพุ่มหญ้า “น้องสาวของข้าข้าจะแบกเอง เจ้าอย่าคิดจะเอาเปรียบนาง งเด็ดขาด”
เฟิ่งจิ่วหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ได้ๆๆ เจ้าแบกเถอะ! ข้าจะไม่ถามอีกแล้ว” ยังจะเอาเปรียบนางอะไรอีก? เธอจะไปเอาเปรียบอะไรนางได้?
“ท่านพี่ ท่านปล่อยข้าลงเถอะ! ท่านประคองข้าเดินก็พอแล้ว” เห็นพี่ชายทั้งบาดเจ็บแล้วยังต้องแบกนางขี่หลังอีก เซี่ยซือซือรู้สึกละอายใจ
“ไม่ต้อง ข้าจะแบกเจ้าเดินเอง” เซี่ยอวี้ถังเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ เดินไปทีละก้าวๆ แม้เหงื่อเปียกชุ่มเสื้อผ้าไปทั้งตัวก็ยังไม่ส่งเสียงสักแอะ นั่นทำให้เฟิ่งจิ่วถึงกับต้องมอง เขาใหม่
เลยยามเที่ยงวันไปแล้ว ในป่าแม้มีต้นไม้บดบังแสงแดด แต่ก็ยังคงร้อนอบอ้าวมาก พวกเขาเองก็ไม่ได้เดินเร็วนัก ระหว่างทางที่เดินอยู่แล้วเจอสัตว์ร้าย พอเซี่ยอวี้ถังวางน้องสาวของเข ขาลงเตรียมพร้อมจะสู้รบอย่างตื่นตัวเต็มที่ กลับเห็นสัตว์ร้ายพวกนั้นจ้องมองพวกเขาครู่หนึ่ง จากนั้นก็วิ่งหนีไป
“ทำไมสัตว์ร้ายพวกนั้นแค่จ้องพวกเราเดี๋ยวเดียวก็วิ่งหนีไปแล้วเล่า?” เซี่ยซือซือถามอย่างไม่เข้าใจ
“ใครจะไปรู้เล่า!”
เฟิ่งจิ่วยักไหล่ คาบหญ้าหางหมาไว้ในปากทำท่าเหมือนไม่รู้ ครั้นหางตาเหลือบเห็นงูพิษตัวหนึ่งบนต้นไม้แยกเขี้ยวพุ่งเข้ามาจะฉกเซี่ยซือซือ เธอใช้หญ้าหางหมาที่คาบไว้ในปากขว้าง งใส่งูพิษตัวนั้นพร้อมกับกลิ่นอายพลังวิญญาณทันที
“กรี๊ด! งู!”
เซี่ยซือซือเห็นพอดี อดไม่ได้ที่จะรัดคอพี่ชายของนางและกรีดร้องด้วยความตกใจ แต่พริบตาต่อมา กลับเห็นงูพิษตัวนั้นร่วงตกลงไปจากกลางอากาศ ลำตัวยาวๆ ของมันชักดิ้นชักงออยู่ครู่ห หนึ่งก่อนจะตายไป
สำหรับเหตุการณ์นี้ เซี่ยอวี้ถังยังไม่ทันรู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นก็เห็นงูตัวนั้นตายไปแล้ว เขาจ้องหญ้าหางหมาที่พุ่งทะลุจุดตายของงูพิษตัวนั้น ได้แต่ถลึงตาด้วยความเหลือเช ชื่อ ก่อนจะหันขวับกลับไปมองเฟิ่งจิ่ว
………………………………….
ตอนที่ 2644 หลงทาง
หญ้าหางหมาเส้นนั้นใหญ่กว่าเข็มเพียงนิดเดียวเท่านั้น ที่สำคัญก็คือ หญ้าเส้นนั้น ไม่ใช่เหล็ก! แต่กลับสามารถใช้หญ้าหางหมาที่เด็ดติดมือมาขว้างทะลุลำตัวงูพิษตัวนั้นได้ นะ น นี่มันต้องใช้กำลังภายในขนาดไหนจึงจะทำเช่นนี้ได้?
ชั่วขณะหนึ่ง เขาหันไปมองเฟิ่งจิ่ว ได้แต่อึ้งและพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว เดิมทีเรื่องราวที่เขาเคยไม่เข้าใจก็ค่อยๆ กระจ่างชัดขึ้นมาทีละเรื่องๆ
เหตุใดในป่าที่เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายแห่งนี้ สัตว์ร้ายพวกนั้นจึงเอาแต่จ้องพวกเขาแต่กลับไม่กล้าเข้าใกล้ สุดท้ายก็วิ่งหนีไป? เหตุใดขอเพียงพวกเขาอยู่ข้างๆ เฟิ่งจิ่ว พวกเขาก็จะไม่มีอ อันตราย? เหตุใดพวกเขาตกลงมาในนี้แล้วยังมีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้ได้?
เหตุการณ์ทุกอย่างเลื่อนผ่านสมองไปทีละฉากๆ นึกถึงอันตรายที่เขาคอยแก้ไขให้พวกเขาเงียบๆ มาตลอดทาง เซี่ยอวี้ถังรู้สึกเพียงตื่นตะลึง
ไม่น่าเล่า ไม่น่าแม้จะตกลงมาในสถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตรายเขาก็ยังไม่หวั่นไหวหรือเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ สามารถไม่หวาดกลัวอะไรเลยอย่างนี้ได้ มีเพียงเหตุ ผลเดียว นั่นก็คือเขามีพลังความสามารถพอที่จะปกป้องตนเองได้
เฟิ่งจิ่วไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เพียงเดินเข้าไปหยิบมีดเล็กออกมาควักดีงูตัวนั้นออกมา ใส่ลงไปในขวดเล็ก เห็นเขายืนนิ่งไม่ขยับ เธอชะงักเล็กน้อย มองเขาแวบหนึ่ง “เป็นอะไ ไรไปหรือ?”
เซี่ยอวี้ถังแบกน้องสาวไว้บนหลัง ทั้งสองมองเฟิ่งจิ่วอึ้งๆ ผ่านไปครู่หนึ่ง เซี่ยอวี้ถังอ้าปาก คำถามที่ตั้งใจจะถามเมื่อมาถึงริมฝีปากกลับกลายเป็น “ขะ ข้าหิวน้ำแล้ว อยากนั่งพักด ดื่มน้ำสักหน่อย”
“อืม ไปข้างหน้านั่นเถอะ! พักที่ใต้ต้นไม้ต้นนั้น” เธอชี้ไปที่ลานกว้างๆ เอ่ยจบ ก็สาวเท้าออกเดินนำไปก่อน
เซี่ยอวี้ถังรีบแบกน้องสาวเดินตามไป พอมาถึงก็ปล่อยนางลง เอาน้ำออกมาดื่ม เขาหันไปมองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่งก่อนจะก้มหน้า ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“หืม?” เฟิ่งจิ่วยักคิ้วลุกขึ้นยืน
“มีอะไรหรือ?” เซี่ยอวี้ถังลุกขึ้นด้วยความตระหนกด้วย กระชับกระบี่ในมืออย่างระมัดระวัง พลางปกป้องน้องสาวของเขาไว้ข้างกาย
“เหมือนจะมีคน” เฟิ่งจิ่วว่า เธอปล่อยดวงจิตออกไปยังทิศทางนั้น ผ่านไปไม่นานก็เก็บดวงจิตกลับมา เผยยิ้มเอ่ยว่า “ดูท่า พวกเราออกจากที่นี่ได้แล้ว”
“มีคน? ใครหรือ? ใช่คนที่ตระกูลหร่วนส่งออกมาตามหาพวกเราหรือไม่?” เซี่ยอวี้ถังถาม
“ไม่ใช่ น่าจะเป็นลูกหลานตระกูลผู้ดีที่มาฝึกฝนที่นี่”
เฟิ่งจิ่วกล่าวขึ้นว่า “ในเมื่อมีลูกหลานตระกูลผู้ดีที่มาฝึกที่นี่ อย่างนั้นก็แสดงว่าที่นี่นอกจากค่ายกลแห่งนั้นแล้ว ยังมีทางออกอื่นอยู่อีก ไปเถอะ! พวกเราไปถามดู!”
เซี่ยอวี้ถังรีบแบกน้องสาวเขาขึ้นหลังแล้วเดินตามไป
ห่างจากที่นี่ไปประมาณสามสิบจั้ง ชายชราและชายวัยกลางคนหนึ่งลืมตาขึ้นพร้อมกัน หันไปมองยังทิศทางหนึ่ง ขณะเดียวกัน ชายวัยกลางคนส่งสัญญาณมือ กลุ่มคนที่ตอนแรกกำลังนั่งพูดคุยกันรี บลุกขึ้นมา ตั้งท่าระวังตัวทันที
ผ่านไปไม่นาน เมื่อพวกเขาเห็นเงาร่างที่เดินออกมาจากพุ่มหญ้าพร้อมเสียงสวบสาบ ก็อดตะลึงไม่ได้ ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหน้าตะโกนเสียงเกรี้ยว “ใครน่ะ!”
ครั้นเห็นว่ามีคนอยู่จริงๆ สองพี่น้องตระกูลเซี่ยดีใจมาก พวกเขามองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง ก่อนหันไปตอบว่า “พวกเราเป็นคนของตระกูลเซี่ย เพราะ…” ยังพูดไม่ทันจบ เฟิ่งจิ่วก็ขัดขึ้น นมาก่อน
“เพราะพลัดหลงกับคนในตระกูล จึงหลงทางอยู่ในนี้” เฟิ่งจิ่วพูดต่อจนจบประโยค