เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2649 กัวซิ่นหนิง / ตอนที่ 2650 หอมมาก
ตอนที่ 2649 กัวซิ่นหนิง
กัวซิ่นหนิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาจ้องกัวซิ่นเจี๋ยด้วยสายตาลึกซึ้ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงหันตัวเดินไปหาสองพี่น้องตระกูลเซี่ย
“พวกเจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะไปดูเอง” พูดจบ เขาก็สาวเดินเข้าไปในป่า
เซี่ยซือซือเห็นดังนั้นก็กระซิบบอกกับพี่ชายของนางเบาๆ “ท่านพี่ พี่ชายกัวเป็นคนดีจริงๆ”
“อืม เขาเป็นคนใจกว้างมาก” เซี่ยอวี้ถังเอ่ยอย่างเห็นด้วย
ขณะเดียวกัน ห่างจากที่นี่ออกไประยะหนึ่ง เฟิ่งจิ่วเจอตาน้ำเล็กๆ ขณะเก็บกิ่งไม้ จึงล้างหน้าล้างตา และถอดรองเท้าแช่น้ำอยู่ตรงนั้น
น้ำแร่เย็นๆ ซึมซาบผ่านผิวหนัง ความรู้สึกเย็นสบายเช่นนั้นทำให้เธออดหรี่ตาและเผยรอยยิ้มแห่งความสุขออกมาไม่ได้
ตอนที่กัวซิ่นหนิงตามมาถึง เขาเห็นเงาร่างสีเขียวนั่งอยู่บนหินก้อนหนึ่ง ใช้สองมือยันไปข้างหลัง หรี่ตาแหงนหน้าขึ้นฟ้าอย่างผ่อนคลาย เผยรอยยิ้มแห่งความสุขออกมา
ยามเห็นเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาเผยรอยยิ้มเช่นนั้นออกมา เขาอดชะงักเท้าไม่ได้ สายตาไหวระริก รู้สึกว่ารอบกายของเด็กหนุ่มราวกับมีรัศมีบางอย่างปกคลุมอยู่ รอยยิ้มผ่อนคลายและมีคว วามสุขบนใบหน้านั่นยิ่งทำให้เขาละสายตาออกไปไม่ได้
ด้วยเหตุนี้ พอเด็กหนุ่มที่กำลังหรี่ตาและยิ้มอย่างมีความสุขหุบยิ้มและหันขวับมาทางนี้ สายตาสองคู่สบประสาน ทำให้หัวใจของเขาราวกับถูกกระแทกอย่างแรง ยามสบตาลึกล้ำสุกใสคู่นั น เขารู้สึกราวกับตนเองตกลงไปในเหวลึก เนิ่นนานก็ยังไม่อาจถอนตัวขึ้นมาได้
เฟิ่งจิ่วแอบขมวดคิ้วเล็กน้อยจนแทบไม่สังเกตเห็น เธอมองกัวซิ่นหนิงที่ยืนเหม่ออยู่ไม่ไกลแวบหนี่ง ก่อนละสายตาออกไป ดึงขาสองข้างที่แช่อยู่ในน้ำแร่ขึ้นจากน้ำ หยิบผ้าแห้งผื นหนึ่งในห้วงมิติออกมาเช็ดน้ำ จากนั้นก็สวมรองเท้า ก่อนจะอุ้มกิ่งไม้ที่วางกองไว้ข้างๆ แล้วเดินมาหากัวซิ่นหนิง
“ท่านจะตักน้ำหรือไม่? ตรงนั้นมีตาน้ำแร่”
เฟิ่งจิ่วบอกเขา เห็นเขามองเธอด้วยสายตาตะลึงงัน จึงนึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้ตนเองเพิ่งแช่เท้าตรงนั้น จึงอดยิ้มแห้งๆ ไม่ได้ “แม้ข้าจะแช่เท้าตรงนั้นแล้ว แต่น้ำตรงนั้นเป็นน้ำไหลผ่า าน มันไหลลงไปข้างล่าง” พูดจบ เฟิ่งจิ่วก็เดินกลับ “ข้ากลับก่อนแล้ว”
เห็นเด็กหนุ่มเดินผ่านไหล่เขาไป กัวซิ่นหนิงอึ้งงัน ผ่านไปครู่หนึ่งจึงค่อยได้สติ เขาส่ายหน้ายิ้มๆ เดินเข้าไปดูตาน้ำแร่ จากนั้นก็เดินตามเด็กหนุ่มกลับไป
“เฟิ่งจิ่ว เจ้ากลับมาเสียที ทำไมเจ้าไปนานขนาดนั้น? ข้ายังนึกว่าเกิดอะไรขึ้นเสียอีก!” เซี่ยอวี้ถังเห็นเขากลับมาก็รีบเดินเข้าไปหา
“ไม่เป็นไร แค่ตอนเก็บกิ่งไม้เผลอเดินออกไปไกลนิดหน่อย แล้วก็เจอตาน้ำแร่ด้วย ก็เลยล้างหน้าแล้วค่อยกลับมา” เธอยิ้มๆ หันไปมองกัวซิ่นเจี๋ยที่อยู่ด้านหนึ่งอย่างแนบเนียน
กัวซิ่นเจี๋ยพอเห็นว่าเฟิ่งจิ่วกลับมาก็แค่นเสียงขึ้นจมูก ก่อนละสายตาออกไปไม่สนใจเขาอีก
“พี่ชายกัวไปตามหาเจ้าแล้ว เจ้าเจอเขาหรือไม่?” เซี่ยซือซือแหงนหน้าถาม
เฟิ่งจิ่วเม้มปากยิ้ม มองนางแวบหนึ่ง “เจอแล้ว เขาน่าจะอยู่ข้างหลังข้า” พูดจบก็หันไปมองข้างหลัง ก็เห็นกัวซิ่นหนิงกำลังเดินกลับมาจากที่ไม่ไกล
เซี่ยซือซืออดยิ้มไม่ได้ รอยยิ้มเบ่งบานไปทั้งใบหน้า
เซี่ยอวี้ถังเห็นน้องสาวเป็นเช่นนี้ก็ตะลึง เขามองนางอย่างลึกซึ้ง ก่อนหันไปมองเฟิ่งจิ่ว ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่
“เจ้าไปนั่งเถอะ! ข้าจะวางกิ่งไม้กองกัน ฟ้ามืดแล้วค่อยจุดไฟ” เฟิ่งจิ่วบอก ก่อนจะวางกิ่งไม้พวกนั้นไว้ข้างๆ ที่นั่งของพวกเขา
กัวซิ่นหนิงเดินกลับมา หยุดยืนข้างเฟิ่งจิ่วและมองเขาแวบหนึ่ง
………………………………….
ตอนที่ 2650 หอมมาก
สายตานั้นลึกซึ้ง สามส่วนคือแววสอดส่อง เจ็ดส่วนคือความอยากรู้
สองพี่น้องตระกูลเซี่ยเห็นเขาจ้องเฟิ่งจิ่วไม่วางตา อดแปลกใจไม่ได้ พวกเขามองตามสายตาของเขาไปที่เฟิ่งจิ่ว ไม่เข้าใจว่าเขากำลังมองสิ่งใดอยู่?
เฟิ่งจิ่วที่จัดระเบียบกิ่งไม้เสร็จแล้วย่อมรู้สึกได้ เพียงแต่ไม่ได้สนใจอะไร ไม่แม้แต่จะหันมามอง
“พี่ชายกัว ท่านกินผลไม้หรือไม่? ข้ามีผลไม้” เซี่ยซือซือพูดขึ้น นางหยิบผลไม้ที่พี่ชายของนางให้นาง ยื่นให้กับเขา
กัวซิ่นหนิงได้สติก็ละสายตาออกจากเฟิ่งจิ่ว หันไปมองเซี่ยซือซือและเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “ไม่ต้อง เจ้าเก็บไว้กินเองเถอะ!” เขาพยักหน้าให้พวกเขาเล็กน้อย ก่อนจะเดินกลับไปที่ข้างหน้า
เซี่ยซือซือก้มหน้าอย่างผิดหวังเล็กน้อย
“น้องสาว จะ เจ้าคงไม่ได้ชอบพี่ชายกัวเข้าแล้วหรอกนะ?” เซี่ยอวี้ถังลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ถามออกไปเบาๆ พวกเขานั่งค่อนข้างห่างจากคนอื่นๆ ไม่มีใครสนใจพวกเขา ด้วยเหตุนี้เวลาพว วกเขาคุยกันจึงไม่มีใครใส่ใจ
เซี่ยซือซือได้ยินคำถามก็เงยหน้ามองพี่ชายของนางอย่างลนลาน “เปล่า พี่ใหญ่ ทำไมท่านถามเช่นนี้?” แม้ปากนางจะบอกว่าเปล่า แต่สายตาที่ไหวระริกนั่น สีหน้าลนลานของนางยังคงหลอกเซี ยอวี้ถังไม่ได้อยู่ดี
เขาหันไปมองกัวซิ่นหนิงในชุดกระชับตัวสีดำ บุคลิกไม่ธรรมดาที่กำลังพูดคุยอยู่กับพวกชายวัยกลางคนแวบหนึ่ง ก่อนหันมาบอกน้องสาวของเขาว่า “เสี่ยวซือ พี่ชายกัวเป็นผู้ฝึกตนระด ดับกำเนิดวิญญาณแล้ว เขาอาศัยการฝึกฝนด้วยตนเองกว่าจะมาถึงระดับนี้ได้ ไม่ได้ใช้เป็นตัวช่วย และฐานะของเขาในตระกูลกัวก็ไม่ธรรมดาด้วย”
เขาไม่ได้พูดตรงๆ เพียงบอกนางถึงความแตกต่างระหว่างกัวซิ่นหนิงกับพวกเขา หวังว่าน้องสาวของเขาจะกระจ่าง
ก็จริง ผู้ชายที่ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา หรือบุคลิกและความสามารถล้วนไม่ธรรมดาเช่นนี้ จะไม่ทำให้หญิงสาวใจเต้นได้อย่างไรกัน? เพียงแต่พวกเขาเป็นเพียงลูกหลานสายรองในตระกูลเซี่ย ยเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่คิดว่าพวกเขาสองพี่น้องมีอะไรที่โดดเด่นหรือเหนือกว่าผู้อื่นแต่อย่างใด
หากคบหากันในฐานะสหายอาจยังพอได้ แต่หากพูดถึงเรื่องแต่งงาน เขาคิดว่าน้องสาวของเขายังไม่เข้าตาคนของตระกูลกัว นี่ไม่ใช่ว่าเขาประเมินน้องสาวของเขาต่ำไป แต่เพราะเงื่อนไขท ทุกอย่างกระจ่างชัดอยู่แล้วต่างหาก
เฟิ่งจิ่วยืนฟังอยู่ข้างหน้า หยักยกมุมปากเล็กน้อย เจ้าเด็กโง่คนนี้กลับมองได้ทะลุปรุโปร่งนัก ดูท่าความลำบากในครั้งนี้ทำให้เขาพัฒนาขึ้นบ้างแล้ว
เซี่ยซือซือก้มหน้าอย่างเศร้าสร้อย รับคำเสียงเบาๆ “ข้าเข้าใจแล้ว ท่านพี่”
เซี่ยอวี้ถังไม่พูดอะไรอีก เพียงมองเฟิ่งจิ่ว พูดว่า “พวกเราจุดไฟกันเถอะ! วันนี้เดินมาทั้งวันแล้วข้าอยากกินเนื้อเพิ่มพลังหน่อย”
“ได้” เฟิ่งจิ่วยิ้มรับ หยิบตะบันไฟออกมาจุดกิ่งไม้ จากนั้นก็หยิบเนื้อย่างที่พวกเขาย่างวันนี้มาอุ่นแล้วค่อยกิน
ได้กลิ่นหอมๆ ของเนื้อย่าง เหล่าชายหนุ่มที่กำลังนั่งจับกลุ่มย่างเนื้ออยู่ข้างหน้าสองกลุ่มอดหันมามองไม่ได้ เห็นพวกเขาสามคนเอาเนื้อจากที่ไหนไม่รู้ออกมากิน กลิ่นของมันหอมม มาก ทำให้พวกเขาอดกลืนน้ำลายไม่ได้
“พวกเขาเอาเนื้อมาจากไหน? ทำไมหอมขนาดนี้?” ชายคนหนึ่งถามขึ้น จ้องมองพวกเขาที่กำลังกินเนื้อย่าง
“ดูเหมือนย่างสุดแล้ว แค่กำลังอุ่นเท่านั้น” ชายอีกคนเอ่ย ก่อนหันกลับมามองเนื้อย่างของตัวเอง “ทำไมเนื้อย่างของพวกเราไม่มีกลิ่นหอมอย่างนั้น? พวกเขาใส่เครื่องเทศอะไรลงไปหรือเป ปล่า?”
“เนื้อย่างของพวกเจ้าหอมมาก แบ่งให้ข้าชิมชิ้นหนึ่งได้หรือไม่?”
เสียงที่จู่ๆ ก็ดังขึ้นทำให้ทั้งสามคนที่กำลังกินเนื้อย่างชะงักงัน หันไปมองทางต้นเสียงพร้อมกัน เห็นกัวซิ่นหนิงยืนอยู่ตรงหน้า กำลังจ้องพวกเขากินเนื้อย่างอยู่
………………………………….