เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 265 คำสารภาพที่แฝงความนัย! + ต
ตอนที่ 265 คำสารภาพที่แฝงความนัย!
แทบจะในขณะที่เงาร่างสีดำนั้นเข้ามาในห้องจากทางหน้าต่าง ห้องที่เดิมเคยมืดสนิทก็จุดไฟสว่างขึ้น น้ำเสียงแผ่วเบาที่มีความเฉื่อยชาน้อยๆ ลอบออกมาจากในห้อง
“ท่านเจ้าตำหนัก ดึกดื่นเช่นนี้ ไม่หลับนอนอยู่บ้าน ปรี่มาหาข้าที่นี่ทำไมรึ?”
ได้ยินคำพูดนี้ แววตาลึกล้ำของเจ้าตำหนักก็สั่นไหวเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นเบาๆ น้ำเสียงทุ้มต่ำที่มีแรงดึงดูดเปล่งออกจากปาก “เจ้ารู้ว่าข้าจะมา?”
ขณะสิ้นสุดน้ำเสียง เขาสาวก้าวเดินไปด้านในห้อง เข้าใกล้มาหนึ่งก้าว สองก้าว
“ท่านเจ้าตำหนัก ข้าไม่สวมเสื้อนอนนะขอรับ!”
ฝีเท้าเขาชะงักลง รอยยิ้มตรงริมฝีปากลึกขึ้น น้ำเสียงทุ้มเข้มราวกับเหล้าชั้นเลิศอันกลมกล่อม มีเสน่ห์ที่ชวนให้หลงใหลอยู่เล็กน้อย “ไม่เป็นไร ข้าไม่ถือสา”
เฟิ่งจิ่วในห้องกระตุกมุมปาก พลิกตัวขึ้นนั่งพิงหัวเตียง เห็นเงาร่างสีดำสาวก้าวเดินเข้ามา นัยน์ตาสีดำสนิทอันลึกล้ำจับจ้องบนร่างเธออย่างมีแววประกายแฝง เลิกคิ้วขึ้นเบาๆ คล้ายกำลังถามว่า ‘เจ้าบอกว่าไม่ใส่เสื้อผ้าอยู่ไม่ใช่หรือ?’
เธอหรี่ดวงตาลงยิ้ม เป็นดั่งจิ้งจอกน้อยจอมเจ้าเล่ห์ ยิ้มอย่างได้ใจและอวดดี “รู้ว่าท่านเจ้าตำหนักจะมา เสื้อผ้าข้าจะไม่เรียบร้อยได้อย่างไรเล่า? ดังนั้น คืนนี้ข้าจึงสวมเสื้อนอนขอรับ”
“กำลังรอข้ารึ?”
เขามาถึงข้างเตียงถึงจะหยุดฝีเท้าลง ยืนอยู่หน้าเตียง มองสาวน้อยที่นั่งกอดผ้าห่มอยู่บนเตียงจากบนลงล่าง แม้ยังแต่งตัวชุดผู้ชาย แต่นางในคืนนี้อาจเพราะก่อนหน้านี้กำลังพักผ่อนอยู่ ดังนั้นเส้นผมสีหมึกจึงปล่อยสยาย
เห็นเส้นผมสีหมึกราวเส้นไหมสยายอยู่บนหลัง และมีอีกสองสามเส้นห้อยปรกอยู่ข้างแก้มข้างหนึ่ง ยิ่งเสริมเพิ่มความงดงามมีเสน่ห์น่ามอง ทำให้สายตาเขาค่อยๆ ลึกขึ้น
เฟิ่งจิ่วที่กอดผ้าห่มอยู่โดนแววตาลึกล้ำจ้องมองอย่างเร่าร้อนเช่นนั้น ร่างกายอึดอัดขึ้นมาทันใด ยิ้มทั้งหน้าเหยเก ถามว่า “ท่านเจ้าตำหนัก ท่านมาหาข้ามีเรื่องอะไรรึขอรับ?”
ได้ยินคำเรียกนั้น เจ้าตำหนักยมราชก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “ข้าแก่มากงั้นรึ?”
เฟิ่งจิ่วพูดอะไรไม่ออก เพียงอยากพูดว่าท่านเจ้าตำหนัก ท่านจับประเด็นสำคัญผิดไปรึเปล่า?
“ข้าแก่มากรึ?”
เขาถามอีกครั้ง ราวกับคำถามนี้ช่างอ่อนไหวยิ่งนัก นัยน์ตาดำอันลึกล้ำจ้องนางตาเขม็ง เหมือนว่าหากนางไม่พูดคำตอบที่ทำให้เขาพอใจ ก็จะไม่ละเลิกแค่นี้
“แหะๆ ท่านไม่แก่ขอรับ ไม่แก่เลย” เธอยิ้มเจื่อนๆ รู้สึกว่าเขาไร้เหตุผล ที่มาจริงจังกับเธอด้วยคำถามนี้
แววตาลึกล้ำของเจ้าตำหนักยมราชมองลึกลงไปที่นาง สายตาแผดเผาจับจ้องบนใบหน้ารูปไข่ที่ชุ่มชื้นอ่อนโยน ดวงตาฉายประกายเล็กน้อย เอ่ยปากด้วยท่าทีเคร่งขรึมจริงจัง
“ข้าอายุยี่สิบห้า ยังไม่ได้แต่งงาน”
“หึ!”
เธอได้ยินคำพูดนี้ ค่อยมองใบหน้าที่เคร่งเครียดจริงจัง อดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะออกมาอย่างไม่อาจกลั้นไว้ได้ เร่งรีบใช้มือปิดปากกลั้นขำ กระแอมไปเบาๆ ถึงจะบอกว่า “นี่ ท่านเจ้าตำหนัก! ด้วยท่าทางท่าน… เอ่อ ไม่ใช่ขอรับ ข้าหมายความว่า…”
“เจ้าไม่เข้าใจความหมายของข้า?”
เขาตัดบทคำพูดนาง มองไปด้วยสายตาซับซ้อนวาววับ เขาพูดได้อย่างชัดเจนถึงเพียงนี้ นางยังไม่เข้าใจอีก?
ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วตกใจ กะพริบตาปริบๆ พูดอย่างนิ่งอึ้ง “ท่านอายุยี่สิบห้า ยังไม่แต่งงานไม่ใช่หรือ ข้าเข้าใจแล้วล่ะ!”
เห็นเช่นนี้ สีหน้าท่านเจ้าตำหนักก็มืดลง ไม่รู้ว่าโกรธที่นางไม่เปิดใจ หรือเคืองใจที่ตัวเองยังสารภาพได้ไม่ดีพอ
เห็นนางมองเขาด้วยใบหน้าไร้เดียงสา เหมือนไม่รู้ว่าเขากำลังโมโหอะไรอยู่ จึงขุ่นเคืองและละอายอยู่บ้างอย่างอดไม่ได้ ทันใดนั้นก็โน้มตัวลงกดนางไว้บนเตียง
………………………………………………….
ตอนที่ 266 วัวแก่กับหญ้าอ่อน!
“ท่านจะทำอะไร!”
การกระทำอย่างกะทันหันทำเธอตกใจ เบิกสองตาขึ้นพร้อมใช้สองแขนยันแผงอกไว้ตามสัญชาตญาณ ไม่ให้เขาทับลงมา แต่กลิ่นอายความเป็นชายที่จู่ๆ ก็เข้ามาใกล้รวมถึงใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่ขยายใหญ่ขึ้นตรงหน้าเธอทันทีทันใด ทำให้หัวใจพลันเต้นตึกตักขึ้นมา
แววตาลึกล้ำของเจ้าตำหนักยมราชจ้องมองนาง สองแขนยันไว้สองข้าง ทั้งตัวปกคลุมอยู่บนร่างนาง ห้อมล้อมนางไว้ใต้ร่างไม่ให้หนีหาย
เห็นท่าทางนางหวาดหวั่น ได้กลิ่นหอมยาสดใหม่ของนาง ดวงตาเขาลึกขึ้นน้อยๆ ในลำคอหมุนตลบ เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำที่มีแรงดึงดูดและความแหบพร่าเล็กน้อย “เจ้าไม่รู้ว่าข้าจะทำอะไรจริงๆ รึ?”
เฟิ่งจิ่วมองใบหน้ารูปงามที่แผ่ขยายเข้ามาใกล้ตรงหน้า กลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้ กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนลง “งั้น ท่านเจ้าตำหนัก เราสองล้วนเป็นชายชาตรี ท่านไล่ต้อนข้าเช่นนี้ไม่งามนักจริงๆ คนมาเห็นจะเข้าใจผิดได้นะขอรับ”
แม้เธอคิดว่าเขาช่างงดงามเสียจนอยากจะกลืนกิน แต่ ผู้ชายคนนี้ทั่วร่างทุกส่วนล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันตราย เกรงว่าอีกหน่อยจะนำพาปัญหามาแก่ตน ยิ่งไปกว่านั้น ความแข็งแกร่งเขาไม่ใช่ที่จะคาดเดาได้ สู้กันยิ่งสู้ไม่ไหว ดังนั้น ทางที่ดีคืออย่าเกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยจะดีกว่า
“เจ้าเป็นผู้ชาย?”
ในดวงตาดำที่ลึกลับฉายแววยิ้มเยาะ หายวับผ่านไป เร็วเสียจนไม่มีทางสังเกต
“แน่นอน!”
เธอพูดเสียงดัง ทว่ายังรู้สึกขาดความมั่นใจไปบ้างภายใต้สายตาเขา
เจ้าตำหนักยมราชเห็นรูปโฉมงามเลิศประณีตใต้ร่าง ก็ยิ่งหายใจหนักขึ้นมา
ระยะที่ใกล้กันเช่นนี้ เขาถึงกับสามารถได้ยินเสียงหัวใจนางเต้นแรงดังตึกตัก มองปากเล็กอิ่มน้ำนั้นเอ่ยวาจาเดี๋ยวเปิดบ้างปิด พบว่าตัวเองไม่ได้ยินว่านางกำลังพูดอะไร เพราะความสนใจทั้งหมดล้วนอยู่บนริมฝีปากแดงงดงามหยดย้อยที่ดูแล้วน่าอร่อยนัก
อยากจะจูบลงไปลองลิ้มรสชาตินั้นเสียจริงๆ…
ความคิดในหัวรวมกับแรงกระตุ้นในหัวใจ เขาจึงทำตามไปจริงๆ ร่างกายค่อยๆ ทาบทับลงไป ดวงตาที่ยิ่งลึกซึ้ง และเร่าร้อนขึ้นจับจ้องอยู่บนริมฝีปากแดงน่าเย้ายวน
เฟิ่งจิ่วนิ่งงัน!
เห็นใบหน้าที่ก้มลงมาช้าๆ ก็เบิกตาโตมองเขาด้วยความตกตะลึง ชายคนนี้ตรงหน้าคือท่านอาเคราดกที่โดนเธอจูบโดยไม่ระวัง สักพักก็เป็นลมไปในป่าเก้าหมอบจริงหรือ?
แล้วเมื่อไหร่กันที่เขาไร้ยางอายเช่นนี้?
เห็นริมฝีปากบางทรงเสน่ห์นั้นจะจูบลงบนริมฝีปากเธอ สองแขนที่ยันแผงอกเขาไว้กลับผลักเขาออกไปไม่ได้ไม่ว่ายังไง ราวกับภูเขาลูกใหญ่ลงมาทับ เห็นเช่นนี้เธอก็นึกอะไรออก ส่งเสียงร้องออกมาทันที
“ท่านอา!”
เสียงเรียกท่านอานี้ทำให้เจ้าตำหนักยมราชอึ้งไปดังคาด สายตาที่เดิมเคยจับจ้องบนริมฝีปากแดงเงยขึ้น เห็นสาวน้อยนั้นกำลังมองมาด้วยสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจ เหมือนเขาทำเรื่องอะไรที่เลวร้ายเกินจะให้อภัย ถึงแม้หนังหน้าด้านหนา เวลานี้ก็อับอายเกินจะทำต่อได้
“ท่านอา แม้ท่านชอบผู้ชายด้วยกัน แต่ก็ไม่ควรทำอะไรข้านะขอรับ! ข้าเพิ่งอายุสิบห้า กำลังเป็นต้นหญ้าเล็กที่เพิ่งโผล่หัว ท่านจะกินหญ้าอ่อนเช่นข้าได้ลงคอหรือ?”
ได้ยินคำพูดนี้ เจ้าตำหนักยมราชมุมปากกระตุกอย่างอดไม่ได้ ใบหน้างดงามดำมืดลง กวาดมองสาวน้อยหน้าไร้เดียงสาอย่างเย็นชา ในใจกลั้นลมไว้ไม่อาจปล่อยออกมา
“เจ้าหมายความว่าวัวแก่เช่นข้าไม่ควรกินหญ้าอ่อนอย่างเจ้า?”
พูดพลางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่บ้าง หากทำได้ เขาอยากจะบีบคอเด็กสาวจอมกวนประสาทนี่ให้ตายไปเสียจริงๆ
……………………………………