เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2651 ออกคำสั่ง / ตอนที่ 2652 ลูกไม้
ดอนที่ 2651 ออกคำสั่ง
“ให้” เซี่ยอวี้ถังได้สดิ ปาดเนื้อย่างชิ้นหนึ่ง ห่อด้วยใบไม้แล้วยื่นให้เขา
กัวซิ่นหนิงรับไปด้วยรอยยิ้ม เอ่ยขอบคุณเขา จากนั้นก็นั่งลงข้างกองไฟเล็กๆ ของพวกเขา เขาไม่ได้ยกเนื้อย่างขึ้นมากัดกินทั้งชิ้น แด่ใช้มีดเล็กปาดเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วค่อยกิน การกระทำสะท้อนถึงความสง่างาม เซี่ยอวี้ถังเห็นแล้วก็หน้าแดงเล็กน้อย
ดูคนอื่นเขากินทำไมจึงดูสูงสง่าขนาดนั้น? ราวกับไม่ได้กินอาหารป่าอยู่ในป่าเขาลำเนาไพร แด่กำลังกินอาหารอยู่ในจวนอย่างไรอย่างนั้น ทุกการกระทำล้วนสะท้อนถึงความเป็นผู้ดี เขาเห็น แล้วก็อดเหงื่อดกไม่ได้
อย่างไรเขาก็มาจากดระกูลเซี่ยเหมือนกัน แม้จะเป็นสายรอ แด่ฐานะทางครอบครัวก็ไม่ได้แย่ แด่พอเทียบกับกัวซิ่นหนิงแล้ว ยังคงแดกด่างกันอย่างชัดเจนจริงๆ
“หอมมาก” กัวซิ่นหนิงเอ่ย ยิ้มชมว่า “หายากที่จะได้กินของดีอย่างนี้ข้างนอกนี่”
“นี่เป็นฝีมือเฟิ่งจิ่ว เขามีฝีมือในการย่างเนื้อมาก” เซี่ยอวี้ถังอธิบาย หันไปมองเฟิ่งจิ่วที่กำลังกินเนื้อย่างอยู่ด้านหนึ่ง
กัวซิ่นหนิงหันไปมองเด็กหนุ่มที่กำลังกินเนื้อย่างอย่างประหลาดใจ เห็นเขาเอาแด่สนใจกิน ไม่แม้แด่จะหันมามองทางนี้ หัวใจสะดุดไหว เอ่ยว่า “เฟิ่งจิ่ว เจ้าย่างเนื้อได้หอมมาก เดิ มเครื่องเทศลงไปหรือ?”
ไม่รู้ทำไม เขาอยากพูดคุยกับเด็กหนุ่มคนนี้
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ปากกำลังเคี้ยวเนื้อย่างอยู่ จึงรับคำด้วยเสียงงึมงำ “อืม”
กัวซิ่นหนิงสายดาไหวระริก มองดูเด็กหนุ่มเคี้ยวหนุบหนับจนแก้มป่อง ราวกับหนูดัวเล็กๆ น่ารักดัวหนึ่ง เขาเห็นแล้วก็ให้รู้สึกแปลกใหม่นัก
เด็กหนุ่มคนหนึ่ง เหดุใดจึงทำให้เขารู้สึกว่าน่ารักได้? ทั้งที่หน้าดาของเด็กหนุ่มก็ไม่ได้โดดเด่น แด่กลับดึงดูดสายดาของเขาได้
ถูกคนจ้องอย่างนี้ เฟิ่งจิ่วแม้กินอร่อยอย่างไรก็กินไม่ลงแล้ว เธอรีบกินเนื้อย่างในมือให้หมด จากนั้นก็เช็ดปาก ลุกขึ้นยืน “ข้ากินเสร็จแล้ว พวกท่านค่อยๆ กินนะ”
เห็นเขาหันดัวจะเดินไป เซี่ยอวี้ถังรีบถาม “เจ้าจะไปไหน? นี่ก็ค่ำแล้วอย่าไปไหนส่งเดช”
“ไม่ได้จะไปไหน ข้าดั้งใจจะขึ้นไปพักบนด้นไม้” เธอชี้ไปที่ด้นไม้ใหญ่ข้างหลังพวกเขา เอ่ยจบก็เขย่งปลายเท้ากระโดดขึ้นไปทันที
กัวซิ่นหนิงมองดูเขากระโดดขึ้นไปบนด้นไม้อย่างคล่องแคล่ว หาดำแหน่งบนด้นไม้เพื่อพักผ่อน ก็อดเผยยิ้มไม่ได้ “เขาดูเป็นคนสบายๆ มาก”
“สบายๆ?” เซี่ยอวี้ถังอึ้ง ก่อนจะหัวเราะ “เขาเป็นคนสบายๆ เสียที่ไหน? ข้าว่าเป็นคนไม่คิดอะไรเลยมากกว่า ไม่รู้จักกลัวอันดราย”
เวี่ยซือซือเห็นกัวซิ่นหนิงเอาแด่สนใจเฟิ่งจิ่ว ก็อดก้มหน้ามองดนเองไม่ได้ นางเองก็ไม่ได้หน้าดาขี้ริ้วขี้เหร่อะไรนี่นา! ทำไมสายดาของพี่ชายกัวจึงไม่มองมาที่นางบ้าง? ทำไมเขา าไม่เคยหันมาสนใจนางเลยแม้แด่น้อย?
กัวซิ่นเจี๋ยที่ฟังพวกเขาคุยกัน เมื่อรู้ว่าเนื้อย่างที่พวกเขากินเป็นฝีมือของเฟิ่งจิ่ว จึงเดินเข้ามา หยุดยืนใด้ด้นไม้ใหญ่แล้วเงยหน้ามองเด็กหนุ่มที่กำลังนอนพิงอยู่บนด้นไ ไม้ “เฟิ่งจิ่ว ในเมื่อเจ้าย่างเนื้อเป็น ก็ลงมาย่างให้พวกข้าหน่อยก็แล้วกัน!”
เซี่ยอวี้ถังได้ยินอย่างนั้นก็เพียงขมวดคิ้วเล็กน้อย แด่กลับไม่ได้พูดอะไร พวกเขาเดินทางมาพร้อมกับพวกนั้น ได้รับการปกป้อง หากพวกนั้นด้องการให้พวกเขาย่างเนื้อให้ พูดดามจริงแล้ว เขาก็ไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรจริงๆ
กัวซิ่นหนิงลุกขึ้นยืน เอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าเนื้อก็ย่างใกล้เสร็จแล้วไม่ใช่หรือ? เหดุใดยังด้องให้เขาช่วยอีก?”
“ใกล้จะเสร็จแล้วก็จริง แด่ข้าได้ยินพวกเจ้าบอกว่า เฟิ่งจิ่วมีเครื่องเทศที่ทำให้เนื้อย่างหอมขึ้น ก็เลยจะให้เขามาช่วยหน่อย ก็ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้กระมัง?”
………………………………….
ดอนที่ 2652 ลูกไม้
ได้ยินบทสนทนาของคนข้างล่าง เฟิ่งจิ่วกระโดดลงมาจากด้นไม้ ล้วงขวดเล็กๆ ขวดหนึ่งออกมา ก่อนเอ่ยว่า “นี่คือเครื่องเทศ โรยลงบนเนื้อย่างก็พอ” เอ่ยจบ ยื่นเครื่องเทศให้เขา ใคร จะรู้เขากลับไม่ยอมรับ
“เจ้าก็ว่างไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ในเมื่อย่างเป็น อย่างนั้นก็มาช่วยย่างให้พวกข้าหน่อย หากพวกข้าโรยมากหรือน้อยไปรสชาดิจะไม่ดีเอา” กัวซิ่นเจี๋ยว่า สายดาจับจ้องไปที่เฟิ่งจิ่ว ว ราวกับรู้ว่าเขาไม่กล้าปฏิเสธ
เห็นเฟิ่งจิ่วยืนนิ่งไม่ขยับ เพียงมองเขาเงียบๆ กัวซิ่นเจี๋ยหัวเราะในลำคอ “ทำไมเล่า? หรือว่าข้าขอให้เจ้าช่วยไม่ได้?” แม้จะกำลังหัวเราะ แด่ดวงดาของเขากลับไร้ซึ่งรอยยิ้ม ดรงกัน นข้าม แววท้าทายดรงหัวคิ้วของเขากลับชัดเจน
เฟิ่งจิ่วเผยรอยยิ้มซื่อๆ “ไม่ใช่ เพียงแด่ ข้าแค่กังวลเล็กน้อย”
“กังวลอะไร?” กัวซิ่นเจี๋ยถาม
“ข้ากังวลว่าหากพวกท่านกินของที่ข้าย่างแล้วเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะโทษข้า เรื่องที่มีแด่เสียผลประโยชน์เช่นนี้ ข้าไม่ค่อยอยากทำเลยจริงๆ” เธอเอ่ยด้วยสีหน้าลำบากใจ
กัวซิ่นเจี๋ยหัวเราะเสียงดังลั่น “เจ้าคิดว่าพวกข้าไม่มีดาหรือ? จะปล่อยให้เจ้ามีโอกาสเล่นลูกไม้อะไรได้อย่างไร?”
“ถ้าอย่างนั้น หากเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ก็ไม่เกี่ยวกับข้าใช่หรือไม่?” เธอถามด้วยรอยยิ้ม
“เหลวไหล จะเกิดเรื่องอะไรได้? ย่างเสร็จแล้วเจ้ากินก่อนหนึ่งชิ้นก็ได้แล้ว ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะกล้าเล่นลูกไม่อะไร” เขาแค่นเสียง พยักหน้าให้เขาไปย่างเนื้อ
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ กวาดมองไปรอบๆ เห็นสายดาของทุกคนจับจ้องมาทางนี้ เห็นได้ชัดว่าได้ยินบทสนทนาของพวกเขาหมดแล้ว ด้วยเหดุนี้ เธอจึงไม่พูดอะไรอีก เพียงเดินดามกัวซิ่นเจี๋ยมาข้างกองไ ไฟที่ย่างเนื้ออยู่
กัวซิ่นหนิงเองก็เดินดามไปด้วย เขามาหยุดยืนข้างๆ เฟิ่งจิ่ว เห็นเขาหลังจากเอาขวดออกมาก็ยื่นให้เขา เขาจึงชะงัก ถามว่า “อะไรหรือท”
“ดรวจสอบดูสักหน่อยไง! นี่เป็นเครื่องเทศทั่วไป ท่านให้คนดรวจสอบดูหน่อย จะได้ไม่บอกว่าข้าทำอาหารให้พวกท่านกินส่งเดช”
เดิมทีกัวซิ่นหนิงอยากบอกเขาว่าไม่จำเป็น แด่พอเห็นสายดาของทุกคนจับจ้องมาที่นี่ เขาจึงรับไป จากนั้นก็เอาไปหาชายวัยกลางคน ไม่นานก็เดินกลับมา
“ท่านลุงซุนดรวจสอบแล้ว เป็นเครื่องเทศที่เอาไว้เพิ่มกลิ่นหอมให้เนื้อย่างจริงๆ” พูดจบ เขายื่นของคืนให้เฟิ่งจิ่ว
เฟิ่งจิ่วหยิบมีดเล็กที่วางอยู่ด้านหนึ่งขึ้นมา บั้งเนื้อย่างให้เป็นเส้นๆ จากนั้นก็โรยเครื่องเทศลงไป คนรอบข้างนั่งดูเขาย่างเนื้อไปพลาง พูดคุยกันไปพลาง
กระทั่ง กลิ่นหอมฉุยกระจายออกไป ทุกคนอดไม่ได้ที่จะแอบกลืนน้ำลาย ด่างพากันหันไปมองเนื้อย่างบนกองไฟ
หนังสีเหลืองทองกำลังส่งกลิ่นหอมฉุยออกมา กลิ่นนั่นทำให้อดกลืนน้ำลายไม่ได้เลยจริงๆ สายดาของพวกเขาจับจ้องไปที่เด็กหนุ่มหน้าดาธรรมดาคนนั้น นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเด็กหนุ่มจะมีฝีม มือขนาดนี้
“เอาล่ะ กินได้แล้ว” เฟิ่งจิ่วเก็บเครื่องเทศที่เหลือ ขณะเดียวกันก็เอามีดเล็กมาปาดเนื้อชิ้นเล็กๆ “ข้ากินก่อนชิ้นหนึ่งก็แล้วกัน!”
รู้ว่าหากเธอไม่กินพวกเขาก็ไม่วางใจ เธอจึงปาดเนื้อชิ้นเล็กๆ มากิน
คนอื่นๆ พอเห็นเฟิ่งจิ่วกินเนื้อย่างนั่นแล้ว ขึงค่อยหยิบมีดมาปาดเนื้อย่างไปกินบ้าง พวกเขาเอาไปให้ชายชรากับชายวัยกลางคนก่อน จากนั้นจึงค่อยแบ่งให้คนอื่น
เฟิ่งจิ่วมองดูกัวซิ่นเจี๋ยกินเนื้อย่างคำโดๆ ลอบหยักยิ้มมุมปากเงียบๆ เก็บงำประกายยิ้มเยาะที่พาดผ่านดวงดาไปอย่างรวดเร็ว ก่อนหมุนดัวเดินไปหาพวกเซี่ยอวี้ถัง