เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2653 ขูดออก / ตอนที่ 2654 ปวดบิด
ตอนที่ 2653 ขูดออก
เซี่ยอวี้ถังเห็นเขากลับมา ขยับปากทำท่าจะพูดแต่ก็หยุด สุดท้ายก็เอ่ยขอโทษ “ขอโทษด้วย เป็นเพราะพวกข้าไม่ดีเอง หากไม่ใช่เพราะพวกข้า เจ้าก็คงไม่ต้องไปย่างเนื้อให้พวกเขา”
เขาก้มหน้าเล็กน้อย ตลอดทางมานี้เขาเดาได้รางๆ ว่าวรยุทธ์ของเฟิ่งจิ่วเหนือกว่าเขา เพียงแต่ไม่รู้ว่าเหนือกว่าขนาดไหน แต่เขารู้ว่าหากเป็นเฟิ่งจิ่วในเวลาปกติจะไม่มีทางยอมไปย่างเนื้อให้พวกนั้นแน่ ล้วนต้องก้มหัวให้พวกนั้นเพราะพวกเขาสองพี่น้อง
เฟิ่งจิ่วชะงักเล็กน้อย ก่อนยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อย่างไรอยู่ว่างๆ ก็ไม่มีอะไรทำ” เธอยิ้มๆ เดินมานั่งข้างกองไฟ เอ่ยกับเขาว่า “บาดแผลบนตัวเจ้าต้องใส่ยา มา ข้าช่วยดูให้”
“อ้อ” เซี่ยอวี้ถังไม่พูดอะไรอีก เพียงถอดเสื้อตัวนอกออกอย่างเชื่อฟัง เผยให้เห็นบาดแผลที่ถูกพันปิดไว้เหล่านั้น
“ทำอย่างไรดี? ยาเหลือแค่ขวดเดียวแล้ว” เซี่ยซือซือขมวดดวงหน้าน้อยๆ กังวลว่ายาใช้จะหมดแล้วแต่แผลยังไม่หายดี
“ข้ามี ของเจ้าเก็บไว้ก่อนเถอะ!” เฟิ่งจิ่วบอก หลังจากแกะผ้าที่พันปิดแผลของเซี่ยอวี้ถังไว้ ตรวจสอบบาดแผลเล็กน้อย ก็หยิบยาขวดหนึ่งออกมาจากห้วงมิติทาให้เขา
ยามเห็นบาดแผลที่ค่อนข้างรุนแรงมีอาการอักเสบและเน่าเปื่อยเพราะเหงื่อและอากาศ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย “บาดแผลเริ่มเน่าเปื่อยแล้ว ต้องทำแผลใหม่”
“ไม่เป็นไร ห่อยาใส่เข้าไปหน่อยก็พอแล้ว” เขารู้ว่าที่นี่เงื่อนไขไม่พร้อม ทำได้เพียงห่อแผลแบบง่ายๆ ไปก่อนเท่านั้น
เฟิ่งจิ่วเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะเอามีดเล็กมาถือไว้ในมือ เอ่ยว่า “ข้าจะขูดเนื้อที่เน่าแล้วออกให้เจ้า” ขณะเอ่ย เธอยื่นมีดเล็กไปอังบนกองไฟ
สองพี่น้องตระกูลเซี่ยที่ได้ยินคำพูดของเขาหน้าเปลี่ยนสีไปทันที “ขูดออก? จะ เจ้าจะทำได้อย่างไร?” เขาไม่รู้วิชาแพทย์ แล้วจะเอามีดมาขูดเนื้อ? เขากล้าได้อย่างไร?
มองดูมีดเล็กแหลมคมในมือเฟิ่งจิ่ว เซี่ยอวี้ถังหน้าซีด เหงื่อซึมเต็มหน้าผาก “มะ ไม่ต้องแล้ว ข้าว่ากลับไปแล้วค่อยจัดการก็ได้! ไม่น่าจะ…” ยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกขัดจังหวะก่อน
“รอกลับไปถึงเมื่อไรแขนของเจ้าคงพิการไปแล้ว” เฟิ่งจิ่วเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ มองเขาด้วยหางตาแวบหนึ่ง “หรือเจ้ากลัวเจ็บ? ไม่กล้าให้ข้าขูด?”
เซี่ยอวี้ถังกลืนน้ำลาย “นี่มันไม่ใช่ว่ากลัวหรือไม่กลัวเจ็บ เจ้าไม่รู้วิชา…”
เสียงของเขาเงียบหายไป สูดหายใจลึกๆ เกร็งไปทั้งตัว เพราะคนที่ถือมีดเล็กไม่รอให้เขาพูดจบ ก็ถือมีดเล็กขูดลงบนบาดแผลของเขาแล้ว หนังหัวของเขาตึงชาไปทั้งแถบ นั่งเกร็งไปทั้งตัว พูดอะไรไม่ออกสักคำ
“ผ่อนคลายหน่อย ไม่ต้องกลัว ฝึกมากๆ ก็เกิดความชำนาญเอง ข้าใช้เจ้ามาฝึกฝีมือมากๆ ก็ได้แล้ว” เฟิ่งจิ่วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชา พลางขูดเนื้อเน่าบริเวณแผลของเขาออก
เซี่ยอวี้ถังถลึงตากว้าง ฝึกมากๆ ก็ชำนาญเอง? ใช้เขาฝึกฝีมือบ่อยๆ? คนคนนี้ทำไมไร้คุณธรรมเช่นนี้? แม้ร่างกายจะตึงเกร็ง แต่ดวงตาของเขากลับไม่กล้ามองไปที่บาดแผล ได้แต่จ้องคนตรงหน้าอยู่อย่างนั้น
หลังจากขูดเนื้อเน่าบนแผลออกหมด เฟิ่งจิ่วทำความสะอาดแผลอีกหนึ่งรอบ จากนั้นจึงค่อยทายาของเธอให้ และใช้ผ้าปิดแผลใหม่
“เสร็จแล้ว” เธอเดินไปล้างมือที่ด้านหนึ่ง ก่อนจะเดินกลับมา บอกว่า “ข้าไปนอนก่อน มีอะไรก็เรียกข้า” พูดจบ ก็กระโดดขึ้นไปพักผ่อนบนต้นไม้
เซี่ยอวี้ถังกำลังมองแผลที่พันปิดไว้ใหม่ รู้สึกว่าใส่ยาแล้วก็ไม่ได้เจ็บมากขนาดนั้น ตรงกันข้ามกลับรู้สึกเย็นๆ อดไม่ได้ที่จะมองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง
………………………………….
ตอนที่ 2654 ปวดบิด
ในเวลานี้เอง มีเสียงดังมาจากที่ไม่ไกลนัก เสียงนั้นทำให้คนรอบข้างเงียบกริบในพริบตา ต่างพากันหันไปมองกัวซิ่นเจี๋ยที่ลุกพรวดด้วยใบหน้าที่เปลี่ยนสี
“ปู๊ด!”
เสียงดังขึ้นอีกครั้ง ทั้งยังมาพร้อมกับกลิ่นเหม็นที่โชยออกมา ทำให้คนรอบๆ ต้องรีบถอยห่างด้วยสีหน้ารังเกียจ
“ซิ่นเจี๋ย เจ้าเป็นอะไรของเจ้า? ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะกล้าผายลมต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ เหม็นมาก” ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ปกติไม่ค่อยถูกกับกัวซิ่นเจี๋ยนักปิดจมูกพลางยกมือพัดลม มองเขาด้วยสีหน้ารังเกียจเดียดฉัน
คนอื่นๆ ก็พากันถอยห่างเช่นกัน พวกเขากลั้นหายใจ แต่กลับไม่กล้าแสดงออกมากนัก ยิ่งไม่มีใครว่าเขาเหมือนที่ชายหนุ่มคนนั้นทำ เพียงมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ เท่านั้น
กัวซิ่นเจี๋ยหน้าแดงเล็กน้อย เขาหนีบขาทั้งสองข้างเข้าหากันแน่น แต่กลับไม่รู้ว่าตนเองเป็นอะไร เสียงดัง ‘ปู้ด’ ดังขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้ คนรอบข้างต่างพากันลุกพรึบ ถอยออกไปยืนห่างๆ เขา
กัวซิ่นเจี๋ยถลึงตาจ้องพวกเขาด้วยความอับอายพาลกลายเป็นโกรธ “เป็นคนล้วนผายลม มีอะไรให้รังเกียจกัน?” ขณะเอ่ย เขารู้สึกเหมือนมีเสียงโครกครากดังในท้อง ความรู้สึกปวดบิดกระจายมา เจ็บจนมีเหงื่อซึมบนหน้าผากของเขา
“ซี้ด! ข้าน่าจะกินผิดสำแดงเข้าแล้ว” เขาเอ่ย พลางเอามือปิดก้นและวิ่งเข้าป่าไปอย่างไม่ห่วงภาพพจน์
ทุกคนที่ยืนดูอยู่ตะลึงงัน ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ฮ่าๆๆๆๆ…ข้าว่าเขากินเนื้อย่างเยอะเกินไป พวกเจ้าไม่เห็น เขาจงใจเลือกเนื้อติดมันชิ้นหนึ่งมากินเป็นพิเศษเชียวนะ”
“ไม่ว่าอะไรต้องกินแต่พอดี หากมากไปมักไม่ดี ดูสิ คนอื่นเขาไม่เห็นท้องไส้ไม่ดี มีแต่เขาที่ท้องเสียอยู่คนเดียว” ชายอีกคนส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะหันไปพูดคุยกับคนข้างๆ
กัวซิ่นหนิงที่ยืนดูอยู่ด้วยสายตาไหวระริกเล็กน้อย เขาหันไปมองเงาร่างสีเขียวร่างนั้นโดยสัญชาตญาณ มองหาอยู่รอบหนึ่งก็ไม่เห็น สุดท้ายก็เงยหน้ามองขึ้นไปบนต้นไม้ จึงเห็นเด็กหนุ่มกำลังพิงต้นไม้หลับอย่างสบายใจอยู่ตรงนั้น…
เป็นความบังเอิญอย่างนั้นหรือ?
เซี่ยอวี้ถังตะลึงเล็กน้อย เงยหน้ามองเงาร่างที่อยู่บนต้นไม้ อดไม่ได้ที่จะถามตัวเองในใจเช่นกัน ‘เป็นความบังเอิญงั้นหรือ?’
เซี่ยซือซือปิดปากหัวเราะ คิ้วงามโก่งโค้งอย่างชอบใจ “ท่านพี่ คนคนนั้นหยาบคายนัก ไม่นึกเลยว่าจะกล้าทำเรื่องน่าอายเช่นนั้นต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้ ตลกจริงๆ”
เซี่ยอวี้ถังได้สติกลับคืนมา เขาเองก็ฉีกยิ้มเช่นกัน “เดาว่าคงกินอะไรผิดสำแดงน่ะ อีกเดี๋ยวเขากลับมาแล้วห้ามหัวเราะ จะได้ไม่ผิดใจกับคนอื่นเขา”
“อืมๆ ข้ารู้” เซี่ยซือซือพยักหน้าอย่างขำขัน
สิ่งที่เหนือความคาดหมายก็คือ กัวซิ่นเจี๋ยนั่นกลับวิ่งเข้าวิ่งออกในป่าไม่ต่ำกว่าเจ็ดครั้ง อาการท้องเสียรุนแรงจนเขาอ่อนแรงทรุดลงไปบนพื้น และเมื่อท้องฟ้าเริ่มมืด นอกจากคนเฝ้ายาม คนอื่นต่างทยอยพากันไปนอนหมดแล้ว
กระทั่งหลังเที่ยงคืน เสียงสวบสาบทำให้เฟิ่งจิ่วที่อยู่บนต้นไม้ลืมตาตั้งแต่แวบแรก เธอเอียงคอหันไปมองรอบๆ เห็นเพียงในจุดที่ห่างออกไปจากที่นี่ประมาณสิบหกจั้ง ดวงตาหลายคู่ที่ส่องประกายสีแดงแปลกตาท่ามกลางความมืดกำลังจ้องมาทางพวกเขา
หมาป่า!
หนำซ้ำยังเป็นหมาป่าฝูงใหญ่ด้วย! ดวงตาที่กำลังส่องประกายอยู่ท่ามกลางความมืดนั่นไม่เพียงมีไม่ต่ำกว่าร้อยคู่ ดูท่าแล้ว อย่างน้อยก็มีหมาป่านับร้อยตัว อีกอย่างเกรงว่าจะไม่ใช่หมาป่าธรรมดา แต่เป็นหมาป่าอสูรที่มีพลังระดับหนึ่งแล้ว!
เธอยังคงเอนตัวนอนนิ่งไม่ขยับ เพราะเธอเห็นชายชราและชายวัยกลางคนลุกขึ้นยืน และมองไปรอบๆ อย่างระแวดระวังแล้ว
………………………………….