เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2659 ลาดตระเวนกลางคืน / ตอนที่ 2660 สงสัย
ตอนที่ 2659 ลาดตระเวนกลางคืน
ท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิดนี้ ไม่มีใครรู้ สัตว์ร้ายที่มาเพราะกลิ่นคาวเลือดถูกเฟิ่งจิ่วข่มขวัญจนต้องถอยไป อากาศบริเวณรอบนอกที่มีคนของตระกูลกัวเป็นจุดศูนย์กลางมีแรงกดดันของสัตว์ เทวะโบราณกระจายออกไปรางๆ ข่มขวัญเหล่าสัตว์ร้ายที่กำลังกระเหี้ยนกระหือรือ ทำให้พวกมันไม่กล้าเข้าใกล้อีกแม้แต่ครึ่งก้าว
ขณะเดียวกัน ชายชราและชายวัยกลางคนของตระกูลกัวมองรอบๆ ด้วยความกังวล “กลิ่นคาวเลือดที่นี่แรงเกินไป เกรงว่าจะดึงดูสัตว์ร้ายให้โจมตีเข้ามาอีกครั้ง ตอนนี้คนของเราบาดเจ็บขนาดน นี้แล้ว ไม่อาจทนรับการโจมตีครั้งที่สองได้อีก”
“ผู้อาวุโสสูงวางใจ ข้าจัดการให้คนที่บาดเจ็บค่อนข้างเบาไปเฝ้ารอบๆ แล้ว” กัวซิ่นหนิงบอก สายตามองไปรอบๆ แวบหนึ่ง พลันนั้นก็เห็นเงาร่างสีเขียวเดินออกมาจากในที่มืด กลับไปนั่ งใต้ต้นไม้
“อย่างไรก็ต้องระวังไว้ก่อน” ชายชราว่า น้ำเสียงฟังดูอ่อนแรง “หากไม่ใช่ว่าคืนนี้มีอันตรายใหญ่หลวง คนของเราก็เหนื่อยล้า อย่างไรก็ไม่ควรรั้งอยู่ที่นี่ต่อในเวลานี้”
“ข้าจะพาคนอีกสองคนไปเดินลาดตระเวนดูแถวๆ นี้” กัวซิ่นหนิงเอ่ยจบก็คารวะแล้วหันตัวเดินออกไป
เซี่ยอวี้ถังเห็นกัวซิ่นหนิงพาคนสองคนไปลาดตระเวน เขาจึงก้าวเข้าไป “พี่ชายกัว ท่านยังไม่ได้ทำแผล หากปล่อยไว้อย่างนี้จะอักเสบขึ้นมาได้”
กัวซิ่นหนิงมองแผลตนเอง เผยรอยยิ้มอ่อนโยนก่อนเอ่ยว่า “ไม่เป็นไร แค่แผลเล็กน้อยเท่านั้น”
“แผลเล็กๆ ก็ต้องจัดการให้ดี”
เซี่ยอวี้ถังว่า หันตัวไปขอยาจากคนข้างๆ ใครจะรู้คนคนนั้นกลับตอบว่า “ยารักษาแผลหมดแล้ว ยังมีอีกหลายคนไม่มียาใส่ ครั้งนี้คนบาดเจ็บมีมากเกินไป ยาที่พกมาด้วยมีไม่พอใช้”
ได้ยินอย่างนั้น เซี่ยอวี้ถังตะลึง มองพวกเขาแวบหนึ่ง จากนั้นก็เห็นกัวซิ่นหนิงยิ้มๆ เขาจึงดึงอีกฝ่ายเดินมาหาเฟิ่งจิ่วที่อยู่ใต้ต้นไม้ “เฟิ่งจิ่วยังมียารักษาแผลเหลืออีกครึ่ง งขวด ข้าจะให้เขาช่วยทำแผลให้ท่าน”
กัวซิ่นหนิงถูกลากมาหาเฟิ่งจิ่วที่ใต้ต้นไม้ เห็นเด็กหนุ่มชุดเขียวกำลังหลับตาทำสมาธิ กัวซิ่นหนิงสายตาไหวระริก แต่กลับไม่พูดอะไร
“เสี่ยวจิ่ว”
เซี่ยอวี้ถังเผยรอยยิ้มเอาใจ จากที่เคยเรียกว่าเฟิ่งจิ่วก็เปลี่ยนคำเรียกเป็นเสี่ยวจิ่ว ฟังดูสนิทสนม เห็นเฟิ่งจิ่วลืมตามองมา เขารีบเอ่ยว่า “คืออย่างนี้ ยารักษาแผลของพวกเขา ใช้หมดแล้ว ข้าจำได้ว่าเจ้ายังมีเหลืออีกครึ่งขวด เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน! เจ้าใช้ยานั้นทำแผลให้พี่ชายกัวหน่อยเถอะ”
เฟิ่งจิ่วหยิบยาที่เหลือครึ่งขวดออกมา พยักหน้าให้สองคนนั้น “นั่งลงสิ!”
กัวซิ่นหนิงนั่งลง ถอดเสื้อตัวนอกออก เผยให้เห็นรอยแผลที่ถูกข่วนบาดเจ็บ รวมถึงแผลที่แขนด้วย เขาเอียงคอมองเฟิ่งจิ่วเล็กน้อย เห็นสีหน้าของเขาเรียบเฉย หลังจากทำความสะอาดแผ ผลเสร็จ ก็เอายาโรยลงไป จากนั้นก็ห่อด้วยผ้าพันแผลให้เรียบร้อย
“เสร็จแล้ว” เฟิ่งจิ่วว่า ก่อนลุกขึ้น กล่าวว่า “จะไปเดินลาดตระเวนหรือ? ข้าไปคนเดียวก็พอ” เอ่ยจบ เธอก็เดินเข้าไปในความมืดเพียงลำพัง
“อ้าว เสี่ยวจิ่ว” เซี่ยอวี้ถังต้องการจะรั้งเขาไว้ แต่กลับเห็นเขาเดินเข้าไปในความมืดแล้ว
“ไม่ต้องห่วง ข้าตามไปเอง” กัวซิ่นหนิงว่า หันไปกำชับชายอีกสองคนข้างหลังสองสามคำ ก่อนจะเดินเข้าไปในความมืด
เฟิ่งจิ่วเดินไปรอบๆ ในมือถือกิ่งไม้ที่ไม่รู้ว่าเก็บขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด เธอใช้กิ่งไม้ในมือเขี่ยพุ่มหญ้าเล่นเป็นระยะ ฝีเท้าไม่ช้าหรือเร็วเกินไป แทนที่จะเรียกว่าเดินลาดตระเวน นกลางคืน ไม่สู้บอกว่ามาเดินเล่นจะเหมือนเสียกว่า
ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวข้างหลัง เธอหันไปมอง เห็นว่าเป็นกัวซิ่นหนิง จึงถามว่า “คุณชายกัวมาได้อย่างไร?”
“ทำไมเจ้าไม่เรียกข้าว่าพี่ชายกัว?”
………………………………….
ตอนที่ 2660 สงสัย
กัวซิ่นหนิงเดินมาข้างเฟิ่งจิ่ว เอียงหัวหันไปมองเด็กหนุ่มที่เตี้ยกว่าเขาครึ่งหัว
“ข้าเป็นเพียงบ่าวรับใช้ในจวนเซี่ย ย่อมไม่อาจทำลายกฎได้ตามอำเภอใจ”
“แต่ข้าดูแล้วเจ้าไม่เหมือนบ่าวรับใช้เลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับเหมือนเป็นเจ้านายมากกว่าอวี้ถังเสียอีก” เขาจ้องเด็กหนุ่ม ราวกับต้องการมองทะลุผ่านสีหน้าของอีกฝ่าย
เฟิ่งจิ่วหัวเราะเบาๆ “นั่นเพราะเขาเป็นคนง่ายๆ ไม่วางท่าเป็นเจ้านาย”
“งั้นหรือ?” เห็นได้ชัดว่า เขาไม่ค่อยเชื่อนัก
ทั้งสองไม่ได้คุยกันอีก เพียงเดินทอดน่องไปรอบๆ สังเกตการณ์เคลื่อนไหวแถวๆ นั้น ผ่านไปครู่ใหญ่ กัวซิ่นหนิงทำลายความเงียบอีกครั้ง “เหตุใดพวกเจ้าเผชิญหน้ากับฝูงหมาป่าแต่ไม่บาดเจ็บ ?” คำถามนี้เขาอยากถามตั้งแต่ที่เห็นพวกเขาไม่บาดเจ็บสักนิดแล้ว แต่อดทนมาจนถึงตอนนี้ ในที่สุดก็ถามออกมา
ได้ยินอย่างนั้น เฟิ่งจิ่วหันไปมองเขาแวบหนึ่ง สีหน้าดูตกตะลึง “คุณชายกัวอยากให้พวกข้าบาดเจ็บมากหรือ?”
กัวซิ่นหนิงที่ไม่คิดว่าจะถูกย้อนถามเช่นนี้ตะลึงงัน เขาจ้องเฟิ่งจิ่วอย่างลึกซึ้ง ก่อนส่ายหน้าตอบว่า “ไม่ใช่อย่างนั้น เพียงแต่สงสัยนิดหน่อยเท่านั้น”
“มีอะไรให้สงสัยกัน? ก็เพราะมีพวกท่านคอยปกป้องพวกข้า พวกข้าถึงไม่บาดเจ็บอย่างไรเล่า!” เธอพูดเหมือนมันเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว ราวกับนี่เป็นเรื่องจริง
หากกัวซิ่นหนิงไม่ได้เห็นเหตุการณ์ในตอนนั้น และรู้ว่าคนของตระกูลกัวไม่มีทางปกป้องพวกเขาได้ในสถานการณ์อย่างนั้น เขาคงเชื่อคำพูดของอีกฝ่ายไปแล้วจริงๆ
ครั้นไม่ได้คำตอบ เขาจึงไม่ถามอีก เพียงเดินลาดตระเวนเงียบๆ เพียงแต่ ยิ่งค่ำคืนดึกสงัก รอบข้างยิ่งเงียบงัน เขากลับอดชะงักฝีเท้าไม่ได้ หันไปมองที่มืดในป่าลึก
“เป็นอะไรไปหรือ?” เฟิ่งจิ่วเองก็หยุดเดินด้วย ก่อนหันไปถาม
“น่าแปลกมาก” กัวซิ่นหนิงพึมพำ
เฟิ่งจิ่วนัยน์ตาไหวระริก “อะไรแปลก?”
“กลิ่นคาวเลือดของฝูงหมาป่า และกลิ่นคาวเลือดที่ลูกหลานตระกูลกัวได้รับบาดเจ็บกระจายออกไปตั้งนานแล้ว กลิ่นแรงขนาดนี้ รอบข้างกลับไม่มีสัตว์ร้ายจู่โจมมาอีก มันดูผิดปกติ” กัวซิ่น หนิงครุ่นคิด นึกไม่ออกว่ามีเหตุผลใดที่ทำให้ค่ำคืนนี้เงียบสงัดถึงขนาดนี้
ไม่ว่าใครที่มีประสบการณ์ฝึกวรยุทธ์ข้างนอกล้วนรู้ดี ในป่าที่มีสัตว์ร้ายปรากฏตัวและเต็มไปด้วยอันตรายมากมายอย่างนี้ โดยเฉพาะในค่ำคืน กลิ่นคาวเลือดยิ่งดึงดูดให้สัตว์ร้ายคลุ้มคลั่ง งได้ แต่นอกจากฝูงหมาป่าที่สู้กับพวกเขาเมื่อกี้ กลิ่นคาวเลือดนี้กลับไม่ได้ดึงดูดสัตว์ร้ายตัวอื่นมาอีก
จุดนี้ ไม่ค่อยปกตินัก เพราะตอนแรกเขาคิดว่า คืนนี้จะต้องมีการต่อสู้กันยากลำบากเกิดขึ้นอีกครั้งแน่นอน แต่นึกไม่ถึงว่าจะเงียบสงบปานนี้
เฟิ่งจิ่วหัวเราะเบาๆ “ท่านคิดมากขนาดนี้ตลอดเลยหรือ? ไม่มีสัตว์ร้ายมาอีกไม่ถือเป็นเรื่องดีหรือ?”
แรงกดดันเทวะโบราณของเธอกระจายออกไปแล้ว กอปรกับพลังของกัวซิ่นหนิงก็ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก ย่อมไม่อาจสัมผัสได้ถึงแรงกดดันเทวะโบราณของเธออยู่แล้ว
“จริงสิ จากที่นี่ไปต้องใช้เวลานานเท่าใดกว่าจะออกไปได้” เธอยังทิ้งยาไว้ที่หอแลกสมบัติอยู่เลย! บอกว่าเจ็ดวันต่อมาจะไปเอาของแลกเปลี่ยน หากยังติดอยู่ที่นี่ต่อไปเรื่อยๆ เกรง งว่าจะพลาดโอกาสได้
“ที่นี่มีค่ายกลเคลื่อนย้ายที่ตระกูลพวกข้าวางไว้ ขอเพียงไปถึงที่นี่ก็ออกจากป่าหมื่นพิษแห่งนี้ได้แล้ว”
กัวซิ่นหนิงว่า เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “เพียงแต่ว่า ตอนนี้ทุกคนบาดเจ็บ หนำซ้ำผู้อาวุโสสูงสุดก็เหมือนจะบาดเจ็บไม่เบา เกรงว่าตลอดทางจะมีสัตว์ร้ายจู่โจมเข้ามาอีกไม่น้อย หากจะข้ามเขา ลูกนี้ไปที่ค่ายกลเคลื่อนย้าย เดาว่ายังต้องใช้เวลาอีกหน่อย”
เฟิ่งจิ่วสะดุดใจ ค่ายกลเคลื่อนย้าย? ดูท่า ตระกูลหร่วนเองก็วางค่ายกลเคลื่อนย้ายไว้ที่นี่ด้วยเหมือนกัน