เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2671 เลือกเจ้านาย / ตอนที่ 2672 ยอมรับผิด
ตอนที่ 2671 เลือกเจ้านาย
เห็นเซี่ยอวี้ถังยื่นมือออกไปผูกพันธสัญญาคู่ชีวิตกับอสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้น ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นต่างก็รู้สึกอิจฉา อิจฉาที่เขาโชคดีได้รู้จักเฟิ่งจิ่ว และได้รับการช่วยเหลือ อให้เขาผูกพันธสัญญาคู่ชีวิตกับอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่ยอดเยี่ยมอย่างนี้
พอถึงตอนที่เซี่ยซือซือเดินเข้าไปอย่างตื่นเต้น หมาป่าขนเงินที่ถูกเฟิ่งจิ่วลูบจนหรี่ตาด้วยความเคลิบเคลิ้มพลันลุกขึ้น มันลืมตาและแยกเขี้ยวอันแหลมคม เปล่งเสียงคำรามในลำคอจ้อง เซี่ยซือซือที่เดินเข้าอย่างดุร้าย ท่าทางของมันราวกับกำลังบอกว่าหากนางกล้าเดินเข้ามาอีกก้าว มันจะกระโจนเข้าไปฉีกร่างของนางเป็นชิ้นๆ เสีย
“กรี๊ด!”
เซี่ยซือซือก้าวถอยด้วยความตกใจ ทำให้สะดุดล้มนั่งลงไปบนพื้น มองราชาหมาป่าที่กำลังจ้องนางอย่างดุร้ายตรงหน้า
“น่ากลัวมาก มันน่ากลัวมาก ข้าไม่เอาแล้ว ไม่เอา” เซี่ยซือซือส่ายหน้าบอก ลุกขึ้นไปหลบข้างหลังพี่ชายของนาง
คนของตระกูลกัวเมื่อได้ยินอย่างนั้นต่างก็หายใจกระชั้นชิด แต่ละคนหันไปมองเฟิ่งจิ่วกับราชาหมาป่าด้วยดวงตาเป็นประกาย ราวกับต้องการจะบอกว่า นางไม่เอา แต่พวกเขาเอา
เพียงแต่ คิดก็ส่วนคิด พวกเขากลับไม่กล้าเอ่ยปากออกไป
“เสี่ยวซือ เจ้าโง่หรือ! นั่นอสูรศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ!” เซี่ยอวี้ถังปกติไม่ค่อยได้เรื่องได้ราว แต่อย่างไรก็รู้ว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์แม้มีโอกาสได้เห็นก็ใช่ว่าจะได้มาครอบครองง่ายๆ โด ดยเฉพาะเมื่อมีเฟิ่งจิ่วอยู่ที่นี่ ช่วยพวกเขาผูกพันธสัญญาคู่ชีวิตด้วยแล้ว หากอาศัยแค่วรยุทธ์ของพวกเขาไม่มีทางผูกพันธสัญญากับอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้แน่
“ไม่เอา มันดุร้ายมาก น่ากลัว ข้ากลัวมัน” เซี่ยซือซืออย่างไรก็เป็นเด็กสาวคนหนึ่ง แม้จะชอบสัตว์เลี้ยงตัวเล็กๆ แต่อสูรศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ให้ความรู้สึกน่ากลัวเกินไป แค่สายตาก็น่ ากลัวแล้ว นางไม่อยากพูดพันธสัญญาคู่ชีวิตกับมัน
ราชาหมาป่าตัวนั้นหรี่ตา ฉีกยิ้มมุมปากเหมือนมนุษย์ เผยให้เห็นเขี้ยวหมาป่า มันเหลือบมองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง ก่อนพูดภาษามนุษย์ออกมา “ข้าจะเป็นสัตว์คู่พันธสัญญาของเจ้า”
ราชสีห์ที่ผูกพันธสัญญากับเซี่ยอวี้ถังเบิกตากว้างทันที “เจ้าช่างกล้าเอ่ยปาก! ไม่ถูกต้อง ข้าเป็นราชสีห์ยังไม่กล้าเอ่ยปากเช่นนี้เลย!”
เขามีหรือจะไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีวรยุทธ์แข็งแกร่งที่สุด? หากได้เขาเป็นเจ้านายยอมดีที่สุดแล้ว แต่ขนาดมันยังไม่กล้าเอ่ยปาก เจ้าหมาป่าตัวนี้กลับมั่นใจในตัวเองนัก!
เฟิ่งจิ่วประหลาดใจเล็กน้อย เธอหันไปมองราชาหมาป่าที่เอาหัวถูไถฝ่ามือของเธอ อดยิ้มไม่ได้ “อยากได้ข้าเป็นเจ้านาย?”
“ใช่ นายท่าน รับข้าไว้เถอะ!” ราชาหมาป่าเก็บด้านที่โหดร้ายกระหายเลือด ย่อตัวนั่งลงไปบนพื้น ขาหน้าทั้งสองข้างยื่นคารวะไปข้างหน้า ราวกับหมาน้อยที่ต้องการประจบเอาใจเธอ
เซี่ยซือซือที่เห็นภาพนั้นเบิกตากว้าง ไม่อยากเชื่อว่าราชาหมาป่าที่ดุร้ายอย่างนั้นกลับมีด้านนี้ด้วย
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ “แต่สัตว์คู่พันธสัญญาของข้ามีเยอะเกินไปน่ะสิ!”
“นายท่าน ข้ากินน้อยมาก และข้าก็เชื่อฟังมากด้วย” ราชาหมาป่าส่งเสียงครางในลำคอ ยื่นอุ้งเท้าข้างหนึ่งวางลงบนหลังมือของเฟิ่งจิ่วเบาๆ พยายามเอาใจอย่างสุดความสามารถ
“โฮก! เจ้าไร้ยางอาย!” ราชสีห์เห็นอย่างนั้นก็แทบจะลุกเป็นไฟ ทำไมมันไม่รู้มาก่อนเลยว่าหมาป่าตัวนี้จะไร้ยางอายได้ขนาดนี้?
“นายท่าน…” ราชาหมาป่านั่งหมอบบนพื้น มองเฟิ่งจิ่วอยู่อย่างนั้น
เฟิ่งจิ่วครุ่นคิด ก่อนเอ่ยว่า “ก็ได้! ติดตามข้าไปก่อนก็แล้วก่อน ไม่สิ ย่อตัวให้เล็กลงหน่อย เจ้าตัวใหญ่เกินไปแล้ว” พูดจบ เธอก็เห็นราชาหมาป่าลิงโลด มันสะบัดตัวและหมุนตัว หนึ่งรอบ ประกายแสงเจิดจ้า กลายร่างเป็นหมาน้อยก่อนจะวิ่งไปหาเธอ กอดขาเธอไว้ด้วยอุ้งเท้าทั้งสองข้าง
ราชสีห์เห็นอย่างนั้นก็เสียดายนัก! แต่กลับทำได้เพียงมองดูราชาหมาป่าส่ายหางอย่างลำพองใจ
………………………………….
ตอนที่ 2672 ยอมรับผิด
เวลานี้กัวซิ่นหนิงประคองชายวัยกลางคนลุกขึ้น เขาเดินกะเผลกเข้ามา พอมาถึงตรงหน้าเฟิ่งจิ่ว ก็ดันกัวซิ่นหนิงที่ประคองเขาออก ก่อนจะทิ้งตัวคุกเข่ากับพื้น
“ขอบคุณที่ช่วยเหลือ” น้ำเสียงของเขาหนักแน่น แฝงแววสะอื้น หากเขาไม่ปรากฏตัว หากเขาไม่ยื่นมือช่วย พวกเขาคงไม่มีใครรอดแล้ว การคุกเข่าครั้งนี้ของเขา เป็นการยอมรับผิด และเป็นการ ขอบคุณ
เห็นชายวัยกลางคนคุกเข่า ลูกหลานตระกูลกัวมองหน้ากันแวบหนึ่ง จากนั้นก็ประคองกันคุกเข่าตามด้วย “ขอบคุณที่ช่วยเหลือ ขอโทษด้วย” พวกเขาแต่ละคนเอ่ยออกมา น้ำเสียงแผ่วเบา ฟังดูอ่อนแ แรงอย่างเห็นได้ชัด
ก็จริง พวกเขาแต่ละคนล้วนบาดเจ็บ แต่สามารถเอาชีวิตรอดจากการต่อสู้ครั้งนี้มาได้ก็ถือว่าไม่ง่ายแล้ว
เฟิ่งจิ่วไม่แม้แต่จะมองพวกเขา แต่หันไปเอ่ยกับสองพี่น้องตระกูลเซี่ยว่า “ไปกันเถอะ!” พูดจบ ก็หันตัวสาวเท้าออกเดิน
สองพี่น้องตระกูลเซี่ยลังเล พวกเขาหันไปมองกัวซิ่นหนิง กัวซิ่นหนิงจึงรีบก้าวเข้าไป “เฟิ่งจิ่ว”
เขารีบเดินมาหยุดยืนตรงหน้าเฟิ่งจิ่ว มองเด็กหนุ่มท่าทางเฉยชาตรงหน้า เขาขยับปาก เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแหบพร่าเล็กน้อย “เจ้าอยู่ต่อเพื่อคุ้มกันพวกข้าไปส่งที่ค่ายกลเคลื่อนย ย้ายได้หรือไม่? หากเจ้าไปแล้ว เกรงว่าพวกข้าคงไปไม่ถึงค่ายกลเคลื่อนย้าย”
สิ้นเสียง เขาสะบัดชายเสื้อคลุม และคุกเข่าด้วย “ขอร้องเจ้าช่วยคุ้มกันพวกข้าด้วยเถอะ!”
เฟิ่งจิ่วขมวดคิ้วเล็กน้อย เธอมองกัวซิ่นหนิงที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า เงียบอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยว่า “ลุกขึ้นมาเถอะ!”
กัวซิ่นหนิงเงยหน้า “เจ้ารับปากแล้วหรือ?”
“หลังออกจากที่นี่ไป ข้าไม่อยากได้ยินเรื่องเกี่ยวกับข้าแพร่กระจายออกไปข้างนอก” เสียงเรียบเฉยของเธอดังขึ้น สายตาจับจ้องกัวซิ่นหนิง
กัวซิ่นหนิงชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยว่า “ข้ารู้ว่าควรทำอย่างไร เรื่องที่เกิดขึ้นในนี้ เมื่อกลับออกไปจะไม่พูดถึงเป็นอันขาด” พูดจบ เขาก็หันไปมองเหล่าลูกหลานตระกูลกัว
ทุกคนตระหนักแจ้ง รีบเอ่ยปากรับประกันทันที
เฟิ่งจิ่วจึงเอ่ยว่า “ลุกขึ้นมาเถอะ! จัดการบาดแผลกันด้วย” เธอหันไปมองราชาหมาป่าที่อยู่ข้างเท้า บอกว่า “สั่งให้ฝูงหมาป่าถอยออกไป”
“รับทราบขอรับ นายท่าน” ราชาหมาป่ารับคำ มันแหงนหน้าส่งเสียงหอน ไม่นานฝูงหมาป่าก็วิ่งไกลออกไป ส่วนสัตว์ร้ายพวกนั้นก็รีบหนีไปทันที ไม่มีใครกล้ารั้งอยู่ต่อ
ในที่สุดคนของตระกูลกัวก็หายใจได้ทั่วท้อง พวกเขาประคองกันไปทำแผลที่ด้านหนึ่ง เพียงแต่พวกเขาที่ตอนแรกก็ไม่มียารักษาแผลอยู่แล้ว มาตอนนี้บาดเจ็บซ้ำอีกครั้ง ทำได้เพียงห่อแผลด ด้วยผ้าแบบง่ายๆ โดยไม่ได้ใส่ยาไปก่อน
เฟิ่งจิ่วกวาดมองพวกเขาแวบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยกับพวกเขาว่า “คนที่บาดเจ็บไม่ค่อยหนักและยังพอมีแรง ตามข้ามา” เอ่ยจบ เฟิ่งจิ่วหันไปกำชับให้เซี่ยอวี้ถังและราชสีห์ตัวนั้นอยู่คุ้ม มกันพวกเขา
ทุกคนไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร แต่กลับไม่กล้าถามมาก เพียงลุกขึ้นมาสี่ห้าคน เดินตามเขาเข้าไปในป่า
เซี่ยซือซือกับกัวซิ่นหนิงเดินตามเฟิ่งจิ่ว ก่อนที่เซี่ยซือซือจะทนความสงสัยไม่ไหวจนเอ่ยถามออกมา “เสี่ยวจิ่ว พวกเราจะไปไหนหรือ?”
“เด็ดสมุนไพร” เฟิ่งจิ่วว่า สายตากวาดมองรอบๆ ตลอดทางเฟิ่งจิ่วเดินไปพลาง และก้มเด็ดสมุนไพรที่ไม่สะดุดตาเป็นระยะ สุดท้ายก็ยื่นให้พวกเขา “เด็ดตามนี้ แล้วก็นี่ด้วย”
ถึงตอนนี้พวกเขาถึงเพิ่งเข้าใจว่าเขาพาพวกเขามาเด็ดสมุนไพร เพียงแต่มองดูสมุนไพรที่ไม่มีอะไรสะดุดตานั่น พวกเขาอดสังสัยไม่ได้ว่าพวกมันจะมีประโยชน์จริงหรือ?
“เด็ดตามนี้เถอะ! ลองตามรอบๆ นี้ อย่าเดินออกไปไกลนัก” กัวซิ่นหนิงกำชับคนข้างหลัง
“เข้าใจแล้ว” พวกเขารับคำ ก่อนจะแยกย้ายกันไป
“เจ้ารู้วิชาแพทย์หรือ?” กัวซิ่นหนิงหันไปถามเฟิ่งจิ่ว