เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2675 ออกจากป่า / ตอนที่ 2676 ร้องไห้
ตอนที่ 2675 ออกจากป่า
กัวซิ่นหนิงมองเฟิ่งจิ่วใช้เข็มเงินเย็บเนื้อที่หลุดเพราะถูกกัดกลับเข้าไปใหม่อย่างตกตะลึง เขาเห็นเฟิ่งจิ่วผูกปมเป็นขั้นตอนสุดท้าย ไม่นานก็เห็นเลือดที่ไหลตลอดหยุดไหลในที่ส สุด เขาอดอุทานออกมาด้วยความเหลือเชื่อไม่ได้
“ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าเข็มเย็บผ้าใช้อย่างนี้ได้ด้วย”
“นี่ไม่ใช่เข็มเย็บผ้า”
เฟิ่งจิ่วเม้มปากยิ้ม “นี่เป็นเข็มเงินที่ข้าสั่งทำเพื่อเย็นแผลโดยเฉพาะ” เธอทำความสะอาดข้าวของเสร็จก็เก็บให้เรียบร้อย เอ่ยกับกัวซิ่นหนิงว่า “ไหมที่น่องของเขาเจ็ดวันก็ตั ดได้แล้ว ระหว่างนี้อย่าให้เขาเดิน หรือทำอะไรกระทบถึงแผลจนทำให้อาการแย่ลง”
“ได้ ข้าเข้าใจแล้ว” กัวซิ่นหนิงพยักหน้า เขาคอยดูแลชายวัยกลางคน อดหันไปมองชายชราเป็นระยะไม่ได้
เฟิ่งจิ่วเดินไปนั่งพักใต้ต้นไม้ มองเหล่าลูกหลานตระกูลหลานที่ล้วนบาดเจ็บ นัยน์ตาของเธอไหวระริก ก่อนจะหลับตาทำสมาธิ
เซี่ยอวี้ถังเดินมาข้างๆ เขา เห็นเขาหลับตาพักผ่อน รู้ว่าเขาไม่ได้หลับ จึงเอ่นว่า “เสี่ยวจิ่ว ที่จริงเจ้าเป็นคนจิตใจดีมาก”
เฟิ่งจิ่วได้ยินก็ลืมตา เหลือบมองเขายิ้มๆ “ข้าจิตใจดีมาก?”
“อืม” เซี่ยอวี้ถังพยักหน้าอย่างจริงจัง พูดว่า “เจ้าเก่งขนาดนี้ หากเป็นคนอื่นถ้าเก่งอย่างเจ้า คนของตระกูลกัวล่วงเกินกันขนาดนั้น แม้จะไม่เหยียบให้จมดินแต่ก็คงไม่ยอมยื่นมือช่ว วยเหลือแล้ว แต่เจ้าไม่เหมือนกัน เจ้าแค่โมโหเล็กน้อยสุดท้ายก็ยอมช่วยพวกเขาอยู่ดี”
จุดนี้ต่างกับผู้แข็งแกร่งที่มีวรยุทธ์สูงส่วนใหญ่ ท่านปู่และท่านพ่อของเขามักบอกเขาเสมอว่า ยิ่งเป็นคนที่มีวรยุทธ์สูง ยิ่งจะไม่เห็นชีวิตของคนอ่อนแออยู่ในสายตา เพียงพูดจาไ ไม่เข้าหูแค่คำเดียวก็ถึงขั้นเอาชีวิตได้แล้ว
แต่ว่า ตั้งแต่ที่รู้จักกับเฟิ่งจิ่ว เขารู้สึกว่าเฟิ่งจิ่วเป็นคนลึกล้ำคาดเดายาก แต่กลับไม่ใช่คนโหดร้ายที่คร่าชีวิตคนตามอำเภอใจ จุดนี้เขาดีกว่าคนอื่นมากนัก
เฟิ่งจิ่วหยักยิ้มมุมปาก ชำเลืองมองคนของตระกูลกัวที่กำลังพักผ่อนแวบหนึ่ง “นั่นเพราะพวกเขาไม่ได้มีความคิดจะฆ่าข้า” หากเกิดจิตสังหารเมื่อใด นั่นย่อมไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
หลังจากพักผ่อน ทุกคนที่แบกบาดแผลไว้เต็มตัวก็เริ่มออกเดินทางอีกครั้ง คราวนี้ ไม่มีใครกล้ามีปัญหาหรือดูแคลนพวกเฟิ่งจิ่วอีกแม้แต่คนเดียว พวกเขาเดินตามเฟิ่งจิ่วทะลุผืนป่า ข้ามภู เขา กระทั่งยามเที่ยงของวันต่อมา พวกเขาก็มาถึงตำแหน่งที่ตั้งของค่ายกลเคลื่อนย้ายตระกูลกัว
“ที่นี่แหละ”
ชายชราบอก เขาชี้ไปข้างหน้า ก่อนหันมามองเฟิ่งจิ่ว “ที่นี่ก็คือค่ายกลเคลื่อนย้ายของตระกูลกัวเรา” แม้สีหน้าของเขายังซีดอยู่ แต่เทียบกับเมื่อวานถือว่าดีขึ้นมากแล้ว บางทีอาจ จเพราะรู้ว่าเฟิ่งจิ่วมีฝีมือ ตลอดการเดินทางมานี้แม้แต่ผู้อาวุโสสูงสุดก็ยังนอบน้อมต่อเฟิ่งจิ่ว
“พวกเราแบ่งเป็นสองกลุ่มเถอะ!” กัวซิ่นหนิงแนะนำ เขาหันไปพูดกับเฟิ่งจิ่ว “ขอแค่เปิดกลไกค่ายกลเคลื่อนย้าย พวกเราก็จะถูกส่งไปที่ภูเขาด้านหลังตระกูลกัวแล้ว”
เฟิ่งจิ่วพยักหน้า หันไปมองเซี่ยอวี้ถังแวบหนึ่ง “เจ้าเก็บราชสีห์ของเจ้าใส่ห้วงมิติก่อน”
“อ้อ ได้” เซี่ยอวี้ถังรับคำ จากนั้นก็เก็บราชสีห์ใส่ห้วงมิติ
เธอหันไปมองหมาป่าน้อยที่เดินตามมาข้างเท้า เห็นมันมีขนสีขาวหิมะทั้งตัว นั่งหมอบอยู่ข้างเท้าเธอเหมือนหมาน้อย อ้าปากแลบลิ้น จึงยิ้มๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร
ผู้อาวุโสสูงสุดสั่งให้กัวซิ่นหนิงไปเปิดกลไกค่ายกลเคลื่อนย้าย สั่งให้คนส่วนหนึ่งเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายก่อน ไม่นานเมื่อมีประกายแสงสว่างวาบขึ้น คนกลุ่มนั้นก็พาชายวัยกลางค คนหายลับไปท่ามกลางค่ายกลเคลื่อนย้ายนั่น
“พวกเราเองก็ไปกันเถอะ!” กัวซิ่นหนิงหันไปมองพวกเฟิ่งจิ่ว
“อืม” เฟิ่งจิ่วรับคำ ก่อนจะเดินเข้าไปในค่ายกลกับพวกเขา
………………………………….
ตอนที่ 2676 ร้องไห้
ในตระกูลกัว
ครั้นเหล่าลูกหลานตระกูลกัวที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลช่วยกันหามชายวัยกลางคนที่สีหน้าซีดขาวมาที่ลานด้านหน้าจวนตระกูลกัว ทั่วทั้งจวนต่างแตกตื่น เหล่าคนสำคัญรีบพากันมุ่งหน้า ามาที่นี่
“ซี๊ด! อาวุโสเหล่า ทำไมถึงได้บาดเจ็บหนักขนาดนี้?” ชายชราคนหนึ่งที่สนิทกับชายวัยกลางคนเดินเข้ามา เห็นรอยแผลหมาป่ากัดของเขาที่เด่นหราอยู่นอกร่มผ้าก็อดสูดปากไม่ได้
“ข้ายังคิดว่าจะไม่ได้เจอพวกท่านแล้ว” ชายวัยกลางคนหยักยกมุมปาก เผยรอยยิ้มออกมา หัวใจที่ตึงเครียดมาตลอด เมื่อกลับถึงบ้านก็ผ่อนคลายลง
ในที่สุดก็ถึงบ้านแล้ว ปลอดภัยเสียที
“เร็ว รีบหามไปที่เรือนหลัง ข้าจะตรวจแผลให้เจ้า” ชายชราสั่ง เขาเรียกองครักษ์สองคนมาหามอาวุโสซุนแทนสองคนที่กำลังบาดเจ็บ
“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ตายอยู่ที่นี่หรอก น่าจะไม่ตายแล้วล่ะ” อาวุโสซุนยิ้มๆ สีหน้าซีดขาวดูอ่อนแรง บาดเจ็บครั้งนี้ ทำให้คนที่อายุหกสิบกว่าปีแต่ดูเหมือนคนอายุสี่สิบกว่าปีดูแก่ ขึ้นมาในพริบตา
เดิมทีคนที่รู้วิชาแพทย์มักจะใส่ใจดูแลตนเองอยู่แล้ว โดยเฉพาะเขาที่นับว่ามีวิชาแพทย์อยู่แนวหน้าของตระกูลกัว เพียงแต่หลังจากผ่านเรื่องนี้มา เขากลับดูอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด
“พวกเจ้าเจอฝูงสัตว์ร้ายหรือ? ทำไมแผลของเจ้าถึงได้ดู…” ชายชรารู้สึกประหลาดใจ นี่เป็นรอยกัดของสัตว์ร้ายอย่างเห็นได้ชัด แต่สิ่งที่ทำให้เขาผิดคาดคือแผลที่กินเนื้อที่กว้างขนาด นี้กลับใช้ด้ายเย็บเข้าด้วยกัน?
“เกิดอะไรขึ้นหรือ? ผู้อาวุโสสูงสุดกับคนอื่นๆ กลับมากันแล้วหรือ?” ชายวัยกลางคนคนหนึ่งสาวเท้ายาวๆ เดินเข้ามา คนคนนี้ก็คือผู้นำตระกูลของตระกูลกัวนั่นเอง ได้ยินว่ากลุ่มคนที ไปฝึกวรยุทธ์ในป่าหมื่นพิษล้วนกลับมกันแล้ว หนำซ้ำยังกลับมาในสภาพบาดแผลเต็มตัวและอิดโรยเต็มที่ เขาจึงรีบมุ่งหน้ามาทันที
“ผู้นำตระกูล” อาวุโสซุนขานเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง เห็นผู้นำตระกูลรีบสาวเดินมาหาเขา
“ผู้อาวุโสซุ่น ทะ ทำไมท่านจึงมีสภาพอย่างนี้ได้?” ผู้นำตระกูลกัวตะลึงงัน เขานึกว่าเป็นเหล่าลูกศิษย์ตระกูลกัวที่บาดเจ็บ นึกไม่ถึงว่าแม้แต่อาวุโสซุ่นก็บาดเจ็บหนักขนาดนี้ด้วย ย
“ผู้นำตระกูล ไม่ใช่แค่ข้า ผู้อาวุโสสุงสุดก็บาดเจ็บหนักเช่นกัน โชคดีที่ครั้งนี้…” เขาเงียบไปครู่หนึ่ง เห็นว่ามีคนรุมล้อมอยู่เยอะ จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “ผู้อาวุโสสูงสุดกับคนอื่น กำลังตามหลังมาแล้ว เรื่องนี้รอให้ผู้อาวุโสสูงสุดรายงานท่านเองก็แล้วกัน!”
“ได้ๆ อย่างนั้นท่านกลับเรือนไปก่อน บาดแผลของท่านจำเป็นต้องจัดการใหม่” ผู้นำตระกูลกัวกำชับ ก่อนหันไปเอ่ยกับชายชราที่อยู่ข้างๆ “ท่านไปดูเขาหน่อย ใช้ยาที่ดีที่สุด ต้องรักษา าอาวุโสซุนให้หายให้ได้”
“ผู้นำตระกูลโปรดวางใจ” ชายชรารับคำ ก่อนจะพยักหน้าสั่งให้องครักษ์สองคนนั้นหามคนไปที่เรือนหลัง
“คารวะผู้นำตระกูล”
เวลานี้ เหล่าลูกหลานตระกูลกัวที่ยืนประคองกันอยู่ด้านหนึ่งคารวะอย่างนอบน้อม เสื้อผ้าบนตัวพวกเขาแต่ละคนล้วนไม่เหลือสภาพเดิมแล้ว เสื้อผ้าขาดลุ่ย คราบเลือดที่แห้งกรังเกาะอยู่ ทั่วตัว บนใบหน้าเปื้อนเลือด และมีคราบสกปรกปะปนอยู่ด้วย แต่ละคนดวงตาแดงก่ำ อารมณ์พลุ่งพล่าน
พวกเขารอดกลับมาแล้ว! พวกเขารอดกลับมาแล้วจริงๆ! พวกเขานึกว่าจะไม่ได้กลับมาที่ตระกูลกัวอีก จะไม่ได้เจอหน้าพ่อแม่และครอบครัวของพวกเขาแล้วเสียอีก…
“ลูกชายข้า! พวกเจ้าทำไมมีสภาพเช่นนี้? ทำไมบาดเจ็บขนาดนี้?” หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งกุลีกุจอวิ่งเข้ามา นางวิ่งเข้าไปลูกหลานตระกูลกัวคนหนึ่งที่มีแผลเต็มตัวพลางร่ำไห้ แต่ก็เหมือ อนได้สติกลับคืนมา รีบถอยห่างจากเขา ไม่กล้าแตะตัวเขา เหมือนกลัวจะทำให้เขาเจ็บกว่าเดิม ทั้งแตกตื่นและกังวลแต่ก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
“ท่านแม่! ท่านแม่ขอรับ! ท่านแม่…”
ลูกหลานตระกูลกัวที่ยังอายุน้อยเมื่อเห็นหน้ามารดา ในที่สุดก็ร้องไห้ออกมาอย่างทนไม่ไหว ชายอกสามศอกคนหนึ่ง กลับร้องไห้ราวกับใจจะขาดต่อหน้าคนมากมาย