เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2703 ตรงใจ / ตอนที่ 2704 ของขวัญแทนคำขอโทษ
ตอนที่ 2703 ตรงใจ
เธอพลิกอ่านข้อมูลพวกนั้น เห็นว่าส่วนใหญ่ล้วนเขียนไว้แค่ข้อมูลเล็กน้อย ไม่ได้ครบถ้วนสมบูรณ์ หลังจากพลิกอ่านไปครู่หนึ่ง ก็ค้นพบว่าไม่ได้ตรงใจนัก เฟิ่งจิ่วอดขมวดคิ้วไม่ได้
ผู้ดูแลหอแลกสมบัติที่อยู่ด้านหนึ่งเห็นเฟิ่งจิ่วพลิกอ่านแล้วก็โยนกลับไปที่เดิม เหมือนไม่เข้าตานัก จึงหันไปมองหน้ากับชายชราที่ยืนอยู่ข้างๆ แวบหนึ่ง ก่อนถามขึ้นว่า “ภูตหมอ ไม่ทราบว่ามีที่เข้าตาบ้างหรือไม่?”
“ข้อมูลพวกนี้เป็นเพียงเรื่องที่คนส่วนมากก็รู้อยู่แล้ว ไม่ได้ละเอียดมากนัก ไม่ได้ตรงต่อความต้องการของข้านัก” เฟิ่งจิ่วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่มีอารมณ์อยากอ่านต่ออีก
ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาหันไปถามผู้ดูแลและชายชราว่า “ในนี้ไม่มีของคนตระกูลกัวหรือ?”
“ตระกูลกัว?” ชายชราครุ่นคิด ก่อนเอ่ยว่า “คนของตระกูลกัวไม่ได้ส่งข้อมูลของบันไดสู่แดนเซียนมา บอกแค่ว่าต้องการพบภูตหมอแล้วจึงจะบอกอย่างละเอียด”
เฟิ่งจิ่วจึงเอ่ยว่า “อย่างนั้นก็ให้พวกเขาเข้ามาเถอะ! คนอื่นๆ ส่งกลับไปก่อน”
ด้วยประการฉะนี้ ผู้ดูแลออกไปเชิญผู้เฒ่ากัวและกัวซิ่นหนิงเข้ามา ราวกับรู้ว่าจะต้องได้พบเจ้าของยาเม็ดนี้ ผู้เฒ่ากัวไม่ได้ตกใจแต่กอย่างใด
เข้ามาข้างในแล้ว หลังจากที่สองปู่หลานเห็นชายหนุ่มสวมหน้ากากในชุดสีแดงกำลังนั่งพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางเอื่อยเฉื่อย พวกเขาประหลาดใจ พวกเขาคิดว่าคนที่สามารถกลั่นยาเช่นนี้ขึ้นมาได้ จะต้องเป็นชายชราแน่ๆ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นคนหนุ่มเช่นนี้
“ท่านนี้ก็คือภูตหมอ” ผู้ดูแลแนะนำ ก่อนจะทิ้งห้องส่วนตัวไว้ให้พวกเขาสามคน ส่วนเขากับชายชราก็ถอยออกไป
“เชิญนั่ง” เฟิ่งจิ่วกล่าว น้ำเสียงเกียจคร้านแฝงแววเย็นชา
ยามได้ยินเสียงนั้น สองปู่หลานสะดุดใจขึ้นมา รู้สึกว่าเสียงนั้นคุ้นหูมาก ราวกับเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
“เรื่องเกี่ยวกับบันไดสู่แดนเซียน พวกท่านรู้มากน้อยแค่ไหน?” เฟิ่งจิ่วถาม สายตาจับจ้องไปที่ผู้เฒ่ากัว
ทั้งสองนั่งลง ผู้เฒ่ากัวมองเฟิ่งจิ่ว เล่าเรื่องเกี่ยวกับบันไดสู่แดนเซียนให้เฟิ่งจิ่วฟัง สุดท้ายก็พูดว่า “แม้บันไดสู่แดนเซียนจะมีแค่ผู้ฝึกตนระดับจักรพรรดิเซียนขึ้นไปได้ แต่ปีนั้นข้าเองก็เคยขึ้นครั้งหนึ่ง เพียงแต่ยังเดินไปไม่ถึงด่านก็ถูกดีดออกมาแล้ว”
เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นของสิ่งหนึ่งที่เอาออกมาจากแขนเสื้อให้เขา “ภูตหมอ พวกเราต้องการจะแลกยานั้นด้วยใจจริง นี่ก็คือแผนที่บอกเส้นทางไปยังบันไดสู่แดนเซียน บนนั้นยังมีเรื่องสำคัญเขียนไว้ด้วย ข้ากล้ารับประกัน นอกจากตระกูลกัวของเรา มีเพียงตระกูลเร้นลับไม่กี่ตระกูลรวมถึงบุคคลสำคัญในสามสำนักเซียนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้”
เฟิ่งจิ่วรับของที่เขายื่นให้แล้วอ่านอย่างละเอียด ผ่านไปครู่ใหญ่ เธอพยักหน้า เอ่ยด้วยเสียงเนิบช้า “จริงดังว่า เทียบกับคนอื่น แผนที่แผ่นนี้และเรื่องที่ท่านเล่าให้ฟังครบถ้วนสมบูรณ์มากที่สุดแล้ว”
เธอพับแผนที่ หยิบสมุดเล่มเล็กที่เขียนสิ่งที่จะแลกเปลี่ยนด้วย เห็นว่าเขียนชื่อยาทิพย์ที่มีค่าและหายากสามชนิดไว้ เฟิ่งจิ่วหยักยิ้มมุมปาก เอ่ยว่า “สิ่งของที่ท่านผู้เฒ่ากัวเลือกก็ตรงใจข้ายิ่ง”
ได้ยินคำเรียกขานว่าท่านผู้เฒ่ากัว แววประหลาดใจพาดผ่านดวงตาของเขา เขามองเฟิ่งจิ่วแวบหนึ่ง “ฮะๆๆ ภูตหมอชำนาญทักษะการกลั่นยา ข้าจึงคิดไม่มีสมบัติมีค่าสิ่งใดเหมาะสมยิ่งกว่าสมุนไพรอีกแล้ว พอดีกับที่ตระกูลของข้ามียาทิพย์ล้ำค่าพวกนั้นอยู่พอดี จึงได้นำมาแลกเปลี่ยนกับภูตหมอ”
เฟิ่งจิ่วเรียกผู้ดูแลและชายชราที่รออยู่ข้างนอก ก่อนเอ่ยกับผู้เฒ่าว่า “ยานี้เป็นของพวกท่านแล้ว ให้พวกเขาทดสอบต่อหน้าตอนนี้เถอะ!”
………………………………….
ตอนที่ 2704 ของขวัญแทนคำขอโทษ
ด้วยเหตุนี้ ชายชราจึงก้าวเข้ามาทดสอบ เพื่อให้พวกเขาได้ดูอย่างละเอียด สุดท้ายทั้งสองก็แลกเปลี่ยนสิ่งของกัน ดูออกว่าตอนที่ผู้เฒ่ากัวเก็บยา เขาลอบถอนหายใจเบาๆ ด้วย
ผู้เฒ๋ากัวกับกัวซิ่นหนิงถูกเชิญออกไปก่อน เพื่อหลบเลี่ยงสายตาผู้คน พวกเขาจึงออกจากประตูหลังเงียบๆ
ส่วนเฟิ่งจิ่วเองหลังจากที่จ่ายค่าดำเนินการก็กลับไป เธอมาถึงสถานที่ลับตาคนแห่งหนึ่งก่อนหายตัวเข้าไปในห้วงมิติ ถอดหน้ากากออก เปลี่ยนใส่เสื้อผ้าสีเขียว จากนั้นก็เดินออกจากตรอกซอยเส้นหนึ่ง
เธอไม่ได้ตรงกลับจวนเซี่ยน แต่เดินมาหาอะไรกินที่ร้านแผงลอยเล็กๆ ข้างถนนใหญ่
บนถนนใหญ่อีกเส้นหนึ่ง สองปู่หลานกำลังเดินทอดน่องราวกับกำลังเดินเล่นอยู่ กัวซิ่นหนิงเห็นปู่ของเขาสีหน้าผ่อนคลายลงหน่อยแล้ว ใบหน้ายิ้มแย้ม คล้ายอารมณ์ดีไม่น้อย จึงถามว่า “ท่านปู่ ภูตหมอชุดแดงเมื่อครู่ ดูเหมือนเฟิ่งจิ่วอยู่บ้างหรือไม่?”
ผู้เฒ่ากัวฝีเท้าสะดุดเล็กน้อย ก่อนจะสาวเท้าเดินต่อไป เสียงแหบชราแฝงแววครุ่นคิด “คล้ายนั้นก็คล้ายอยู่ แต่คนเมื่อกี้เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ หนำซ้ำยังเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับสูงแล้วด้วย เดิมทีเฟิ่งจิ่วก็มีวรยุทธ์ที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว จะเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุอีกได้อย่างไรกัน?”
เขาเดินสาวเท้าไปช้าๆ สายตาจ้องมองไปข้างหน้า พูดขึ้นว่า “แต่เสียงนั้นฟังดูคล้ายกันมาก มีเพียงบุคลิกที่เปลี่ยนไป ไม่ค่อยเหมือนกันนัก ฉะนั้นข้าคิดว่าจะใช่คนที่มีความเกี่ยวข้องกับเฟิ่งจิ่วหรือไม่ บางที อาจเป็นครอบครัวของเขาก็ได้?”
ได้ยินอย่างนั้น แววตาของกัวซิ่นหนิงไหวระริก ไม่ได้พูดอะไรอีก ใช่แล้ว! วรยุทธ์ของเขาร้ายกาจขนาดนั้นแล้ว จะกลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุไปอีกได้อย่างไรกัน? หากเป็นอย่างนั้นจริง ก็ผิดกฏธรรมชาติมากเกินไปแล้ว
สองปู่หลานเดินไปเรื่อยๆ ขณะผ่านถนนเส้นหนึ่ง กลับเห็นเฟิ่งจิ่วที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่แผงลอยตรงมุมทางโค้ง ตอนเห็นเขา พวกเขาสองคนประหลาดใจเล็กน้อย
“ท่านปู่ นั่นเฟิ่งจิ่ว” กัวซิ่นหนิงมองเงาร่างสีเขียวที่นั่งอยู่ตรงแผงลอยเล็กๆ นั่น
“หึๆ บังเอิญจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะได้มาเจอกันที่นี่” ผู้เฒ่ากัวว่า เขาลูบหนวดเดินเข้าไป “คุณชายเฟิ่ง นึกไม่ถึงว่าจะบังเอิญเจอเจ้าที่นี่!”
เฟิ่งจิ่วหันหน้ามา เห็นว่าเป็นพวกเขา จึงพยักหน้า “ข้าออกมาเดินเล่น จึงถือโอกาสหาอะไรกิน ทั้งสองท่านกินด้วยกันหรือไม่?”
“ดี” ผู้เฒ่ากัวนั่งลง กัวซิ่นหนิงเองก็นั่งลงข้างๆ ด้วย เพียงแต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาตะลึงก็คือ พวกเขาเพิ่งนั่งลง เฟิ่งจิ่วก็ลุกขึ้นแล้ว
“พวกท่านค่อยๆ กินก็แล้วกัน! ข้ายังมีธุระต่อ ขอตัวกลับก่อน” เธอเอ่ยยิ้มๆ หลังจากจ่ายเงินก็สั่งของว่างสองสามอย่างให้พวกเขา พร้อมกับเอ่ยว่า “อาหารที่แผงลอยนี้รสชาติไม่เลว พวกท่านชิมดู”
เห็นเฟิ่งจิ่วหันตัวเดินจากไป ผู้เฒ่าส่ายหน้าหัวเราะ “นี่คือไม่อยากใกล้ชิดกับพวกเราหรือ? นึกไม่ถึงว่าจะมีวันที่ข้าถูกรังเกียจเช่นนี้ด้วย!”
กัวซิ่นหนิงไม่ได้พูดอะไร เพียงหยิบตะเกียบยื่นให้ท่านปู่ของเขา “ท่านปู่ ลองชิมรสชาติดู”
ด้วยเหตุนี้ หลังจากที่ทั้งสองกินอะไรเล็กน้อยก็กลับเรือนรับรองไป คิดอยู่ว่าจะหาเวลาไปเยี่ยมตระกูลเซี่ย
ส่วนเฟิ่งจิ่วที่ถึงจวนเซี่ยแล้วกลับเข้าห้องไปศึกษาแผนที่อย่างละเอียด จดจำเส้นทางทั้งหมดไว้ ขณะเดียวกันก็ระมัดระวังเรื่องที่ผู้เฒ่ากัวเล่าให้ฟังด้วย กระทั่งถึงตอนเที่ยง เซี่ยอวี้ถังเคาะประตูห้องเธอ
“เสี่ยวจิ่ว เสี่ยวจิ่ว”
ประตูห้องเปิดออก เธอมองเขาที่ยืนอยู่นอกห้อง ก่อนถามว่า “มีเรื่องอะไรหรือ?”
“ตระกูลหร่วนบอกว่าจะมอบของขวัญปลอบขวัญให้พวกเรา ท่านแม่ให้ข้ามาถามเจ้า จะไปหรือไม่?”