เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2713 เรียกคนมา / ตอนที่ 2714 ทาส
ตอนที่ 2713 เรียกคนมา
“คุณหนูหร่วนสี่ พวกเราไม่ได้สนิทกันมาก คำว่าพี่ชายของเจ้า ข้าไม่กล้ารับไว้” เฟิ่งจิ่วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเอื่อยเฉื่อย เห็นนางหน้าเปลี่ยนสี เธอจึงยิ้มๆ ถามว่า “แต่ข้าสงสัยนัก ข้าทำอะไรให้เจ้าตกใจกันแน่?”
เห็นนางแสร้งทำเป็นขดตัวหนีด้วยความกลัวตลอด เอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมตอบคำถาม เฟิ่งจิ่วตบหน้าผากตนเองเหมือนนึกขึ้นได้ “อ้อ ใช่สิ ตอนนี้เจ้าน่าจะกำลังถ่วงเวลา ข้าคิดว่าคนที่คอยคุ มกันเจ้าอย่างลับๆ คงกำลังกลับไปรายงานแล้วกระมัง? ไม่นาน คนของตระกูลหร่วนก็คงจะมาที่นี่”
ได้ยินการคาดเดาของเฟิ่งจิ่ว สีหน้าของคนรอบข้างดูแปลกใจ ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่
ส่วนฮูหยินคนงามเมื่อเห็นสถานการณ์เป็นอย่างนี้ จึงจัดการให้ฝูงชนออกไปจากที่นี่ก่อน เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการทำให้เรื่องราวใหญ่โต อย่างไรก็เป็นตระกูลเซี่ย บ้านใหญ่ต่างก็ขออภัยแ และเชิญพวกเขาให้ออกไป ทุกคนจึงออกไปก่อน แต่กลับไม่ได้เดินไปไกลนัก พวกเขาแค่ออกจากประตูจวนเซี่ย จากนั้นก็หาที่นั่งคุยกันไม่ไกลจากที่นี่นัก
พวกเขารู้สึกได้ว่าเรื่องในวันนี้จะต้องไม่จบง่ายๆ อย่างนี้แน่ อย่างไรคนของตระกูลหร่วนก็ไม่ยอมแน่นอน
เป็นดังคาด ผ่านไปไม่นาน คนของตระกูลหร่วนมาถึงที่ เพียงแต่ พวกเขายังไม่ทันเข้าประตูใหญ่จวนเซี่ย ก็มีคนสิบคนเดินออกมาจากข้างในก่อน
“ท่านพ่อ!” หร่วนซานเห็นว่าผู้มาคือพ่อของนาง จึงอดขานเรียกด้วยความดีใจไม่ได้
หร่วนซื่อที่เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้ได้ยินเสียงเรียกก็เงยหน้ามอง นางสาวเท้าเร็วๆ เดินเข้าไปหา “ท่านพ่อ” นางสะอึก พุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของพ่อ
“เอาล่ะ ไม่เป็นไรแล้ว เจ้าไปรออยู่ข้างๆ ก่อน พ่อจะขอความเป็นธรรมให้เจ้าเอง!” ผู้นำตระกูลหร่วนเอ่ยเสียงขรึม สายตาคมปลาบตวัดมองผ่านฝูงชน ก่อนจะหยุดจ้องพิจารณาเฟิ่งจิ่ว จากนั้น นกลับมองไปที่ฮูหยินคนงามที่เดินตามหลังมา
“ไม่ทราบว่าฮูหยินเซี่ยจะอธิบายเรื่องนี้กับพวกเราอย่างไร?” เขาไม่ได้ถามเฟิ่งจิ่ว แต่หันไปถามนายหญิงตระกูลเซี่ยโดยตรง
“ผู้นำตระกูลหร่วน เรื่องนี้น่าจะมีการเข้าใจผิดกัน เสี่ยวจิ่วไม่ใช่เด็กอย่างนั้น” ฮูยหยินคนงามเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เดินมาหยุดข้างกายเฟิ่งจิ่ว”
“เข้าใจผิด? เหอะ!”
เขาแค่นเสียงขึ้นจมูกหนักๆ “หรือจะบอกว่าลูกสาวข้าปรักปรำเขา? เขาเป็นแค่บ่าวรับใช้คนหนึ่ง ลูกสาวข้ามีฐานะสูงส่ง นางหรือจะปรักปรำบ่าวรับใช้คนหนึ่งด้วยการทำลายชื่อเสียงของ ตนเอง?”
เซี่ยเหยียนที่กำลังต้อนรับผู้เฒ่ากัวหลังรู้ว่าคนของตระกูลหร่วนมา จึงตามมาด้วย ขณะเดียวกันผู้นำตระกูลเซี่ยก็พาคนมุ่งหน้ามาทางนี้ด้วยเช่นกัน ครั้นเห็นสถานการณ์ตรงหน้า ผู้นำ ำตระกูลเซี่ยอึ้งงัน ก้าวเข้าไปถามความ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ผู้นำตระกูลหร่วนมาเยือนตระกูลเซี่ยแล้ว เหตุใดไม่เข้ามาดื่มชาเล่า?”
“ชาตระกูลเซี่ยของพวกท่านไม่ได้อร่อยขนาดนั้น!” ผู้นำตระกูลหร่วนเห็นคนของบ้านใหญ่มา จึงไม่มองหน้าฮูหยินของเซี่ยเหยียนอีก แต่หันไปมองผู้นำตระกูลเซี่ยแทน เอ่ยว่า “ลูกสาวของข ข้ามาเป็นแขกที่บ้านญาติสายรองของตระกูลเซี่ยของพวกท่าน แต่กลับถูกบ่าวรับใช้คนหนึ่งรังแกอย่างไม่คาดคิด ท่านว่า เรื่องนี้ควรจัดการอย่างไรดี!”
ผู้นำตระกูลเซี่ยได้ยินก็ตะลึงงัน จากนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ถามว่า “บ่าวรับใช้คนใดกำเริบเสิบสานขนาดนี้!”
“เป็นเขา เขานั่นแหละ!” หร่วนซานชี้ไปที่เฟิ่งจิ่ว
เวลานี้ เซี่ยเหยียนที่อยู่ข้างหลังเดินออกมา กล่าวว่า “ผู้นำตระกูล เขาไม่ได้เป็นบ่าวรับใช้ของเรา แต่เป็นแขกของเรา”
ผู้นำตระกูลเซี่ยมองเขาแวบหนึ่ง ก่อนหันไปมองเฟิ่งจิ่ว “เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเจ้า เจ้าไม่คิดว่าควรพูดอะไรหน่อยหรือ?”
เฟิ่งจิ่วยิ้มๆ สาวเท้าออกมา “ผู้นำตระกูลเซี่ยพูดได้ถูกต้อง เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะข้าจริงๆ หากยืนดูอยู่เฉยๆ ก็เหมือนจะไม่ถูกต้องนัก”
………………………………….
ตอนที่ 2714 ทาส
เธอก้าวออกมา หันไปเอ่ยกับผู้นำตระกูลหร่วน “ไม่ทราบผู้นำตระกูลหร่วนตั้งใจจะจัดการเช่นไรหรือ?”
ผู้นำตระกูลหร่วนมองเด็กหนุ่มตรงหน้าแวบหนึ่ง ในหัวนึกถึงคำพูดของลูกสาวคนที่สี่ที่เคยบอกเขา เพราะเด็กหนุ่มคนนี้พวกเขาถึงได้รู้ว่าลูกสาวที่ถูกพวกเขาเพิกเฉยมาตลอดมีพื้นฐาน นร่างกายเช่นนั้น ซ้ำยังมีพรสวรรค์ที่เหนือกว่าคนรุ่นราวคราวเดียวกันในตระกูลด้วย
เรื่องที่แม้แต่พวกเขายังมองไม่ออก เด็กหนุ่มคนนี้กลับมองได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
นึกถึงตรงนี้ เขาสูดหายใจลึกๆ สงบอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านในใจ มองเฟิ่งจิ่ว เอ่ยว่า “ล่วงเกินลูกสาวของข้า หนึ่งคือควักดวงตาของเจ้าเสีย ตัดมือทั้งสองข้างของเจ้า สองคือจงเป็น นทาสของตระกูลหร่วนนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!”
ครั้นประโยคนี้ออกไป เขากลับรู้สึกว่าสมเหตุสมผล ผู้ฝึกตนตัวเล็กๆ ที่ไม่มีอำนาจเบื้องหลังซ้ำยังมีวรยุทธ์อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานล่วงเกินตระกูลใหญ่ ถูกฆ่าก็เป็นเรื่องธรรมดา อย่า างไรเสียบารมีของผู้แข็งแกร่งก็ไม่อาจล่วงเกิน อย่าว่าแต่ควักดวงตาหรือตัดมือเลย แม้จะฉีกร่างเขาเป็นหมื่นๆ ชิ้นก็เกรงว่าจะไม่มีใครว่าอะไรได้
อย่างไรคนอ่อนแอก็คือคนอ่อนแอ ไม่มีใครออกหน้าเพื่อคนอ่อนแอคนหนึ่งแน่นอน เทียบกับควักตาตัดมือ หากยอมเป็นทาสก็ยังสามารถรักษาชีวิตไว้ได้ เพียงแต่ ต่อจากนี้เขาต้องกลายเป็นทาส ส ยอมเป็นวัวเป็นควายทำงานเพื่อพวกเขา และยอมโดนพวกเขาด่าไปตลอดชีวิตที่เหลือ
ยามที่ผู้เฒ่ากัวที่ยืนอยู่ด้านหลังกลุ่มคนตระกูลเซี่ยได้ยินประโยคนั้น เขาอดตะลึงงันไม่ได้ จากนั้นก็ส่ายหน้าและหลุดหัวเราะ กัวซิ่นหนิงที่อยู่ข้างๆ กระซิบถามเบาๆ “ท่านปู่ ท่ านว่าพวกเขาต้องการอะไร?”
“ไม่รู้ว่าต้องการอะไร แต่ข้ารู้ว่าตระกูลหร่วนซวยแล้ว” ผู้เฒ่ากัวกระซิบตอบเบาๆ เจ้าว่าตระกูลหร่วนนั่นหาเรื่องใครไม่หา? ดันไปหาเรื่องอัจฉริยะโรคจิตคนนั้นทำไมกัน?
คิดว่าเด็กหนุ่มชุดเขียวที่หน้าตาใสซื่อเป็นเจ้าอ่อนที่รอคนมาเชือดเฉยๆ จริงหรือ? ไม่รู้ว่าตระกูลหร่วนคิดอะไรอยู่ถึงได้มาหาเรื่องเขา
เซี่ยเหยียนกับภรรยาได้ยินคำพูดนั้นก็มองหน้ากันแวบหนึ่ง ทาส? คนอื่นไม่รู้ แต่พวกเขารู้ ลูกชายของพวกเขาเคยเล่าเรื่องที่เจอคุณหนูหร่วนสี่ได้อย่างไร ดูจากเรื่องที่เกิดขึ้นใ ในวันนี้ เดาว่าคนของตระกูลหร่วนหมายตาเฟิ่งจิ่วเข้าแล้ว
เพียงแต่ พวกเขาหมายตาเขา ทว่ากลับไม่รู้เลยว่าเฟิ่งจิ่วเป็นคนอย่างไร ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ทำเรื่องอย่างนี้โดยไม่คิดหน้าคิดหลังก่อน
แม้พวกเขาจะไม่ได้รู้จักเฟิ่งจิ่วดี แต่กลับรู้ว่าตระกูลหร่วนไม่ได้เจตนาดีกับเขา เดาว่าเขาเองก็คงไม่ปรานีตระกูลหร่วนเช่นกัน คนที่สามารถกำราบสัตว์เทวะให้สยบแทบเท้าได้ คนที่สามารถทำให้ผู้เฒ่าตระกูลกัวมาเยือนถึงจวนได้ พวกเขาไม่คิดว่าหากเขาบันดาลโทสะขึ้นมาจริงๆ แล้วตระกูลหร่วนจะรับมือไหว
คุณหนูหร่วนสี่ที่ยืนแอบอยู่ด้านหลังคุณหนูหร่วนสามได้ยินคำพูดของพ่อนาง แพขนตาที่หลุบต่ำกระพือสั่น ร่างกายก็สั่นเทาเล็กน้อยจนแทบไม่สังเกตเห็น นางไม่กล้าเงยหน้า เอาแต่ก้ม มหน้าก้มตาอยู่อย่างนั้น
“หึๆ…”
เสียงหัวเราะในลำคอทำลายบรรยากาศแปลกๆ นี่ เฟิ่งจิ่วหยักยิ้มมุมปาก นัยน์ตาสุกใสกลับไร้ซึ่งรอยยิ้ม มีเพียงความเยือกเย็นและเย้นหยัน
“ล่วงเกิน? จะว่าไปแล้วก็ใช่ ทำไมข้าถึงได้ลืมคำว่าล่วงเกินสองคำนี้ไปได้นะ! ผลลัพธ์จากการล่วงเกินผู้แข็งแกร่งไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะรับไหวหรอกนะ”
“เจ้ารู้แล้วก็ดี!” ผู้นำตระกูลหร่วนเอ่ยเสียงเข้ม ยืนเอามือไพล่หลัง สายตาจับจ้องใบหน้าของเฟิ่งจิ่ว “ว่าอย่างไร? เจ้าอยากถูกควักตาตัดมือ? หรือจะเป็นทาส?”
“ข้าไม่เอาทั้งสองอย่าง” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงแช่มช้า หรี่ตาเล็กลง ก่อนย้อนถามว่า “พวกเจ้าเอาแต่บอกว่าข้าอย่างโน้นข้าอย่างนี้ อย่างนั้น หากข้าพิสูจน์ได้ว่าตนเองบริสุทธิ์ พวก เจ้าจะทำอย่างไร?”