เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2739 พบกันบนเส้นทางแห่งเซียน / ตอนที่ 2740 ชี้นำ
ตอนที่ 2739 พบกันบนเส้นทางแห่งเซียน
เขาคือเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่อายุไม่มาก แต่เขาสวมใส่เสื้อคลุมสีแดงสะดุดตา บุคลิกสูงส่งไม่ธรรมดา ครั้นเด็กหนุ่มเอียงคอหันมามองทางพวกเขา ดวงหน้าที่หล่อเหลาปากเทวดาพลันปรากฏในคร รรลองสายตาของพวกเขา ทำให้พวกเขาอดอุทานในใจไม่ได้ ‘ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่โดดเด่นจริงๆ’
พวกเขาพยักหน้าให้กับเด็กหนุ่มที่มองมา จากนั้นก็ปรับอารมณ์ ก่อนจะก้าวขึ้นไปบนบันไดสู่แดนเซียน ทว่า พวกเขาเพิ่งขึ้นบันไดสู่แดนเซียนไปได้ไม่นาน กลับเห็นเด็กหนุ่มชุดแดงหน้าตา าหล่อเหลาคนนั้นตามขึ้นมาด้วย หนำซ้ำอีกฝ่ายเดินทอดน่องด้วยท่าทางผ่อนคลายค่อนไปทางขี้เกียจด้วยซ้ำ ไม่มีท่าทีตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย ราวกับตอนนี้ที่เขาเดินอยู่ไม่ใช่บันไดสู่แดน เซียน แต่กำลังเดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้บ้านตนเอง
“ท่านพ่อ เด็กหนุ่มคนนั้นก็ตามขึ้นมาด้วย” เซี่ยเหยียนหันไปพูดกับพ่อของเขา
ผู้เฒ่าเซี่ยหันไปมองแวบหนึ่ง บอกว่า “ผู้แข็งแกร่งส่วนมากมักไม่เปิดเผยตนเอง บางทีเด็กหนุ่มอาจมีคุณสมบัติมากพอที่จะขึ้นบันไดสู่แดนเซียนแล้ว คนที่มาถึงที่นี่ล้วนไม่ใช่คนธรรมดา ไม่อาจมองในมุมมองคนทั่วไปได้”
เซี่ยเหยียนเก็บงำอารมณ์ ก่อนรับคำว่า “ขอรับ” นั่นสินะ นึกถึงตอนนั้น ใครจะรู้ว่าเฟิ่งจิ่วที่พวกเขาเจอกลางทางจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่มีพลังลึกล้ำขนาดนั้น?
เด็กคนนั้นหน้าตาไม่ได้โดดเด่น สวมใส่เสื้อผ้าสีเขียวที่ดูธรรมดาเสียยิ่งกว่าธรรมดา วาจาการกระทำยิ่งเหมือนลูกชาวบ้านทั่วไป แต่เด็กคนนั้นกลับทำให้พวกเขารู้สึกเหนือความคาดหมาย ครั้งแล้วครั้งเล่า
และเพราะเด็กคนนั้น ลูกชายของเขาถึงได้สัตว์ร้ายระดับสัตว์เทวะมาหนึ่งตัวทั้งที่อายุยังน้อย ตอนนี้แม้พวกเขาพ่อลูกไม่อยู่บ้านก็ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว
สาวเท้าเดินไปข้างหน้า แต่ละครั้งที่ก้าวเดิน ราวกับเหยียบย่ำอยู่บนดอกฝ้าย พวกเขาต้องรวบรวมกลิ่นอายพลังวิญญาณในร่างกายเพื่อก้าวเดินไปข้างหน้า ด้วยเหตุนี้ ทุกย่างก้าวบนบันไดสู่แ แดนเซียน ล้วนไม่ได้เดินอย่างง่ายดายเลยสักนิด
“อ๊าก!”
เสียงกรีดร้องดังมาอีกครั้ง เงาร่างของคนคนหนึ่งร่วงตกลงมาจากที่สูง สองพ่อลูกตระกูลเซี่ยเห็นเงาร่างที่กลิ้งตกลงมาจากบันไดสู่แดนเซียนก็รีบหลบไปด้านข้าง เพื่อไม่ให้ถูกชนต ตกลงไปด้วย
ทั้งสองเพิ่งจะหลบไปข้างๆ ก็นึกถึงเด็กหนุ่มชุดแดงที่อยู่ข้างหลังขึ้นมาได้ จึงหันไปมอง เห็นเพียงเด็กหนุ่มชุดแดงยื่นเท้าลองเหยียบขั้นบันได ครั้นเหยียบเท้าก็จมลงไปครึ่งหนึ่ง จ จึงยกขึ้นมา ก่อนจะเหยียบลงไปอีกครั้ง ไม่รู้ปัญหาอยู่ที่แรงหรืออะไร เห็นเพียงเด็กหนุ่มชุดแดงจมลงไปครึ่งตัว และใช้เพียงศอกยันตัวไว้ ร่างกายห้อยค้างอยู่กลางอากาศ มองดูจนผู้คน นตะลึงตาค้าง
ตอนที่พวกเขาคิดว่าเด็กหนุ่มกำลังจะตกลงไป กลับเห็นเด็กหนุ่มขยับไปทางซ้ายเล็กน้อยเพื่อหลบผู้ฝึกตนที่กำลังกลิ้งตกลงมา จากนั้นเขาก็ปีนขึ้นมา ยืนอย่างมั่นคงก่อนจะออกเดินต่อ
ไม่ว่าจะเป็นสองพ่อลูกตระกูลเซี่ยที่ยืนหันกลับมาจากบนขั้นบันได หรือผู้คนที่เฝ้าดูอยู่ข้างล่างเพื่อเตรียมรับคนที่ตกลงมา เมื่อได้เห็นภาพนั้นต่างก็ตะลึงค้างไปทันที
ทำไมรู้สึกเหมือนเด็กหนุ่มขึ้นไปเล่นสนุก? เงาร่างที่กระโดดกระเด้งนั่น เดินสามก้าวหยุดหนึ่งก้าว แล้วเมื่อไรจะเดินถึงจุดหมายปลายทางเล่า?
ทว่า ด้วยวรยุทธ์ของเด็กหนุ่ม อย่างไรก็น่าจะเดินไปไม่ถึงจุดหมายปลายทางแล้ว อย่างมากก็คงเดินได้ไม่เกินหนึ่งร้อยขั้นบันได แต่ทว่า สิ่งที่ทำให้พวกเขาคาดคิดไม่ถึงก็คือ เด็กหนุ่มค คนนั้นเดินขึ้นไปทีละก้าวๆ แม้จะเดินๆ หยุดๆ ระหว่างทางยังหยุดกินผลไม้ด้วย แต่กลับไม่มีเหตุการณ์อย่างก่อนหน้านั้นเกิดขึ้นมาอีก ทำให้เมื่อใกล้ถึงบันไดขั้นที่หนึ่งร้อย หัวใจของพ พวกเขาก็ตึงเกร็งขึ้นมา
………………………………….
ตอนที่ 2740 ชี้นำ
“ทำไมเขาไม่เดินแล้วเล่า?”
“ขึ้นไปไม่ได้แล้วกระมัง?”
“ก็จริง หลังจากบันไดขั้นที่หนึ่งร้อยพวกเราก็มองไม่เห็นแล้ว ที่นั่นมีหมอกควันค่อนข้างหนา ไม่รู้ว่าหลังจากบันไดขั้นที่ร้อยจะเป็นอย่างไรบ้าง?”
“จะเป็นอย่างไรได้? เจ้าไม่เห็นหรือว่าคนพวกนั้นหลังจากขึ้นบันไดเซียนขั้นที่หนึ่งร้อยได้ไม่นานก็ตกลงมาแล้ว?”
“เดาว่าคงไม่กล้าขึ้นไปแล้วกระมัง! เด็กคนนั้นอายุยังน้อยแต่กลับมีความกล้าหาญลองขึ้นบันไดสู่แดนเซียน เท่านี้ก็นับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว”
“ก็จริง อย่างพวกเราก็ทำได้เพียงดูอยู่ข้างล่าง แม้แต่จะลองก็ยังไม่กล้า”
เหล่าผู้ฝึกตนที่อยู่ข้างล่างแหงนหน้ามองพลางวิพากษ์วิจารณ์กันไปด้วย พวกเขามองดูเงาร่างสีแดงสะดุดตา และคาดเดากันไปต่างๆ นานาว่าทำไมเขาจึงไม่ขึ้นไปอีก?
ตอนนี้เฟิ่งจิ่วหยุดอยู่กับที่ไม่ได้เดินต่ออีก เพราะเธอกำลังดูสองพ่อลูกตระกูลเซี่ยที่หลังจากก้าวขึ้นบันไดขั้นที่หนึ่งร้อย ฝีเท้าของท่านผู้เฒ่าไม่ได้ช้าลงแต่อย่างใด ขณะที่ เซี่ยเหยียนนั้นเพียงเดินไปได้สองขั้นก็เริ่มรู้สึกก้าวขาลำบากแล้ว
เธอมองดูเขายกเท้าอันสั่นเทาขณะก้าวเดิน นั่นไม่ใช่อาการสั่นที่เกิดจากความกลัว แต่เป็นเพราะเท้าหนักอึ้งจนไม่ฟังคำสั่ง แต่กลับอยากจะยกเท้าก้าวเดินไปข้างหน้าสุดกำลังจนทำให้กล้ ามเนื้อกระตุกสั่น เดินไปเพียงสองขั้น เขาก็เหงื่อท่วมตัว หายใจลำบากแล้ว
“ความมุมานะในใจมีมากเกินไป จะทำให้ก้าวเดินบนขั้นบันไดนี้ได้ยาก”
เสียงราบเรียบดังขึ้นในหูของเซี่ยเหยียน เขาตะลึงงัน หันหลังไปก็เห็นเด็กหนุ่มชุดแดงมาอยู่ข้างหลังตนเองตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ อยู่ห่างกันแค่สองขั้น ทว่า ในตอนนี้เอง เขามองเด ด็กหนุ่มก้าวเดินเข้ามาอย่างตกตะลึง หนึ่งขั้นหนึ่งก้าว เดินาหยุดตรงหน้าเขาอย่างผ่อนคลาย
“ด้วยวรยุทธ์ของท่าน ภายในสิบก้าวน่าจะไม่ใช่ปัญหา ไม่เชื่อหรือ? ลองปิดกั้นความมุมานะในใจแล้วเดินดู” เฟิ่งจิ่วแนะนำ จากนั้นก็ไม่มองเขาอีก เพียงก้าวขึ้นไปข้างบน แต่ละฝีก้าวด ดูสบายๆ ราวกับย่ำเดินอยู่บนพื้นเรียบ เซี่ยเหยียนตะลึงค้าง
ทว่า สิ่งที่ทำให้เขาตกใจก็คือน้ำเสียงอันคุ้นเคยนั่น “ฟะ เฟิ่งจิ่ว? เจ้าก็คือเสี่ยวจิ่วหรือ?” ทั้งที่หน้าตาไม่เหมือนกัน ทั้งที่ใส่เสื้อผ้าไม่เหมือนกัน ทั้งที่บุคลิกต่างกันมาก แ แต่เสียงนี่กลับฟังดูคุ้นหูถึงขนาดนั้น
ไม่ บุคลิกจะไม่เหมือนกันได้อย่างไร? บุคลิกที่ผ่าเผยและเย่อหยิ่งนั่น ก็คือเฟิ่งจิ่วไม่ใช่หรือ? ตอนที่เขาสู้กับคนของตระกูลหร่วน กลิ่นอายอันสูงส่งของเขาก็เป็นอย่างนี้ไม่ใช่หรือ อ?
เฟิ่งจิ่วชะงักเท้าเล็กน้อย หยุดมองเขาจากบันไดที่อยู่ห่างออกไปสิบขั้น “ข้าเอง”
เซี่ยเหยียนดีใจมาก รีบปิดกั้นความมุมานะในใจอย่างไม่ลังเล พยายามทำให้อารมณ์ของตนเองกลับมาสงบนิ่งไร้คลื่น เมื่อเขาก้าวเท้าอีกครั้ง ก็ไม่ได้รู้สึกหนักอึ้งเหมือนเก่าแล้วจริงๆ
แต่ทว่า เมื่อเขาเดินขึ้นไปทีละขั้นๆ แรงกดดันและพลังอันแข็งแกร่งที่บันไดสู่แดนเซียนแผ่กระจายออกมากลับกดทับเขาจนแทบหายใจไม่ออก ซึ่งตอนนี้ เขาเดินมาได้เพียงเก้าขั้นเท่านั้น
“ดูท่า ข้าคงขึ้นไปไม่ไหวแล้ว” เขายิ้มอย่างขมขื่น รู้ว่าหากตนเองยังฝืนขึ้นไปอีก จะต้องถูกแรงกดดันจากบันไดนี้ดีดตกลงไปจนอยู่ในสภาพหายใจรวยรินแน่นอน
เฟิ่งจิ่วพยักหัวเล็กน้อย “ทำได้ดีมากแล้ว ลงไปเถอะ! ลูกและภรรยาของท่านยังรออยู่ที่บ้าน”
เซี่ยเหยียนสะท้านไปทั้งใจ มองเขาด้วยแววตาลึกซึ้ง ประสานหมัดคารวะเขา “ขอบคุณ”
ลูกและภรรยากำลังรอเขาอยู่ที่บ้าน แม้ไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่เขาก็ต้องคิดถึงลูกและภรรยาที่บ้านด้วย รอดชีวิตกลับไปจึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เมื่อนึกถึงจุดนี้ หลังจากประสาน นหมัดคารวะเฟิ่งจิ่ว มองบันไดสู่แดนเซียนแวบหนึ่ง เขาก็หันตัวเดินลงไป
เมื่อเห็นเขาหันตัวเดินลงไป เฟิ่งจิ่วละสายตากลับมา มองไปข้างหน้า ก่อนจะสาวเท้าเดินขึ้นข้างบนต่อ