เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า - ตอนที่ 2741 ร่วง / ตอนที่ 2742 ภาพลวงตา
ตอนที่ 2741 ร่วง
เดินไปได้ไม่กี่ก้าว เธอก็หยุดเดินอีกครั้ง เงยหน้ามองขึ้นไป เห็นว่าบนบันไดที่ห่างออกไปสิบขั้นมีผู้ฝึกตนสองคนที่ราวกับปีศาจเข้าแทรก พวกเขาตวัดกระบี่ไปมา ปากก็ตะโกนตลอดว ว่า “ข้าจะฟันเจ้าให้ตาย! ฟันเจ้าให้ตายเสีย!”
กลิ่นอายอันดุดันกระจายไปทั่ว จากนั้นก็หายวับไปกลางอากาศ ผู้ฝึกตนกลุ่มหนึ่งที่เดินเลี่ยงผ่านพวกเขาไป บางคนบาดเจ็บเพราะหลบไม่ทัน
เธอเห็นผู้เฒ่าเซี่ยยืนนิ่งอยู่บนบันไดที่ห่างออกไปสามขั้น เขายืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างหน้าไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่ จู่ๆ ก็หันตัวเดินไปอีกทางด้วยดวงตาเลื่อนลอย ครั้นเ เห็นว่าสถานการณ์แปลกๆ เธอรีบก้าวเข้าไป ก่อนที่ผู้เฒ่าเซี่ยจะเหยียบอากาศ เฟิ่งจิ่วคว้าเขาไว้
“ท่านผู้เฒ่า”
เฟิ่งจิ่วขานเรียก เสียงของเธอแฝงด้วยแรงกดดันอันทรงพลัง ลอยเข้าไปในหูของผู้เฒ่าเซี่ย ทำให้เขาสะดุ้งตื่นจากภวังค์ลวงตา
“เจ้าคือ…” เขามองเด็กหนุ่มชุดแดงที่ดึงตนเองไว้ ก่อนจะก้มหน้ามองเท้าที่เกือบเหยียบอากาศของตนเอง หัวใจพลันสั่นไหว
“ท่านผู้เฒ่าระวังด้วย” เฟิ่งจิ่วเอ่ย ก่อนจะปล่อยมือที่จับเสื้อของเขาไว้
“เจ้าคือ…เฟิ่งจิ่ว?” ผู้เฒ่าเซี่ยได้ยินเสียงนั้นแล้วรู้สึกคุ้นเคย จึงอดถามออกไปอย่างลังเลไม่ได้ เพียงแต่ หน้าตาของเด็กหนุ่มชุดแดงตรงหน้าหล่อเหลาไม่ธรรมดา จึงรู้สึกไม่มั่นใจนัก
เฟิ่งจิ่วยิ้ม “ข้าเอง”
ผู้เฒ่าเซี่ยได้ยินคำตอบก็ตะลึงงัน ยิ้มเอ่ยว่า “นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเจ้าจริงๆ แทบ…แทบจำไม่ได้เลย!” ราวกับเปลี่ยนไปคนละคน หากไม่ใช่เพราะเสียงของอีกฝ่าย เขาคงจำไม่ได้แล้วจริงๆ
“ท่านผู้เฒ่าก็จะขึ้นบันไดสู่แดนเซียนด้วยหรือ? ไปด้วยกันเถอะ!” เฟิ่งจิ่วเอ่ย ก่อนจะก้าวขึ้นบันไดขั้นต่อไป
ผู้เฒ่าเซี่ยชะงักงันไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบตามไป เพียงแต่ แต่ละย่างก้าวของเขาไม่ได้ง่ายเลย หนำซ้ำยิ่งก้าวสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ก็เหมือนมีภาพลวงตาอันสับสนวุ่นวายคอยก่อกวนความคิดของเข ขา ทันใดนั้น เขามองไปข้างหน้า กลับไม่เห็นเงาร่างของเฟิ่งจิ่วแล้ว เห็นเพียงเสื้อตัวใหญ่อ้าปากกว้างและกระโจนเข้ามาใส่เขา
เสือร้ายท่าทางดุดัน อ้าปากที่มีเขี้ยวแหลมคม อันตรายที่ประชิดเข้ามาตรงหน้า ทำให้เขาลั่นร้องตกใจถอยไปข้างหลังและกลิ่งตกลงบันไดไปหลายขั้น
เฟิ่งจิ่วยืนมองอยู่ข้างบน สายตาไหวระริก ในสายตาของเธอ เมื่อครู่ผู้เฒ่าเซี่ยจู่ๆ ก็ร้องลั่นขึ้นมาเอง จากนั้นก็กลิ้งตกลงไปข้างล่าง เพียงแต่ไม่รู้ว่าในสายตาของผู้เฒ่าเซี่ย มองเห็นอะไรบ้าง?
เธอหรี่ตา มองบันไดสู่แดนเซียนใต้เท้านี้ ว่ากันว่าบันไดนี้จะทำให้เห็นภาพหลอนต่างๆ นานา แต่เธอเดินมาจนถึงตรงนี้ กลับไม่เห็นอะไรเลยสักอย่าง ไม่รู้ว่าภาพหลอนที่ว่าคืออะไรก กันแน่?
เห็นผู้เฒ่าเซี่ยลุกขึ้นแล้วเดินขึ้นมาอีกครั้ง เธอไม่ได้เดินหน้าต่อ เพียงยืนรอเขาอยู่ตรงนั้น กระทั่งเห็นเขาเดินมาจนถึงตรงหน้าเธออย่างหอบหายใจ เธอจึงถามว่า “ยังไหวหรือไม่?”
“อืม ระยะนี้ข้าเคยผ่านมาแล้ว เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ จะเห็นภาพลวงตา ไม่เป็นไร พักสักหน่อยก็เดินต่อได้แล้ว” ผู้เฒ่าเซี่ยเอ่ย เขาหอบหายใจ พักครู่หนึ่งแล้วเดินต่อไป
เฟิ่งจิ่วเดินอยู่ข้างๆ เธอไม่มีเหงื่อไหลเลยสักหยด แต่เสื้อผ้าของชายชราที่อยู่ข้างๆ กลับเปียกชุ่มไปหมดแล้ว ฝีเท้าเริ่มชะลอลงเรื่อยๆ ราวกับแต่ละย่างก้าวนั้นต้องใช้พลังมหาศา าลเหลือเกิน
เธอเห็นเสื้อคลุมบนตัวชายชราฉีกขาด เห็นผิวหนังบนใบหน้าของชายชราเป็นรอยถลอกจากสายลมที่กรีดพัด เห็นเขายกเท้าขึ้นมา ทว่าเนิ่นนานแล้วก็ยังไม่อาจก้าวเหยียบบันไดขั้นต่อไปไ ได้เสียที…
………………………………….
ตอนที่ 2742 ภาพลวงตา
เท้าของผู้เฒ่าเซี่ยที่ยกค้างอยู่กลางอากาศไม่อาจก้าวข้ามบันไดขั้นนั้นได้สักที เขาจ้องขั้นบันไดตรงหน้าอยู่นานมาก ในที่สุดก็ถอนหายใจ ดึงเท้ากลับไป หันมามองเฟิ่งจิ่ว บอกว่า า “ดูท่าข้าคงมาได้แค่นี้แล้ว คนเราไม่ควรทำเรื่องที่เกินกำลังตนเอง ข้าคงไม่ขึ้นไปแล้ว”
เขาเงียบไปเล็กน้อย ก่อนเอ่ยกับเฟิ่งจิ่วอีกว่า “เส้นทางข้างหน้ายังอีกยาวไกล เจ้าระวังตัวด้วย”
“ได้” เฟิ่งจิ่วรับคำ ก่อนจะหันตัวออกเดินต่อไป
ชายชราที่อยู่ข้างหลังเห็นเขาเดินด้วยฝีเท้าผ่อนคลาย ก้าวเดินไปอย่างต่อเนื่องไม่หยุดพัก ราวกับไม่มีอะไรสามารถหยุดยั้งเขาได้ มองเห็นเงาร่างของเขาเดินผ่านผู้ฝึกตนพวกนั้นไป และค ค่อยๆ ไกลออกไป ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจ ก่อนจะหันตัวเดินกลับลงไป
เดินมาถึงตรงนี้ ราวกับว่าดินแดนแห่งจิตวิญญาณได้เปลี่ยนแปลงไปอีกขั้นแล้ว กลิ่นอายพลังวิญญาณในร่างกายกำลังพลุ่งพล่าน จำต้องยอมรับว่าแม้จะไม่ได้ขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของบันไดสู่แดนเซ ซียน แต่สำหรับเขาแล้ว การเดินทางครั้งนี้นับว่าได้ผลกำไร
เฟิ่งจิ่วเดินขึ้นไปข้างบน ยิ่งสูง ก็ยิ่งมองไม่เห็นเส้นทางข้างหน้า ไม่รู้ว่ายังเหลือบันไดอีกกี่ขั้น แต่อย่างไรเสียหากยังไม่ถึงปลายทาง เธอก็จะเดินหน้าต่อไป ไม่รู้เพราะอะไร เธ ธอมองไม่เห็นคนข้างหน้าและข้างหลัง แล้วก็ไม่ได้ยินเสียงของคนอื่นด้วย บนทางเส้นนี้ ราวกับมีเธออยู่เพียงลำพัง
ขณะที่ก้าวขึ้นบันไดไปอย่างแช่มช้า จู่ๆ ก็มีลมแรงพัดเข้ามา เฟิ่งจิ่วลืมตาไม่ขึ้น ร่างกายโงนเงนราวกับจะล้ม เธอหยุดเดินเพื่อยืนให้มั่นคง ก่อนจะมองไปข้างหน้า มีเพียงลมแรงที่พัด เข้ามาอย่างบ้าคลั่ง
ไม่นาน ท่ามกลางลมแรงสายฝนก็กระหน่ำลงมา ลมแรงและสายฝนกระหน่ำเมื่อซัดสาดใส่ร่างกายให้ความรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกก้อนหินขว้าง กลิ่นอายพลังวิญญาณในร่างกายใช้การไม่ได้ในเวลานี้ ไม่ สามารถป้องกันการโจมตีจากลมฝนเหล่านั้นได้
เธอรู้แค่ว่า ลมฝนกระหน่ำใส่ตัว เส้นผมสีหมึกเปียกแนบแก้ม เสื้อคลุมสีแดงก็แนบติดตัวเช่นกัน เพราะเสื้อผ้าเปียกไปหมด การเดินจึงลำบากขึ้น
ทว่า เธอไม่ได้หยุดก้าวเดิน เพราะไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดที่ขั้นบันไดด้านหลังของเธอเริ่มเลือนหายไป ราวกับหากเธอหยุดเดินเมื่อใดก็จะตกลงไปทันที ด้วยเหตุนี้ แม้เธอจะไม่ได้เดินหน้าเร ร็วนัก แต่เธอยังก็ยังคงก้าวเดินต่อไปเรื่อยๆ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ลมแรงและสายฝนที่กระหน่ำเทลงมาหยุดลงแล้ว สิ่งที่ปรากฏขึ้นมาแทนที่กลับเป็นดวงอาทิตย์อันร้อนระอุ ราวกับดวงอาทิตย์กำลังสาดส่องอยู่แค่เหนือหัวเธอเท่าน นั้น อากาศอันร้อนระอุทำให้เสื้อผ้าและเส้นผมสีหมึกของเธอแห้งในพริบตา ไอร้อนระเหยอยู่กลางอากาศ
เสื้อผ้าที่เคยเปียกแนบเนื้อตัวแห้งแล้ว แต่กลับมีเหงื่อไหลออกมาแทน เหงื่อแต่ละหยดไหลย้อยลงไปข้างล่าง เหงื่อที่แผ่นหลังก็ไหลชุ่มเสื้อผ้าไปหมด ลำคอของเธอแห้งผากมาก ขณะที่ล ล้วงเข้าไปในห้วงมิติเพื่อจะเอาน้ำ กลับค้นพบว่าหยิอะไรไม่ได้เลย
เธอชะงักงันไปเล็กน้อย ก่อนจะเดินหน้าต่อไป บนเส้นทางนี้ ราวกับไม่มียามราตรี เธอเหมือนเดินมาเนิ่นนานเหลือเกิน แต่ก็ยังไม่ถึงจุดหมายปลายทางเสียที
พลังงานในร่างกายของเธอถูกเผาผลาญไปมหาศาล ฝีเท้าค่อยๆ ช้าลง ในเวลานี้เอง อากาศบนบันไดเปลี่ยนไปอีกครั้ง ไม่กี่อึดใจก่อนยังมีดวงอาทิตย์อันร้อนระอุลอยสูงอยู่กลางหัว แผดเผาจนเธ ธอแทบลืมตาไม่ขึ้น แต่พริบตาเดียวก็ราวกับร่วงหล่นไปในดินแดนน้ำแข็ง หิมะโปรยปรายไปทั่วทิศ
หิมะตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ความหนาวเย็นกัดกินลึกเข้าไปถึงกระดูก แม้แต่เส้นทางใต้เท้าก็ยังถูกชั้นหิมะหนาๆ ปกคลุม เธอที่รู้สึกลำคอแห้งผากจนทนไม่ไหวต้องก้มเอามือกอบหิมะขึ้นมาหน นึ่งกำมือ ทว่า เธอยังไม่ทันเอาหิมะเข้าปาก ก็เห็นหิมะในมือหายวับไปต่อหน้าต่อตา